ครูดี แม่พิมพ์ดี...


ถ้ารักความเป็นครู จักต้องรู้และพัฒนาตัวเองให้เป็นครูดี ให้เป็น “แม่พิมพ์ที่ดี...”

การพัฒนาการศึกษาไทยในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกส่วนหลัก ๆ คือ
พัฒนาให้คนเก่ง กับ พัฒนาให้คนดี...

การพัฒนาให้คนเก่ง หรือเด็กนักเรียนเก่งนั้น สามารถทำได้ตามเครือข่าย “ครูเพื่อศิษย์” ที่วางแผนไว้ โดยการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ให้ครูที่ประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการเรียน การสอนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน จับมือ ร่วมมือกันเพื่อหมุนเกลียวความรู้ ความสามารถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการสอน

การพัฒนาให้คนดีนั้น จุดนี้กำลังมีปัญหามาก เมื่อเด็กเก่งแล้ว มีความรู้แล้ว เด็กจะเอาความรู้นั้นไปทำดีหรือ “ทำชั่ว...”
ครูนั้นเองเป็น “ต้นแบบ” หรือ ผู้ที่มี “อิทธิพล” ที่จะทำให้เด็กนั้นตัดสินใจเลือกทำสิ่งใดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต...

ถ้าครูเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นคนดี เป็น “ครูดี” มีกิริยา มารยาท คุณธรรม จริยธรรม และชีวิตประจำวันที่ดี เด็กย่อมมีแรง กำลังที่เดินตามสายแห่ง “ครูดี...”
แต่ถ้าครูยังไม่ใช่ครูดี มีกิริยา มารยาท คุณธรรม จริยธรรม ไม่สมกับความเป็นครู มีชีวิตประจำวันที่เหลวแหลก เด็กก็ย่อมจะมีกำลังใจที่เหลวแหลกตามครูที่สอนให้รู้ระบบ “ประชาธิปไตย...”

การสอนให้คนดีนั้นไม่สามารถสอนได้ด้วย “คำพูด” หรือตัวหนังสือ
การจะให้คนสักคนหนึ่งโดยเฉพาะเด็กหรือ “ลูกศิษย์” เป็นคนดีได้นั้น “ครู” จะต้องเป็น “ครูที่ดี”

ครูดีเพื่อศิษย์ ครูเลวก็เพื่อศิษย์ด้วยเช่นเดียวกัน
ครูเป็นอย่างไร เด็กก็เป็นอย่างนั้น...

ถ้าครูยังหวังผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม เด็กก็ย่อมซึมซับความ “เห็นแก่ตัว” นั้นติดตามตัวไปด้วย
ถ้าครูเสียสละทำทุกอย่าง ทุกย่างก้าวเพื่อศิษย์ ศิษย์เองก็ย่อมรู้จักความกตัญญู ที่สามารถรู้ได้จาก “แม่พิมพ์...”

แม่พิมพ์ของชาตินั้น จักต้องทำแบบพิมพ์คือตัวเองให้ดี
แม่พิมพ์ดี สิ่งที่ถูกพิมพ์ออกมาก็จะดี
แม่พิมพ์ไม่ดีสิ่งที่ถูกพิมพ์ออกมาจะดีไปได้อย่างไร...!!!

คนเก่งนั้นมีเยอะ มีมากมายในสังคม
คนเก่งนั้นใช้ความรู้ ความสามารถ เพื่อปรามาส และสบประมาทบุคคลอื่น
คนดีนั้นใช้ความรู้ ความสามารถ ความองอาจในการกล้าอ่อนน้อมและ “ถ่อมตัว...”

ศิษย์ดี ใช้ความรู้จากครูไปในทางดี
ศิษย์ชั่ว ใช้ความรู้จากครูไปในทางชั่ว

ครูดี ศิษย์ดี ครูชั่ว ศิษย์ชั่ว...

ถ้ารักความเป็นครู จักต้องรู้และพัฒนาตัวเองให้เป็นครูดี ให้เป็น “แม่พิมพ์ที่ดี...”

แม่พิมพ์ที่ดีไม่ต้องใช้คำพูด แม่พิมพ์ที่ดีใช้ตัวเองดี ๆ นั้นเป็น “แม่แบบ...”
แม่พิมพ์ของชาติจึงต้อง “เสียสละ” ทำตัวให้เป็นคนดี ทำดีให้ศิษย์เห็น

ถ้ารักความเป็นครู จักต้องรักความดี
ถ้ารักความเป็นครู จักต้องรู้จัก “เสียสละ...”

อาชีพอื่นเลวยังพอทน แต่ถ้าคนเลวมีอาชีพเป็น"ครู" แล้ว "ศิษย์" จะเอาต้นแบบที่ดีมาจากที่ใดเล่า...?

ถ้ารักความเป็นครู จักต้องรู้จักดูตนเอง
ดูตนเองให้ดี ไม่ว่าจะในห้องเรียน นอกห้องเรียน ชีวิตประจำวัน ชีวิตครอบครัว
สอนเด็กให้กตัญญู ครูก็ต้องกตัญญูให้เห็น
สอนเด็กให้รักเดียวใจเดียว ครูก็ต้องไม่ทำตัวออกนอกจารีต นอกประเพณี

ครูทำตัวอย่างไร เด็กก็ทำตามอย่างแบบนั้น

คนโง่แต่ทำตัวดียังน่าสรรเสริญ
คนฉลาดแต่นำความฉลาดไปทำความชั่ว “หมา” ยังเมิน
คนดี ครูดีย่อมไม่หมางเมิน สู้ประพฤติ ปฏิบัติตนเป็น “ตัวอย่าง” ที่ดี...

หมายเลขบันทึก: 303854เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2009 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ในส่วนแรก ถ้าครูในเมืองไทยยังเก่งไม่ทัน เก่งไม่พอ ก็ส่งเด็ก ส่งลูก ส่ง "ศิษย์" ไปเรียนเมืองนอกก่อน (ถ้ามีเงิน...)

แต่ถ้าไม่มีโอกาส หรือคนส่วนใหญ่นั้นด้อยโอกาส ก็ต้องจำทนอยู่อย่างนี้ ทนรับ "ชะตากรรม" อยู่อย่างนี้

คนจน คนด้อยโอกาสก็ต้องรับกรรมไป ครูเขาคงยังช่วยอะไรเราไม่ได้ เพราะครูเขากำลังฝึกตน สร้างตนให้เก่งอยู่

จุดสำคัญ "ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน" แล้วครูดี ๆ จะมีไหมเล่าที่จะสอนเด็กให้เรียนรู้จากสิ่งรอบตัว นอกจากที่จะเรียนรู้อยู่กับตัวเอง ตัวเองที่คิดตัวตัวเอง "เก่ง..."

สอนให้ครูแค่นี้ ก็ควรจะรู้แค่นี้

ครูทำตัวอย่าง (ชีวิตประจำวัน) ให้ดูแบบนี้ เด็กก็เดินตามรอยแบบนี้

เฮ้อ... ถ้ามีครูดีเยอะ ๆ เด็กไทยคงจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้

เมืองนอก เมืองนานั้นไม่ต้องไปหวังรูปแบบชีวิตที่ดี

สังคม ค่านิยมแบบ "เสรี" อะไร อะไรก็ "เสรี" ไปหมด

ไปเรียนมานอกจากจะได้ความรู้มา ก็ได้รูปแบบชีวิตแบบ "เสรี" มาด้วย

ความดี กับ เสรี นี้อยู่คนละขั้ว คนละฟากกัน

เสรีภาพ จะทำอะไรก็ได้ ตามใจ ตามสังคม

คนเรียนเมืองนอกก็เลยมีเสรีภาพมาก เพราะอะไร ๆ ก็ประชาธิปไตย "ธรรมาธิปไตย" มันไม่มี...

เฮ้อ... คนเก่งเลยห่างหายจากความดีไปเสียหมด

คนเก่งเต็มบ้าน คนฉลาดเต็มเมือง...

คนดีก็เลยเป็น "คนแปลก" กลายเป็น "ชนกลุ่มน้อย" ที่ต้องคอยหลบซ่อนเพื่อ "ทำความดี..."

การทำชั่วเลยเป็นเรื่องธรรมดา การทำดีกลายเป็นเรื่องแปลกหน้า แปลกตา

เขาชั่วกัน เขาโกงกันจนเป็นประชาธิปไตย เรื่องเลว ๆ ใครต่อใครเขาก็ทำกัน

ครูก็ต้องเสียสละเป็นคนกลุ่มน้อย ไม่ทำชั่ว ทำเลวไปกับเขา

ต้องยึดมั่น เสียสละ ทำดี ถึงแม้นใคร ๆ เขาจะไม่ทำดี

อาชีพอื่นทำชั่วก็ช่างเขา ครูต้องรับภาระในการทำความดีให้เด็กดู

ถ้ารักในอาชีพครู ก็ต้องเสียสละทำความดี

ถ้าไม่อยากทำความดี อยากทำความชั่วต้องไปทำอาชีพอื่น

เพราะครูนั้นต้องรับผิดชอบต่อศิษย์ เป็นครูจะต้องเป็น "ครูเพื่อศิษย์..."

มีใครหลายคน พูดกันว่า "อาชีพครู เป็นอาชีพที่ทุกคนคาดหวัง แต่... ไม่เคยมีใครให้ความสำคัญ"

...

เริ่มต้นง่ายๆ ทุกวันนี้ เด็กนักเรียนเก่งๆ เด็กนักเรียนที่มีโอกาส ถ้าเลือกได้ สอบเข้าสาขาวิชาไหนก่อน

... แพทย์ ทันตะ วิศวะ กว่าจะเหลือมาถึง ครุศาสตร์ อันดับที่เท่าไหร่

การเป็นครู ไม่ใช่ว่าต้องการ "คนเก่ง" เพียงอย่างเดียว ต้องเสียสละด้วย ดังนั้น

เมื่อคนดีเสียสละ สังคมรอบข้างก็จะพากันพูดว่า "เต็มใจเองนะ ไม่ได้บังคับ... แล้วจะเรียกร้องอะไร"

...

มองกันต่อๆ มา ระบบการศึกษาไทย ไม่ได้ให้ความสำคัญในการเอื้อปัจจัย ในการส่งเสริมวิชาชีพครู

ทุกวันนี้ครูผู้เสียสละทุกคน จะรู้สึกว่า อยากให้ลูกศิษย์ได้ดี อย่าได้มาเหน็ดเหนื่อยเหมือนครู

เราลืมกันไปแล้วกระมังว่า "เอาเยี่ยงกา อย่างเอาอย่างกา" เป็นเช่นไร

ถ้าศิษย์เก่ง ศิษย์ดีจริง จะแยกได้ว่า เอาเยี่ยงครู กับเอาอย่างครู นั้นแตกต่างกัน

...

เคยคุยกับทันตแพทย์หญิงคนหนึ่ง ที่เป็นลูกศิษย์แม่ สมัยเรียนประถม ถามน้องเค้าไปว่า

"ตอนอ่านหนังสือจะเป็นจะตาย เพื่อสอบเข้า ทันตแพทย์ เคยคิดหรือเปล่าว่า ชีวิตตนเป็นหมอฟันจะเป็นแบบนี้"

คำตอบคือ... "ไม่รู้หรอกพี่ รู้แต่ว่าอยากเป็น"

วันนี้เราควรทบทวน บางบทเรียน บางสาขาวิชาชีพหรือยังครับ

...

ในเมื่อมีคำพูดที่ว่า "Put the right to the right job"

วันพรุ่งนี้ คงต้องมาคุยกันว่า "เตรียมลูก(ศิษย์) ให้ถูกกับงาน" เป็นยังไง

...คำถาม ที่ไม่ได้รอเพียงคำตอบ

หากแต่ รอการ ลงมือปฏิบัติ

ครูเป็นเหมือนต้นแบบของศิษย์

เป็นผู้นำทางที่งดงาม

เป็นผู้สอนทั้งที่พูดและไม่ได้พูด

 

หลายครั้งที่ศิษย์ลื่นหกล้ม

ก็มีครูผู้เอาใจใส่ คอยประคับประคอง

เพราะความแตกต่างของศิษย์ในทุก ๆ ด้าน

ทั้งฐานะ วิถีชีวิตของครอบครัว

กลุ่มเพื่อน สังคม ทุกปัจจัย ส่งผลกระทบต่อจิตใจ

และการเรียนรู้ของศิษย์ทั้งสิ้น

ครูผู้เอาใจใส่ ก็พร้อมที่เจ้าทำความเข้าใจ

เเละสั่งสอนอย่างเต็มที่เสมอ

กราบขอบพระคุณค่ะ

 

สมัยก่อนศิษย์ลื่นหกครูช่วยประคองเหรอ...? อื้ม น่าคิด น่าคิด

เดี๋ยวนี้ครูจะช่วยประคองศิษย์ไว้ไหมน๊า...? เพราะครูก็ล้มอยู่เหมือนกัน

ปัญหาสำคัญมันอยู่ที่ว่า "ครูตัวจริง" ตอนนี้คือ "สื่อ"

ครูของครูคือ "สื่อ" ครูจึงเรียนรู้จากสื่อไปสอนศิษย์...

สื่อในปัจจุบัน ครอบคลุมในทุกกระบวนการเรียนรู้

สื่อในปัจจุบัน "เจ๋ง" จริง ๆ เก่งสุดยอด

ระบบการตลาดไหน ๆ ก็สู้พี่ไทยเราไม่ได้

วัน ๆ หนึ่งนี้ได้แต่นั่งครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรเราถึงจะได้ "เงิน" เขามา...

ไม่ว่าอาชีพใด อายุเท่าใด ถ้าให้ฉัน (สื่อ) รู้นะว่ายังว่างอยู่ ยังมีเงินอยู่

ถ้าว่างอยู่โดนเสียบแน่ ถ้ามีเงินอยู่โดน "ล้วง" แน่...

การตลาดทุกวิถีทาง (Overall Marketing) พร้อมระดมพลไปหลอก ไปลวงคุณให้ งง ๆ เบลอ ๆ แล้วก็เผลอเอาตังค์มาให้ฉัน...

สิ่งไหนเรียนรู้แล้วฉันได้ตังค์ก็ควรเรียนรู้

สิ่งไหนเรียนรู้แล้วเข้มแข็ง มีสติปัญญาดี อย่าไปรู้

ครูเดี๋ยวนี้จึงไม่เข้มแข็ง เพราะสื่อพาให้อ่อนแอ

เมื่อครูอ่อนแอ เพราะพ่ายแพ้ต่อกิเลส

ปัญหาหนี้สิน ภาระทางครอบครัวมารุมเร้า เพราะทนสิ่งเร้าจากสื่อไม่ได้

ไปสอนก็สอนอย่างงั้น เพราะทุ่มเทกำลังในการทำ "ผลงานทางวิชาการ"

ก็เงินไม่พอใช้ "หนี้" เน๊อะ ทำไงได้...

จะหยุดเหรอ กลับมาบ้านเจอทีวีอีกและ "อยาก" อีกแล้ว

เงินไม่มีเหรอ "ครู" นี่แหละ เครดิตดี "กู้ได้..."

เป็นหนี้อีกแล้ว กลุ้มอีกแล้ว "จน เครียด ดูทีวี"

ดูทีวีก็อยากอีกแล้ว

เก้าอี้ตัวนี้ก็ต้องใหม่ มือถือก็ต้องเปลี่ยน รถคันเดิมก็ใช้ไม่ได้ "กู้" อีกแล้ว เป็น "หนี้" อีกแล้ว

น่าสงสารครูนะ ที่รู้ไม่เท่าทัน "กิเลส..."

จะว่าสื่อก็ไม่ได้ เขาก็ทำมาหากินของเขา จะว่าก็ต้องว่าเราที่เราไม่เข้มแข็งพอที่จะเอาสติและปัญญาคุ้มใจ คุม "ความอยาก" ไว้ได้

เมื่อเผลอสติไป "อยาก" ไปตามเขา เราก็ต้องกลับมาทุกข์

เห่อเหิมของมียี่ห้อ "จมไม่ลง"

ครูเป็นอาชีพที่มีฐานะในสังคม จะใช้อะไรธรรมดา ๆ ก็ไม่ได้

ต้องมีหน้า มีตา มีเกียรติยศในสังคม บางครั้งซื้อรถแข่งกับลูกศิษย์ก็มี...

ครูต้องดีกว่า ครูต้องเหนือกว่า แข่งกันไป แข่งกันมา ครูและศิษย์ก็พากันลงเหว...

ทุกข์ย้งไม่พอ กลับมาดูทีวีอีก อ่านหนังสือพิมพ์อีก อ้าว ฆ่ากันตายอีกแล้ว ทุกข์อีกแล้ว

คนนี้ไม่มีเงิน เป็นหนี้ "ฆ่าตัวตาย" ฉันตายบ้างคงจะดี

อ้าว ตายอีกแล้ว ทนทุกข์ไม่ไหว หนีไป "ตาย" อีกแล้ว...!

เฮ้อ นักธุรกิจก็ใจร้ายจัง ไม่ผ่อน ไม่เบาให้ครูบ้าง

จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมาให้ครูมากจัง จนทำให้หนี้สินของครูพะรุง พะรัง จนไม่มีกะจิตกะใจไปสอนนักเรียน

เศร้านะถ้า "สติ" ของครูไม่เข้มแข็ง

ถ้าอ่อนแอก็แพ้ไปเรื่อย แพ้กิเลส แพ้ตัณหา แพ้ "กามราคะ..."

เป็นครูต้องมีศีลดี ต้องมีศีลในจิตในใจ

เป็นครูมีลูกมาก ทั้งลูกตัวและ "ลูกศิษย์..."

เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก ๆ อย่าอ่อนแอให้ลูก ๆ เห็น

เด็ก ๆ เขาก็มีสื่อเป็นครูเหมือนกัน

ถ้าครูมีสื่อเป็นครูด้วยก็ "จบกัน..."

ไม่ต้องสนใจใครแล้ว เอาตัวเองนี่แหละเป็นครู

เรียนรู้และอยู่กับตัวเองเนี่ยแหละ

ใช้ศีลประคองใจไว้ ศีล ๕ นี่ก็สุดยอดสำหรับครูแล้ว

รักษาศีล ๕ ก็เป็นครูดีได้แล้ว

ครูดี ศีลดี ศีล ๕ นี้นำความดีให้ "คุณครู..."

อาชีพที่มีฐานะทางสังคมใช้อะไรธรรมดาก็ไม่ได้?......

อืม ของที่มีในชีวิต หลงติดกับดักตัวเอง

ตอนแรก ก็ว่า ซื้อมันมาใช้ นาน ๆ ไปกลายเป็นโดนมันใช้

เอะ ยังไงเนี่ย ตอนแรกก็ว่า จะใช้ MSN เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร

ไหงเป็น ติดแหงก ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เปิดไม่ได้

ไม่ Online ไม่ได้ ปานจะขาดใจ

กว่าจะออกมาได้ ก็โดนพี่ปุ๋มลากคอ ออกมา

พอหันกลับไป โอ้ ขอบพระคุณพี่ปุ๋มมาก ๆ

เพราะตอนที่ติดอยู่ในวังวนขจอง MSN

แม้จะไม่ได้คุยกับใครมากมาย

แต่ใจ มันก็ พะวงจดจ่อ

 

ไม่เป็นอันทำอะไร

 

กราบขอบพระคุณ ท่านที่เมตตาเจ้าค่ะ

 

จนท่านผู้เมตตาลากคอออกมา

จึงได้เข้าใจ

ติดเอ็มนะ อื้ม ไม่เป็นไร มีประสบการณ์แล้ว รู้แล้วจะไม่ได้พลาดซ้ำอีก

แต่ระวังนะ ปฏิบัติธรรมไปมาก ๆ จะ "ติดดี"

ติดดีนี่แก้ยากกว่า "ติดชั่ว" อีกนะ

พยายามทำหน้าที่ ทำตามหน้าที่ มีหน้าที่ก็ทำ

อารง อารมณ์อะไร ก็พยายามอย่าให้มันครอบงำ

อยากเขียนก็เขียน ไม่อยากเขียนก็เขียน เขียนมันเป็นอย่างนั้น เขียนให้เหมือนกับเรากินข้าว

มีหน้าที่กินก็กินไป อย่าไปติดรส ติดชาด

อร่อยก็ให้รู้ว่าอร่อย อิ่มก็ให้รู้ว่าอิ่ม

อิ่มแล้วก็จบ เขียนเสร็จแล้วก็จบ

ทำหน้าที่ไปนะ ทำหน้าที่ไป...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท