8.ของเล่น-ของจริง
“ฟองทะเล” ฟ้าครามพึมพำ หน้าระรื่น ยิ้มหัวให้กับตัวเอง จริงสินะ ไฉนเขามิได้เอะใจสงสัยอะไรเลย ในเมื่อบ้านของฟองทะเลอยู่ใกล้สวนร้างมากที่สุด มีหรือที่เธอจะไม่รู้จักละแวกนี้ดี ดีไม่ดีต้นไม้ทุกต้น เธอปีนจนหมดแล้ว ท่อนขาที่เขาเห็นบนคาคบไม้ก็ขาเธอหาใช่ผีสางนางไม้ตนใด
อีกทั้งลำแสงยังปรากฏขึ้นบริเวณนี้ เธอคงค้นหาเรียบร้อยก่อนพวกเขาจะมาถึงเสียอีก เดี๋ยวเขาค่อยถามเธอว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง หลังจากเกิดดาวตกเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ลูกไฟสีเขียวได้เผาผลาญสิ่งมีชีวิตใดไปบ้าง ฤาไม่มีสิ่งใดต้องเสียหายด้วยว่านั้นเป็นเพียงประกายแสงสว่าง วาบขึ้นวับลง ดั่งแสงของพรายน้ำในท้องทะเลยามราตรี
สำหรับเขาการเข้ามาดูลำแสงประหลาด ก็เฉกเช่นการเข้ามาผจญภัยในดินแดนลี้ลับ เพื่อค้นหาสิ่งซ้อนเร้น ให้ชีวิตได้ตื่นตาตื่นใจ เร้าอารมณ์ สนุกสนานกว่าวันก่อน ๆ ได้เพ่งพิศ แล้วก็จากไปเหลือไว้แต่ความทรงจำ ยามคิดถึงพลันหวนมาหามิได้ปรารถนาครอบครอง
สวนร้างนี้เขาใกล้ชิดบ่อยครั้ง ยามเดินมาเล่นกับฟองทะเล แต่มิเคยกล้ำกราย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าในสวนร้างร่มรื่น เย็นสบาย สวยงามน่าพิศวง ระคนตื่นเต้นกับเรื่องราวซึ่งพวกเขาเสกสรรปั้นแต่งขึ้น
ไม่เหมือนเมื่อแรกเริ่มเล่นปืนอัดลมของไหลน้ำ ในวันที่ไหลน้ำสวมชุดตำรวจเต็มยศ ส่องปืน ลั่นไก มาทางเขากับวาหว่า
“บ้าเหรอ ! ยิงสุ่มสี่สุ่มห้า” วาหว่าแผดเสียง
เขาหมอบลงพื้น เหลือบมองวาหว่า พูดเบา ๆ “วาหว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ?”
“ ไม่ ! ฟ้าครามละ ?”
“เช่นกัน”
เขาเงยหน้ามองไหลน้ำ ไหลน้ำยกปืนเป่าปลายลำกล้อง พูดลั่น “โธ่เอ่ย ! ปืนของเล่น”
“ผีอะไร ! ของเล่น ของจริงชัด ๆ” วาหว่าพึมพำ
“ไป ! เดินเข้าไปดูใกล้ ๆ” เขาบอกวาหว่า
ไหลน้ำยกปืน 11 ม.ม. สีดำเลื่อม ปลดรังเพลิง ชี้ให้ดูลูกกระสุนพลาสติกทรงกลมสีเขียว เล็ก ๆ “เชื่อหรือยัง ถ้าเป็นปืนจริง ต้องลูกกระสุนจริง” ไหลน้ำเก็บรังเพลิงยื่นให้วาหว่า วาหว่ารับมากระดกเบา ๆ “หนักแฮะ”
ไหลน้ำรับปืนคืนมาขึ้นรังนกส่งให้วาหว่า “ลองยิงดู เล็งไปที่มะม่วงหิมพานต์ลูกนั้น”
วาหว่ายกปืนขึ้นเล็ง เหนี่ยวไก ปัง ! กระสุนกลมสีเขียววิ่งออกจากรังเพลิงผ่านปลายกระบอกปืน แหวกสายลม พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ผ่านผืนหญ้า ปะทะขั้วมะม่วงหิมพานต์สีแดงเหลืองใกล้เน่า เปรี๊ยะ ! กระสุนสิ้นแรง มะม่วงหิมพานต์หล่น ตุ๊บ ! นอนแน่นิ่ง กระสุนลอยเอื่อย ๆ ตกในกองใบไม้
ครั้งวาหว่าทดลองยิงปืนกระบอกนั้น เขานึกสนุก ทว่าเขาก็กระดากปากในเมื่อเขามาที่นี่เพื่อทำของเล่นกับฟองทะเล แทนที่ไหลน้ำจะเล่นบริเวณนี้ กลับชวนเขากับพวกไปเล่นที่บ้าน แล้วใครละจะอยู่กับฟองทะเล แต่ก็ช่างเถอะ เขาอยากรู้อยากเห็นว่าการเล่นปืนจะรู้สึกเช่นไรบ้าง ถ้าพลาดโอกาสนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เล่นอีกเมื่อไร
ดังนั้นเขาจึงต้องพูดอ้อมแอ้ม “เราขอเล่นด้วยคน”
“ตกลง” ไหลน้ำพยักยิ้ม
พวกเขาจึงเดินตามไหลน้ำและดอกหมาก ปล่อยให้ฟองทะเลยืนงงเป็นไก่ตาแตก ตะโกนไล่หลัง “ไม่เล่นกับฟองแล้วหรือ ?”
เขาเหลียวหลัง พูดเต็มเสียง “ไม่ละ ไว้วันหลัง วันนี้จะไปเล่นปืน”
ใช่ ! เมื่อแรกเล่นปืนอัดลมของไหลน้ำ เขารู้สึกสนุก แต่นานวันยิ่งเล่นยิ่งเครียด ต้องการเอาชนะ เด็ดขาด เต็มไปด้วยความก้าวร้าว ลืมความอ่อนโยน ความเมตตา ยิ่งรู้สึกว่าถ้าชักปืนของจริงลั่นไก เปรี้ยง ! เขาคงไม่ตระหนักซึ้งถึงความแตกต่างที่ทำให้ชีวิตต้องสูญสิ้น ประหนึ่งว่าปืนเป็นธรรมชาติของความรุนแรง อยู่ตั้งแต่เกิดเป็นทารกกระทั่งแก่ชรา เหมือนดวงตะวัน จันทรา โผล่พ้นขอบฟ้าและลับลง สลับหมุนเวียนกันไปชั่วนิจนิรันดร์
ขนาดรถบังคับไม่น่าจะเป็นเหตุให้คนทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังเป็นสาเหตุจนได้ ถ้าสัมผัสของเล่นชนิดเลียนแบบชีวิตของผู้ใหญ่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขามิกลายเป็นคนที่ต้องยอมรับสภาพชีวิตแบบผู้ใหญ่โดยสิ้นเชิงงั้นหรือ เขาไม่ชอบการตกอยู่ในวังวน ในเกมยัดเยียดความคิดของผู้ใหญ่ โดยเขายังไม่ได้คิดว่าทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่บนโลกนี้ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมา หรือเกิดจากน้ำมือมนุษย์กันแน่
เขาจะเดินออกจากกลุ่มไปหาฟองทะเลอยู่แล้ว แต่เมื่อเขาตะโกนเรียกเธอกลับหายวับไป นี่ เธอมาแล้ว เขาเรียกเต็มเสียง “ฟองทะเล” เธอผินหน้ามายิ้มน้อย ๆ
* * *
ไม่มีความเห็น