สืบสาวอารยธรรมบ้านถ้ำคีรีวงศ์


วัดถ้ำคีรีวงศ์

เที่ยวงานวัด..นมัสการหลวงปู่ม่วง..สืบช่วงอารยธรรม..บ้านถ้ำคีรีวงศ์

หลังจากได้มีโอกาสเดินทางกลับภูมิลำเนา ในช่วงวันหยุดปิดภาคเรียน
ก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวงานวัด..งานนี้เขาเรียกว่า..งานประจำปี ปิดทองหลวงปู่ม่วง..นั่นเอง  ตั้งแต่จำความได้..เกิดมาครูเล็กก็มีโอกาสไปเที่ยวงานนี้ในทุกๆปี การจัดงานจะมี 3 วัน 3 คืน..โดยจะมีขึ้นในวันแรม 13 ค่ำ เดือน 5 ถึง ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 เป็นประจำทุกปี ไม่ว่าจะไปตรงกับเดือนใดก็ตาม
งานปิดทองหลวงปู่ม่วง..มีขึ้นที่วัดถ้ำคีรีวงศ์ ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ
ผู้ที่มาเที่ยวงานก็จะเป็นชาวบ้านในละแวกนี้ และไกลไปถึงจังหวัดชุมพร
ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับบารมีของหลวงปู่ม่วงนั่นเอง..แต่ละคนก็มีความเชื่อแตกต่างกันไป  แต่บอกได้อย่างหนึ่งก็คือ..ชาวบ้านในแถบ ต.ธงชัย แทบทุกคนจะมีหลวงปู่ม่วงห้อยคอกันทั้งนั้น  รวมทั้งครอบครัวของครูเล็กทุกๆคนด้วยค่ะ..

สืบสาวอารยธรรมถ้ำโบราณ และเกียรติภูมิพระสุปฏิปันฺโน(หลวงปู่ม่วง)
วัดถ้ำคีรีวงศ์ ในหมู่ 1 ต.ธงชัย เป็นวัดที่เก่าแก่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในภาคพื้นนี้ มีถ้ำคีรีวงศ์ที่สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ 1 ราชบุรี ได้มาสืบค้นและตรวจสอบพบร่องรอยที่รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จพระราชดำเนินมาถึงและทรงโปรดลงพระนามพระปรมาภิไทยย่อ จ.ป.ร. ไว้ที่ผนังถ้ำ 

ประวัติหลวงปู่ม่วง..เป็นผู้ทรงศีลมีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ถือเป็นพระเถระที่ทรงธรรมอภิญญารูปหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 มีบุญญาบารมีที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชน ชายฝั่งอ่าวไทยตั้งแต่เพชรบุรี ถึงชุมพรเลยทีเดียว
กฤษดาภินิหาร และบุญญาบารมีของหลวงปู่ม่วงมีจริง  มิเช่นนั้นคงไม่มีการถือปฏิบัติเคารพกราบไหว้มาหลายชั่วอายุคนจนถึงทุกวันนี้..
..
ความเชื่ออยู่ที่ใจ ความเป็นไปได้อยู่ที่ความศรัทธา กฤษดาภินิหารและบุญญาบารมีของหลวงปู่ม่วงมิได้มีในตอนมีชีวิตอยู่ แม้ละสังขารไปแล้วก็ยังแสดงปาฏิหาริย์ ช่วยเหลือให้ผู้ศรัทธารอดพ้นจากภัยพิบัติอยู่เนืองๆ

หลวงปู่ม่วงเป็นใครยังเป็นเรื่องที่สืบสาวไม่ได้  แต่รายงานสำนักโบราณคดีราชบุรี ความตอนหนึ่งระบุว่า"..แต่เชิงเขา ขึ้นไปถึงปากถ้ำมีบันไดก่อด้วยหินขึ้นได้สะดวก พระพุทธรูปหล่อและบันไดขึ้นถ้ำนั้น  พระม่วงมาจากจังหวัดชุมพร ได้จัดการบอกบุญเรี่ยไรสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2437.."จึงพออนุมานได้ว่า หลวงปู่ม่วงมาจาก จ.ชุมพร และมาจำพรรษาที่วัดคงคาราม(ปัจจุบันเป็นวัดร้าง)เมื่อปี 2412  ตามตำนานพื้นบ้านบอกเล่ากันสืบต่อมาว่า..มีพระ 3 รูป เป็นพี่น้องกันได้เดินทางมาจาก จ.ชุมพร  คือ หลวงปู่อินทร์ หลวงปู่ม่วง และหลวงปู่ในกุฎ(นาค) แล้วแยกย้ายกันจำพรรษาตามวัดต่างๆ  หลวงปู่อินทร์ จำพรรษาที่วัดเขาโบสถ์ อ.บางสะพาน  หลวงปู่ม่วง จำพรรษาที่วัดคงคาราม  หลวงปู่ในกุฎ จำพรรษาที่วัดกุยบุรี ตามตำนานบอกว่า หลวงปู่ในกุฎเป็นพี่อาวุโสสูงสุด  พระทั้ง 3 รูป ล้วนแต่ทรงธรรมอภิญญาเป็นที่ศรัทธาของปวงชนในแถบจังหวัดเพชรบุรี ถึง จังหวัดชุมพร

 

 

คำสำคัญ (Tags): #หลวงปู่ม่วง
หมายเลขบันทึก: 303691เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2009 18:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)

สวัสดีค่ะ

  • มาเรียนรู้เรื่องเล่าและประวัติศาสตร์ของชุมชนค่ะ
  • ขอขอบพระคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ..ครูคิมที่มาเยี่ยมเยียน

เรื่องเล่า..อันยาวนานแห่ง..ตำนานบ้านถ้ำ..ถิ่นกำเนิดของครูเล็กค่ะ

พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

เคยมาไหว้พระที่นี่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗

อีกที่หนึ่งจำไม่ได้เสียแล้ว ใช่ถ้ำม้าร้องไหมคุณครูเล็ก ถ้าผิดขออภัยด้วย

เจริญพร

นมัสการ..ท่านอาสโย

จากวัดถ้ำคีรีวงศ์..ถึง..วัดถ้ำม้าร้อง ห่างกันราว 30 กม.ค่ะท่าน

ก็น่าจะใช่เพราะเป็นวัดโบราณที่ผู้ต้องการไปนมัสการจะไปกันค่ะ

มาเที่ยววัดกันต่อเลยค่ะ

..ขณะที่หลวงปู่ม่วง จำพรรษาอยู่ที่วัดคงคารามนั้น ก็ได้ค้นพบ..ถ้ำคีรีวงศ์..
และได้เดินทางไปมาอยู่เสมอๆ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาทางขึ้นถ้ำ โดยเอาหินมาก่อเป็นบันไดขึ้นถ้ำ และจัดการปรับสภาพพื้นที่ในถ้ำให้เรียบร้อย ประมาณปี พ.ศ.2422..และบอกบุญเรี่ยไร..เพื่อพัฒนาถ้ำและหล่อพระพุทธรูปไว้ในถ้ำ อันเป็นความเชื่อด้วยความศรัทธาตามคติสังคมวัฒนธรรมสมัยนั้น ซึ่งถือว่าเป็นการสืบทอดพระศาสดาแล้วเสร็จในปี 2437..ภายใต้ความร่วมมือและศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ถือเอาหลวงปู่ม่วงเป็นที่พึ่งในยามนั้น
และในที่สุด..ถ้ำคีรีวงศ์..ก็ได้กลายมาเป็นวัดในพุทธศาสนา..ส่วนวัดคงคาราม เดิมนั้นได้ย้ายไปตั้งวัดใหม่ในพื้นที่ที่ดีกว่า..และเปลี่ยนชื่อเป็น..วัดธงชัยธรรมจักร..ในปัจจุบัน และวัดคงคารามก็เป็นวัดร้างไปในที่สุด

..หลวงปู่ม่วง..มีความตั้งใจในการพัฒนาถ้ำคีรีวงศ์  แทนที่จะเรี่ยไรเป็นเงิน แล้ววัดเป็นผู้สร้าง แต่กลับเป็นการขอเรี่ยไรทุนบริจาคสร้างพระพุทธรูป  โดยให้ผู้บริจาคร่วมกันสร้างพระพุทธรูปประจำตัวกันคนละองค์  และแต่ละคนก็จะจารึกชื่อของตนเองลงที่ฐานชุกชีของพระพุทธรูปองค์นั้นๆ  โดยชื่อผู้สร้างเมื่อปี     พ.ศ.2460 ยังอ่านได้ชัดเจน แต่ปัจจุบันลบเลือนไปหมดแล้ว  เพราะวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างสมัยนั้น ไม่คงทนถาวร  วัสดุที่นำมาใช้ตามตำนานบอกเล่าพื้นบ้านเล่าว่า..ใช้หนังควายต้มให้เหลวผสมกับหินบนภูเขาบดละเอียด และมีส่วนผสมของดินเหนียวด้วย

ลักษณะทั่วไปของ..ถ้ำคีรีวงศ์..
เป็นถ้ำที่อยู่บนเขาหินปูนขนาดย่อม สูงประมาณ 60 เมตรด้านทิศตะวันตก
ห่างจากชายทะเลอ่าวไทย ประมาณ 1 กม. ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ  ภายในถ้ำสูงประมาณ 20เมตร แบ่งเป็น 2 คูหา ยาวประมาณ 24 เมตร กว้าง 7 เมตร ถ้ำคูหาแรกอยู่ทางทิศตะวันตก มีพระพุทธไสยาสน์ปูนปั้น ยาว 3.5 เมตร  สองข้างพระพุทธไสยาสน์ มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิและปางมารวิชัย จำนวน 19 องค์ ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีปูนปั้น
เรียงรายอยู่ชิดผนังถ้ำ และยังมีพระพุทธบาทจำลองดินเผา 1 รอย และรอยพระพุทธบาทไม้แกะสลักอีก 1 รอย 

บริเวณถ้ำคูหาที่ 1 ด้านทิศตะวันตก

ทำบุญทำทานจะทำให้มีคววามสุขครับ ได้กลับบ้านสืบค้นเรื่องในวัยเด็กที่ประทับใจ เล่าสู่กันฟังคงจะดีนะครับ

ยินดีด้วยกับคนรักถิ่นกำเนิด ผมเป็นคนหนึ่งลูกบ้านกรูดได้สักการะหลวงปู่แทบทุกปี ที่สำคัญชาวบ้านในละแวกนี้จะรู้ว่าวันงานประจำปีจะมีฝนตกทุกครั้งแต่ศรัทธาต่อหลวงปู่ทุกคนก็จะต้องมาสักการะใหได้ เมื่อก่อนการคมนาคมไม่สะดวกจำได้ว่าตอนเด็กๆต้องเดินหอบหิ้วสัมภาระเบียงอาหารเดินไปตามทางรถไฟ ต้องผ่านสะพานโค้งถึงต้องคลานตามไม้หมอนรถไฟ ก็มันกลัวตกสะพานสูงมากคือสะพานโค้งใหญ่ใกล้ถึงวัดถ้ำคีรีวงศ์นั่นแหละ เมื่อไปแล้วต้องนอนค้างคืนที่วัดกลับเช้า ในงานประเพณีมหรสพที่ขาดไม่ได้ คือ มโนราห์ ซึ่งหลวงปู่ท่านโปรดมาก ๆ.......

สวัสดีค่ะ..ท่าน ผอ.

ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมอีกครั้ง เป็นเรื่องราวที่เขียนไว้ตั้งแต่ช่วงต้นเทอมค่ะ

อยากนำมาเล่าสู่กันฟัง สืบสานอารยธรรมด้วยค่ะ เป็นที่ที่อยู่มาตั้งแต่เกิด

และต้องกลับไปกราบบูชาทุกปีมิได้ขาดเลยค่ะ นี่ก็ใกล้ปิดเทอมแล้ว

ครูเล็กตั้งใจว่าจะเดินทางวันที่ 12 กลับมาอีกครั้งก็คงวันที่ 25 เปิดเทอม 26 ต.ค.ค่ะ

สวัสดีค่ะ..คุณอาทิตย์ คนบ้านเดียวกัน

ยินดีและดีใจค่ะ ที่คนบ้านเดียวมาเยี่ยมบล๊อกครูเล็ก ยังมีเรื่องราวเล่าขานอีกเยอะเลย

คุณอาทิตย์ช่วยเพิ่มเติมบ้างก็ดีค่ะ บางครั้งอาจตกหล่นไปบ้าง ก็คงต้องขออภัยผู้รู้จริงไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ภาพถ่ายไม่ค่อยชัดนัก..เพราะแสงไฟสะท้อนภายในถ้ำ  ครูเล็ก..ได้มีโอกาสเข้าไปกราบขอพรหลวงปู่ม่วง ในช่วงงานวันแรก เช้าๆ เพราะคนน้อยหน่อย
หากเป็นวันที่ 2 หรือ 3 ผู้คนไม่ทราบมาจากไหนทั่วสารทิศ ภายในถ้ำจะแน่นมาก.. 

ถัดไปทางด้านทิศใต้ของถ้ำคูหาที่ 1 เป็นอีกหนึ่งคูหาขนาดกว้าง ประมาณ 7 เมตร ยาวประมาณ 20 เมตร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย
เป็นประธานอยู่ 1 องค์ มีเจดีย์ปูนปั้นทรงกลม 2 องค์ ตั้งขนาบซ้าย-ขวา
พระประธานที่ฐานเจดีย์มีชามเคลือบโบราณประดับไว้ ถัดมาทางด้านหน้ามีพระพุทธรูปปางสมาธิจำนวน 2 องค์  และถัดมาทางผนังถ้ำด้านทิศตะวันออก เป็นรูปหล่อของ..หลวงปู่ม่วง..นั่นเอง  ที่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำคูหาที่ 2 นี้
..
และภายในถ้ำยังมีเครื่องเซ่นไหว้บูชา หรืออาจจะเป็นการแก้บนหลวงปู่ม่วงอยู่บ้าง  เป็นประเภทหนังแกะสลักตัวหนังตะลุงทุกๆตัว ปักไว้ข้างๆผนังถ้ำเยอะแยะมากมาย  บริเวณปากถ้ำ ภายในคูหาที่ 2 เชื่อมต่อคูหาที่จะเห็นมีตัวหนังตะลุงอยู่เรียงราย...

ภาพนี้..เป็นภาพพระประธาน เจดีย์ปูนปั้นทรงกลม
และพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิที่ได้เล่าให้ฟังแล้ว

ภาพนี้..เป็นภาพของหลวงปู่ม่วง..ที่ชาวบ้านเคารพบูชามาเป็นเวลาช้านานชั่วอายุคน เกิดมา ครูเล็ก ก็ได้ยินชื่อหลวงปู่ม่วงแล้ว หลวงปู่ม่วง ได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดถ้ำคีรีวงศ์ อีกทั้งวัตรปฏิบัติแห่งพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน  ศรัทธาแก่กล้ากว้างขวาง ชื่อเสียงระบือไกลตามแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยจากเพชรบุรี ถึง ชุมพร
..
งานประเพณีขึ้นถ้ำ..ของวัดถ้ำคีรีวงศ์ที่มีมาช้านานหลายชั่วอายุคน คือ วันแรม 14 ค่ำ เดือน 5 ถึงขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี  ประชาชนทั่วไปจะหลั่งไหลแน่นขนัดขึ้นไปกราบไหว้พระในถ้ำคีรีวงศ์เป็นอยู่เช่นนี้มิได้ขาด  หลวงปู่ม่วงได้ถึงแก่การมรณภาพ ด้วยโรคพยาธิใดไม่ปรากฏแน่ชัด เมื่อปี พ.ศ.2454..

 

 

คีรีวงค์ชื่อคล้ายๆหมู่บ้านที่ จ.นครศรีฯนะครับ

สวัสดีค่ะ..คุณเบดูอิน

ขอบคุณค่ะที่มาเยียมบล๊อก ชื่อคงคล้ายๆกันมังค่ะ

แต่ที่นี่..บ้านถ้ำคีรีวงศ์..หรือ..วัดถ้ำคีรีวงศ์..มีถ้ำ และ ภูเขา เป็นองค์ประกอบของหมู่บ้านค่ะ

อยู่หมู่ที่ 1 ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

  • สวัสดีค่ะ คุณครูเล็ก
  • ตามมาขอบคุณที่ไปเยี่ยมค่ะ
  • มาเรียนรู้วัฒนธรรมบ้านถ้ำคีรีวงศ์
  • ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณครูเล็ก

ดีใจครับกับคนที่รักและรักษ์บ้านเกิด เพิ่มเติมนะครับสำหรับเหรียญของหลวงปู่ที่มีการจัดสร้างเท่าที่พบเห็นขณะนี้นะครับ

รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๙๗(แบบเหรียญรูปดอกจิกหลังเรียบ) รุ่น๒นิยม พ.ศ.๒๔๙๘(แบบเหรียญรูปไข่หลังสิงห์กับแบบเหรียญรูปดอกจิก)

รุ่น๓ พ.ศ.๒๕๐๗(แบบเหรียญรูปดอกจิก) รุ่น๔ พ.ศ.๒๕๑๖(แบบเหรียญรูปไข่) และมีจัดสร้างอีกหลายรุ่นด้วยกันนะครับ

ครั้งหน้าผมคงมีข้อมูลใหม่ๆมาฝากนะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

สวัสดีค่ะ..เด็กวัดถ้ำ

ขอบคุณยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ..ที่มาเยี่ยมเยียนกัน

เรื่องเหรียญหลวงปู่..ครูเล็กไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ แต่ทั้งบ้านก็ห้อยเหรียญหลวงปู่กันทุกคน

ขอบคุณค่ะที่มาแนะนำเพิ่มเติม อย่าลืมแวะมาทักทายกันใหม่นะคะ

หลวงปู่..ท่านโปรดค่ะ

สวัสดีครับครูเล็ก

แวะมาเยี่ยมชมครับ ขอถามอะไรหน่อยนะครับ ครูเล็ก กะ deejai เป็นคนเดียวกันหรือเปล่าครับ เห็นข้อมูลและภาพเหมือนๆกัน

ถ้าเป็นคนเดียวกันก็ดีครับ จะได้ขอบคุณทีเดียวเลยสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ ผมเองก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ๆมานำเสนอ เพียงแต่

จับคอมฯครั้งใด ก็แวะเข้ามาดูเสมอ เลื่อมใสและสัทธา(บาฬี)หลวงปู่ที่สุดครับ ไม่มีอะไรแล้วผมก็ลาละครับ ไว้จะแวะมาใหม่นะครับ

ครูเล็กก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อากาศเริ่มหนาวแล้ว ขอคุณพระคุ้มครองนะครับ สวัสดีนะครับ.....

สวัสดีค่ะ..เด็กวัดถ้ำคีรีวงศ์ (ต่อให้ให้ค่ะ)

ถูกต้องนะค่ะ...ครูเล็ก..กับ..deejai..เป็นคนเดียวกันค่ะ

ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมกันเสมอ ขอบคุณในมิตรไมตรีที่มีให้

คุณ..เด็กวัดถ้ำ..มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบ้านเราอะไรบ้าง ก็มาเขียนเล่าให้อ่านบ้างก็ดีนะคะ

บางที..บางเรื่อง ก็ฟังๆผู้ใหญ่มา แต่เป็นเพราะว่า..ไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก

เรื่องราวเก่าๆ ก็ถูกหลงลืมไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเราศรัทธาในหลวงปู่กันทุกคน

ขอพระคุ้มครองคุณเช่นกัน.....

โรงเรียนของเรา..อย่าลืมแวะไปดูบ้างนะคะ..โปงลาง..รำเพย

เด็กวัดถ้ำคีรีวงศ์

สวัสดีครับครูเล็ก

พอดีได้ข้อมูลเพิ่มเติมมานะครับ เกี่ยวกับประวัติหลวงปู่ม่วงน่ะครับ คืออย่างนี้นะครับ เมื่อก่อนนี้นะครับ(เป็นเรื่องเล่าจากคุณปู่)

ในถ้ำมีพระบูชามากมาย และของเก่าๆโบราณจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันแทบไม่เหลือแล้ว เมื่อก่อนนี้รอบๆเจดีย์เล็กๆที่อยู่ข้างพระประทานในถ้ำ จะมีพระบูชาบุเงินองค์เล็กๆมียอดพระเกตุเป็นทองคำ วางล้อมรอบเจดีย์นับร้อยๆองค์ ต่อมาคนใจบาปมีมากขึ้นก็ขโมยเด็ดทองคำไปจนหมด ต่อมาองค์พระบุเงินก็ถูกงัดไปหลายองค์ เหลือบางส่วน ทางวัดได้เก็บรักษาไว้ แต่ปัจจุบันไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดบ้าง และในจำนวนนั้นมีพระบุเงินองค์หนึ่งที่ฐานมีตัวอักษรจารึกว่า นำมาจากวัดดอนแตง (พระองค์นี้ผมเคยเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว) ซึ่งวัดดอนแตงผมหาข้อมูลได้ว่าอยู่อำเภอปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าหลวงปู่ม่วงมาจากวัดดอนแตง อ.ปะทิว ก็เป็นได้โดยข้อมูลต่างๆแลดูจะมีเหตุผลสอดคล้องกันนะครับ และปัจจุบันรอบๆเจดีย์ยังมีรอยติดพระปรากฏอยู่รอบๆเจดีย์นะครับ ไว้ครูเล็กไปกราบหลวงปู่ปีหน้าลองๆสำรวจดูจะเห็นร่องรอยนะครับ เท่าที่ทราบพระองค์เล็กๆที่พบในถ้ำเป็นทองคำทั้งองค์ก็มีนะครับ นากก็มี เงินทั้งองค์ก็มี น้ำหนักตั้งแต่ ๑บาทถึง๔บาทก้มีนะครับ ปัจจุบันพระบางองค์อยู่กับเหล่าคหบดีเศรษฐีเก่าบ้านกรูด อย่าเอ่ยชื่อเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเดือดร้อน(๕๕๕๕+)

สำหรับพระบุเงินที่พบ สร้างราวๆสมัยอยุธยาตอนปลายถึงต้นรัตนโกสินทร์ อายุประมาณ๒๐๐-๒๕๐ปี (ดูจากศิลปะและเทียบเคียงกับพระในยุคเดียวกันลักษณะเป็นพระแก้บนสมัยก่อนสร้างสืบทอดพระพุทธศาสนา จากหนังสือพระพุทธรูปของกรมศิลปากรครับ ) สำหรับพระทองคำเป็นสมัยราวๆรัชกาลที่๕ มีทั้งฝีมือช่างหลวงและฝีมือชาวบ้าน (ผมเองมีความรู้เรื่องศิลปะอยู่พอสมควรครับ)

เด็กวัดถ้ำคีรีวงศ์

สำหรับศิลปะที่ปรากฏของพระพุทธรูป (ปูนเปลือกหอยผสมกาวหนังสัตว์เคี่ยว)เท่าที่เห็นมีช่างปั้นหลายคนและคงเป็นช่างในพื้นที่เป็นศิลปะพื้นบ้าน ลักษณะที่แตกต่างกันขององค์พระบ่งบอกว่ามีช่างปั้นมากกว่าสามคน หรืออาจจะเป็นคนทั้งหมู่บ้านร่วมกันปั้นก็เป็นได้ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันนะครับเป็นแค่การแสดงความคิดเห็น พระหลายๆองค์มีตำนาน เช่นพระสังขจายถ้าเปิดดูที่ท้องจะมีรอยเจาะแล้วอุดซ่อมไว้ เล่าว่าเมื่อก่อนมีคนได้ลายแทงสมบัติแล้วมาเจาะเอาทองคำในท้องพระสังขจายไปนะครับ อีกองค์คือพระทรงเครื่องที่อยู่ด้านปลายเท้าพระนอนองค์ใหญ่(ขอใช้คำง่ายๆนะครับ)เล่ากันมาว่าพระองค์นี้ได้รับการอุปถัมภ์หรือไม่ก็ปั้นโดยต้นตระกูลของโนราห์บุญนะครับ เพราะเห็นว่าเครื่องทรงเหมือนโนราห์ครับ(เรื่องนี้โนราห์บุญเล่าให้ฟังครับ) อีกองค์ที่แปลกคือองค์ที่อยู่ตรงข้ามกับพระนอนราวองค์ที่สามจากบันไดที่แปลกคือมีอักษรจารึกที่ฐานพระเป็นภาษาต่างชาติ น่าจะเป็นภาษาอังกฤษเขียนว่า EXTRAทุกวันนี้ผมก็งงว่ามันมายังไงเป็นรอยเขียนเก่าๆของเดิมนะครับแปลกจริงๆครับ

สำหรับรูปปั้นปู่ม่วงองค์เก่าดั้งเดิมที่ชำรุด(ปั้นด้วยวัสดุเดียวกันกับพระพุทธรูปในถ้ำ )ปัจจุบันบรรจุไว้ในรูปหล่อของหลวงปู่องค์ปัจจุบันครับ รูปปั้นหลวงปู่องค์เก่ามีลักษณะนั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองวางที่หัวเข่า(เหมือนที่ปรากฏในเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่นะครับ)

วันนี้จ้องจอจนเจ็บตาแล้วขอลาไปก่อนนะครับ วันต่อๆไปจะมาเยี่ยมบ่อยๆนะครับ

ขอคุณพ่อปู่ม่วงคุ้มครองคุณครูเล็กนะครับ รักษาสุขภาพนะครับ สวัสดีครับ......

สวัสดีค่ะ...คุณเด็กวัดถ้ำ

ขอบคุณค่ะ..สำหรับข้อมูลที่ไม่รู้มาก่อนเลย ปวดตาเหมือนกัน จ้องเอา..จ้องเอา5555+++

คุณเด็กวัดถ้ำ..ลองพิมพ์โดยใช้ตัวหนา และเปลี่ยนสีให้เป็นสีอื่นที่อาจจะสบายตาขึ้นซีคะ

อ่านประวัติ ตำนาน เรื่องเล่าซะเพลินไปเลย แสดงว่า..คุณเด็กวัดถ้ำ

มีความรู้และสนใจในข้อมูลความเป็นมาของวัดถ้ำ และศรัทธาในหลวงปู่อย่างแท้จริง

วันไหนได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ต้องไปสัมภาษณ์คุณพ่อบ้างดีกว่า

จะได้มีข้อมูลมาเล่าเพิ่มเติมอีกบ้าง

จริงๆ แล้ว ญาติๆ บางคนก็ยังไปปิดทองหลวงปู่ที่วัดเขาโบส์ กับ วัดกุยบุรีอยู่เสมอ

ด้วยมีตำนานเล่าขานว่า..ทั้งสามองค์เป็นพี่น้องกันนั่นเอง

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ..อยากฟังเรื่องของ..องค์นี้บางค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ..ที่มาเยี่ยมพร้อมเรื่องราวดีๆ

เด็กวัดถ้ำคีรีวงศ์

สวัสดีครับ...คุณครูเล็ก

เป็นอย่างไรบ้างครับ ผมหวังว่าคุณครูคงสบายดีนะครับ คราวนี้น่าจะไม่ปวดตาเท่าไหร่นะครับ ลองใช้การพิมพ์อย่างที่คุณครูแนะนำนะครับ พอดีผมไม่ค่อยเก่งเรื่องการใช้คอมเท่าไหร่น่ะครับ ลองๆดูไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง..อิอิ(5555555+)

เข้าเรื่องเลยละกันนะครับ สำหรับรูปปั้นนะครับ สืบทราบมาว่าเป็นรูปปั้นของตาปะขาว(น่าจะเรียกชีปะขาว)ปั้นราวๆพ.ศ.2512-13 โดยพระสงฆ์ในวัดปั้นขึ้นมาครับ โดยปั้นจากจินตนาการ เป็นรูปของตาปะขาวที่มีชีวิตอยู่ในสมัยหลวงปู่ม่วงนะครับ ตาปะขาวนี้เล่ากันว่ามีอาคมแก่กล้ายิ่งนัก จะเป็นรองเพียงแต่หลวงปู่เท่านั้น ด้วยความระลึกของคนรุ่นหลังจึงปั้นรูปปั้นเอาไว้ครับ(ผู้ปั้นน่าจะเป็นคนรุ่นเดียวกันกับ คุณลุงเอนก เขมกรรม มัคทายกวัด คนปัจจุบันนี้นะครับ)

แต่สำหรับท่านหัวจุก2ท่านที่ยืนเท้าเอวเฝ้ารอยพระพุทธบาท ทั้งคู่นั้นมีมาแต่เดิม และรูปปั้นเสือที่หน้าถ้ำก็มีมาแต่เดิม(เสือนะครับเป็นเสือดำซะด้วย) เมื่อ100กว่าปีก่อนนั้น ในสมัยหลวงปู่ม่วง ชุมชนบ้านเหนือและบ้านถ้ำคีรีวงศ์ มีเสืออาศัยอยู่อย่างชุกชุมอีกทั้งยังดุร้าย แต่เสือจะร้ายเพียงใดก็ยังมิอาจทานบุญบารมีในหลวงปู่ได้ เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงปู่ม่วงท่านมีวิชาดี เสกหวายเป็นบ่วงจับเสือมาผูกไว้ที่ถ้ำหลายตัว เสือยังเชื่องดุจแมว(จากคำเล่าของตาฟัก ตาฟักเกิดทันได้รับใช้หลวงปู่ม่วง และเป็นผู้ติรูปปั้นแบบหลวงปู่กับช่างปั้นแบบและยืนยันว่ารูปหล่อองค์ปัจจุบันที่อยู่ในถ้ำ ช่างหล่อได้เหมือนหลวงปู่จริงๆ)...ต่อครับ เมื่อหลวงปู่จับเสือมาก็มิได้ทำร้ายมันและปล่อยคืนสู่ป่าทุกตัว ต่อมาจึงได้มีการปั้นรูปเสือนั่งอยู่หน้าถ้ำ กาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี จนล่วงมาถึงราว พ.ศ.2512 ด้วยเหตุใดมิทราบได้หัวเสือได้แตกหักพังทลายลง พระเอนกจึงปั้นซ่อมส่วนหัว แต่ก็นึกหน้าเสือไม่ออก จึงได้ปั้นเป็นสุนัขแทน(นัยว่าคงหาสุนัขเป็นแบบได้ง่ายกว่าหาเสือ..อิอิ)

ปัจจุบันเสือดำจึงกลายเป็นสุนัขไปโดยปริยายครับ....(พระเอนก ปัจจุบันคือคุณลุงเอนก เขมกรรม นะครับ)

ครับ..วันนี้ก็คงไว้เท่านี้ก่อน วันหน้าจะแวะมาเยี่ยมใหม่ ขอคุณพระศรีรัตนตรัย และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงคุ้มครองและอำนวยพรให้คุณครูเล็กและครอบครัวจงมีความสุขความเจริญตลอดไป...สวัสดีครับ

ป.ล.ปัจจุบันตาฟักเสียชีวิตไปนานมากแล้ว แต่ผมได้ข้อมูลมาจาก อ.ตุ้ม(อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำฯ) ตาเนย ชินใย,ป๋าเอนก เขมกรรม,ป๋าอนันต์ เขมะเกรียงไกร(เขมกรรม),และผู้เฒ่าผู้แก่อีกหลายท่าน....ขอบคุณครับ

 

เด็กวัดถ้ำคีรีวงศ์

สวัสดีครับ...คุณครูเล็ก

เป็นอย่างไรบ้างครับ ผมหวังว่าคุณครูคงสบายดีนะครับ คราวนี้น่าจะไม่ปวดตาเท่าไหร่นะครับ ลองใช้การพิมพ์อย่างที่คุณครูแนะนำนะครับ พอดีผมไม่ค่อยเก่งเรื่องการใช้คอมเท่าไหร่น่ะครับ ลองๆดูไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง..อิอิ(5555555+)

เข้าเรื่องเลยละกันนะครับ สำหรับรูปปั้นนะครับ สืบทราบมาว่าเป็นรูปปั้นของตาปะขาว(น่าจะเรียกชีปะขาว)ปั้นราวๆพ.ศ.2512-13 โดยพระสงฆ์ในวัดปั้นขึ้นมาครับ โดยปั้นจากจินตนาการ เป็นรูปของตาปะขาวที่มีชีวิตอยู่ในสมัยหลวงปู่ม่วงนะครับ ตาปะขาวนี้เล่ากันว่ามีอาคมแก่กล้ายิ่งนัก จะเป็นรองเพียงแต่หลวงปู่เท่านั้น ด้วยความระลึกของคนรุ่นหลังจึงปั้นรูปปั้นเอาไว้ครับ(ผู้ปั้นน่าจะเป็นคนรุ่นเดียวกันกับ คุณลุงเอนก เขมกรรม มัคทายกวัด คนปัจจุบันนี้นะครับ)

แต่สำหรับท่านหัวจุก2ท่านที่ยืนเท้าเอวเฝ้ารอยพระพุทธบาท ทั้งคู่นั้นมีมาแต่เดิม และรูปปั้นเสือที่หน้าถ้ำก็มีมาแต่เดิม(เสือนะครับเป็นเสือดำซะด้วย) เมื่อ100กว่าปีก่อนนั้น ในสมัยหลวงปู่ม่วง ชุมชนบ้านเหนือและบ้านถ้ำคีรีวงศ์ มีเสืออาศัยอยู่อย่างชุกชุมอีกทั้งยังดุร้าย แต่เสือจะร้ายเพียงใดก็ยังมิอาจทานบุญบารมีในหลวงปู่ได้ เล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงปู่ม่วงท่านมีวิชาดี เสกหวายเป็นบ่วงจับเสือมาผูกไว้ที่ถ้ำหลายตัว เสือยังเชื่องดุจแมว(จากคำเล่าของตาฟัก ตาฟักเกิดทันได้รับใช้หลวงปู่ม่วง และเป็นผู้ติรูปปั้นแบบหลวงปู่กับช่างปั้นแบบและยืนยันว่ารูปหล่อองค์ปัจจุบันที่อยู่ในถ้ำ ช่างหล่อได้เหมือนหลวงปู่จริงๆ)...ต่อครับ เมื่อหลวงปู่จับเสือมาก็มิได้ทำร้ายมันและปล่อยคืนสู่ป่าทุกตัว ต่อมาจึงได้มีการปั้นรูปเสือนั่งอยู่หน้าถ้ำ กาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี จนล่วงมาถึงราว พ.ศ.2512 ด้วยเหตุใดมิทราบได้หัวเสือได้แตกหักพังทลายลง พระเอนกจึงปั้นซ่อมส่วนหัว แต่ก็นึกหน้าเสือไม่ออก จึงได้ปั้นเป็นสุนัขแทน(นัยว่าคงหาสุนัขเป็นแบบได้ง่ายกว่าหาเสือ..อิอิ)

ปัจจุบันเสือดำจึงกลายเป็นสุนัขไปโดยปริยายครับ....(พระเอนก ปัจจุบันคือคุณลุงเอนก เขมกรรม นะครับ)

ครับ..วันนี้ก็คงไว้เท่านี้ก่อน วันหน้าจะแวะมาเยี่ยมใหม่ ขอคุณพระศรีรัตนตรัย และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงคุ้มครองและอำนวยพรให้คุณครูเล็กและครอบครัวจงมีความสุขความเจริญตลอดไป...สวัสดีครับ

ป.ล.ปัจจุบันตาฟักเสียชีวิตไปนานมากแล้ว แต่ผมได้ข้อมูลมาจาก อ.ตุ้ม(อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำฯ) ตาเนย ชินใย,ป๋าเอนก เขมกรรม,ป๋าอนันต์ เขมะเกรียงไกร(เขมกรรม),และผู้เฒ่าผู้แก่อีกหลายท่าน....ขอบคุณครับ

เด็กวัดถ้ำคีรีวงศ์

อย่าตกใจนะครับ คอมฯผมมันรวนๆซะแล้วครับ......

สวัสดีค่ะ..คุณเด็กวัดถ้ำ..

นึกว่าจะได้อ่านเรื่องยาวถึง 3 ตอนซะอีก ที่ไหนได้ มา 2 ตอนเหมือนกัน555+++

รบกวนแนะนำวิธีการพิมพ์ตัวหนาและเพิ่มสีสรร คือ ให้นำเมาท์ไปคลิกที่เครื่องมือจัดการข้อความ

เมื่อเครื่องมือขึ้นมาให้ใช้ได้แล้ว คลิกเมาท์ที่ตัง B ก็จะได้อักษรตัวหนา และคลิกเมาท์ที่ตัว A เพื่อเลือกสี และพิมพ์ตามปกติ

การแสดงผลที่ออกมาก็จะเป็นแบบของครูเล็ก คือ ตัวหนาขึ้นและมีสีสรรเพิ่มขึ้นค่ะ

เรื่องของคุณน่าสนใจมากๆเลยค่ะ เรื่องราวหลายๆ เรื่องไม่เคยทราบมาก่อนเลย

ตาฟัก..สมัยที่ครูเล็กยังเด็กก็รู้จักค่ะ อ.ตุ้มก็รู้จัก และคนอื่นๆที่กล่าวถึงก็รู้จัก แต่มิได้เคยสนทนาด้วยเท่านั้นเอง

ด้วยความที่ครูเล็กเข้ามาเรียนในเมืองตั้งแต่เด็ก และกลับบ้านเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ก็เลยทำให้ไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนแถวบ้านนัก ยังไงกลับไปครั้งนี้ หากมีโอกาสได้ไปไหว้หลวงปู่ม่วง

คงไม่ลืมที่จะลองไปสังเกตฐานพระและดูร่องรอยการถูกโจรกรรมพระทองคำ พระนาค พระเงินไป

เรื่องราวของเสือดำกลายร่างเป็นสุนัขนี่น่าสนใจที่สุดเลยค่ะ..5555+++ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

ยังไงจะลองคุยกับผู้รู้ท่านอื่นๆ ดูอีก เผื่อมีเรื่องน่าสนใจมาเล่าเพิ่มเติมอีกบ้าง

หวังว่าจะได้อ่านเรื่องเล่าประวัติวัดถ้ำ หรือเรื่องอื่นๆ จาก..คุณเด็กวัดถ้ำ..ต่ออีกนะคะ

ขอพ่อปู่ม่วงคุ้มครองคุณและครอบครัวตลอดไป

 

เด็กวัดถ้ำคีรีวงศ์

สวัสดีครับคุณครูเล็ก

ไม่มีอะไรครับแวะมาทักทายเฉยๆครับ กะผมสบายดีครับ และ หวังว่าคุณครูและครอบครัวคงสบายดีเช่นกัน ยังไม่ได้มีข้อมูลใหม่ๆ กะว่าจะลงประจวบฯช่วงหลังปีใหม่ ไปช่วงคนน้อยๆ จะได้ไม่แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว +5555555+

กลัวไม่ว่างช่วงปีใหม่เลยแวะมาอวยพรปีใหม่ให้คุณครูล่วงหน้านะครับ

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขออวยไชยให้คุณครูเล็กมีสุขสนุกสนาน

คิดสิ่งใดดีแล้วให้สำเร็จทุกประการ มีลูกหลานแสนดีสุขีใจ

ให้พ่อแม่พี่น้องและเครือญาติ มีสามารถร่ำรวยอำนวยผล

ขอให้ครูเล็ก อย่าเจ็บ อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าใคร

ขอให้บารมีของหลวงปู่ม่วง และคุณพระศรีรัตนไตรย จงปกป้องและคุ้มครอง

ให้ครูเล็กมีความสุขตลอดปีใหม่๒๕๕๔ และทุกๆป๊ตลอดไป....สวัสดีครับ

..เด็กวัดถ้ำฯ....(บอย โคกตาหอม)

เอ้อ น่าโมโ..นัก พอพิมพ์เสร็จก็หาเครื่องมือเจอ อิอิ ไว้คราวน้านะครับคุณครู จะได้อ่านสบายหน่วยตา ไปแล้วครับ สวัสดีอีกรอบครับ ....

พยายามแนบรูปเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่มาด้วย ไม่รู้สำเร็จหรือเปล่า อิอิ น่าจะเรียนสายคอมพ์ตั้งแต่เด็กๆ ช้าไปแล้วนายบอย....

 

นายบอย(เด็กวัดถ้ำฯ)

อิอิ ส่งรูปไม่สำเร็จ..ไว้ว่างๆรบกวนคุณครูบอกวิธีแนบรูปด้วยนะครับ..ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

สวัสดีค่ะ..นายบอย(เด็กวัดถ้ำ)

ขอบคุณค่ะ..ที่แวะมาทักทายกัน ช่วงนี้งานหนักมากมาย

จนไม่มีเวลาเข้ามาเขียนเรื่องใหม่ๆ เด็กๆ ใกล้สอบแล้ว

ภาระกิจของคนเป็นครูมันช่างเป็นภาระซะจริงๆ

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคมนี้ แทนที่จะได้เป็นวันหยุดพัก

ก็ต้องถูกเข้ารับการอบรมพัฒนา เพราะนิสัยไม่ดีมั๊ง555+++

วันๆ ทำแต่รายงาน อ้าวววว ขออภัยนิสัยครู เริ่มออกอาการบ่นๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรล่วงหน้าในวาระ..ปีใหม่

...ส่วนเรื่องการแนบรูปนั้น..ครูเล็กไม่แน่ใจเหมือนกันว่า..

คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกบล๊อกจะสามารถส่งรูปได้หรือไม่

เพราะปกติแล้ว ครูเล็กจะต้องนำรูปเข้ามาเก็บไว้ก่อน

แล้วจึงจะสามารถนำรูปลงได้ค่ะ..

ยังไงก็ฝาก หน้าเว็บที่แนบมานี้ให้คอมเม้นท์ด้วยค่ะ..

http://gotoknow.org/blog/krupheang/308416

 

สวัสดีครับคุณครูเล็ก

วัดถ้ำคีรีวงศ์...เป็นชื่อที่คุ้นมาก อาจเพราะไปเที่ยว ประจวบ ฯ บ่อย ๆ

ได้อ่านเรื่องราวความเป็นมา เป็นสิ่งยืนยันถึงความผูกพันอย่างแน่นแฟ้น

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ..ครูเลิศฤทธิ์

ครูเคยไปเที่ยวประจวบฯด้วย ดีใจจัง

มีอีกที่ ที่จะแนะนำ วัดทางสายค่ะ

พระมหาธาตุเจดีย์ ภักดีประกาศ พระพุทธกิติสิริชัย

อยู่ ติดหาดบ้านทางสาย ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯค่ะ

สามารถติดตามข้อมูลได้ตามนี้เลยค่ะ

วัดทางสาย และ

http://www.prachuaptown.com/travel/bangsapan/wattangsai.php

ทุกปีมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากมายเลยค่ะ

ปีนี้ จะมีการลอกทองบนองค์พระพุทธกิติสิริชัยออกและปิดใหม่

เพราะมีอายุมา 20 ปีแล้วค่ะ แต่ยังไม่เคยได้รับการบูรณะใหม่เลย

ปีนี้พระอาจารย์ไมตรี ท่านเจ้าอาวาท ก็เลยบอกบุญมายังพุทธสาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน

จัดทอดผ้าป่าทองคำขึ้น เพื่อปิดองค์พระใหญ่

แผ่นทองคำ พร้อมน้ำยา และค่าปิดทอง แผ่นละ 9 บาทค่ะ

องค์นี้แหละค่ะ

สวัสดีครับครูเล็ก

ปีนี้หลังจากวางแผนข้ามปี อิอิอิ ก็ไม่ไ้ด้ไปกราบนมัสการหลวงปู่อีกตามเคย โชคดีที่ไปกราบมาเมื่อวันสงกรานต์แล้ว .......เมื่อวันวิสาขปุณมีไปเวียนเทียนที่มหาเจดีย์๙ยอด คนเยอะมากครับ ใครจะร่วมทำบุญค่าทองปิดพระใหญ่ และยอดมหาเจดีย์ ก้เชิญได้แล้วครับ ๙โมงแล้ว ไปทำงานก่อนนะครับ ขอคุณครูและครอบครัว จงมีสุขภาพที่ดี ร่ำรวย นะครับ ขอบคุณ สวัสดีครับ

 

สว้สดีค่ะ..เด็กวัดถ้ำ

ห่างหายไปนาน ช่วงสงกรานต์ ครูเล็กก็กลับบ้านเหมือนกันค่ะ

ยังได้ไปทำบุญที่วัดทุกวันเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมกันอีก

ขอบคุณ..สำหรับดอกไม้ให้กำลังใจ ตอนนี้ยังไม่ได้เขียนเรื่องใหม่อีกเลยค่ะ

งานการเรียนการสอน ค่อนข้างยุ่งมาก มีเวลาจะพยายามเขียนเพิ่มอีก

เห็นสมัครเป็นสมาชิก G2K แล้ว จะรออ่านบันทึกของคุณนะคะ

สอบถามครูเล็กค่ะ

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปวัดถ้ำคีรีวงศ์มา แต่ต้องผิดหวังกับสภาพวัดที่ไม่มีคนดูแล มีแต่สุนัขเต็มวัดไปหมด วัดดูรกร้างคล้ายกับเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสักรูป เกิดอะไรขึ้นกับที่วัดนี้คะ

ขอบพระคุณสาระความรู้ครับ
สามารถใช้สืบค้น อ้างอิงได้เป็นอย่างดียิ่งเลยทีเดียว...


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท