วันที่กิสนาผันผ่าน


วันที่ “กิสนา” ผันผ่านไป ท้องฟ้าใสสดแทรกก้อนเมฆใหญ่ แต่คงไม่นานหรอก “ป้าหม่า” กำลังเดินทางมาเยือนอีกแล้ว   บ่ายแก่ๆวันที่เลิกงานยุ่งๆ ลมพัดเย็นที่หลังบ้านมีต้นไม้ที่ได้น้ำฝนเขียวขจีแตกแขนงปกคลุมครึ้มทั่ว โยนทุกอย่างไว้ในห้องชั้นบน แล้วคว้าเก้าอี้ตัวโปรดออกไปนั่งชานนอกบ้าน

 

นั่งเฉยๆ สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ นานๆ นิ่งเงียบไม่เปิดทีวี ไม่เปิดเพลง ไม่เปิดคอมพิวเตอร์ อยากอยู่กับธรรมชาติ ที่นานๆจะมีชีวิตเช่นนี้ที่บ้านเรา... มองไปรอบๆ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้อยู่ในบรรยากาศแบบนี้ แม้ว่าจะนั่งอยู่คนเดียว ลูกสาวไปรายงายตัวงานแห่งใหม่ คนข้างกายลงไปประชุมกรุงเทพฯ... ชีวิตบนสายพานที่ต้องหมุนไปตามจังหวะวิถีการอยู่รอดแบบสังคมเมือง

 

ต้นสักริมรั้วข้างบ้านออกลูกเต็มไปหมด หล่นล่วงลงพื้นให้ได้เก็บทุกวันทั้งใบและลูกที่พร้อมจะทำหน้าที่เกิดใหม่อีกต่อไป และต่อไป  ลุงคนหนึ่งบอกว่าลูกสักนอกจากจะเก็บมาเพาะเอาต้นกล้าสักไปปลูกแล้ว ลูกมันก็เป็นสมุนไพรพื้นบ้านโดยเก็บมาต้มกินน้ำแก้นิ่วที่ไตได้ดีนัก แต่เราไม่กล้าลอง...

จริงๆแล้วในความเงียบนั้นมีความไม่เงียบ ทั้งภายในมโนสำนึก และรอบๆกาย เมื่อเราทำตัวเงียบๆ เราก็เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆรอบตัวแวะเวียนมาให้เห็น ให้ได้ยิน ให้ได้สัมผัส นกตัวเล็กๆ บินไปมาหาอาหาร ผีเสื้อใหญ่น้อย สีสันต่างๆบินไปมา บนท้องฟ้ามีอีแอ่นบ้านบินโฉบแมลง เสียงนกที่เราไม่เห็นตัว

 

เมฆเคลื่อนตัวไปช้าๆ ทันใดนั้น เจ้านกฮูก หรือว่าเค้าแมวเราก็ไม่แน่ใจว่าเรียกอะไรบินเงียบๆมาเกาะกิ่งก้ามปูใหญ่ต่อหน้าเรา เขามาแบบเงียบจริงๆ ไม่ร้อง ไม่ได้ยินเสียงบิน เพียงความเงียบเท่านั้นที่เราสัมผัสได้ว่ามีสิ่งหนึ่งบินเข้ามาในวงสายตา กล้องในมือทำหน้าที่ทันควัน ทันพอก่อนที่เจ้าตัวหายากนี้จะบินจากไปอย่างรวดเร็วที่เขาเห็นเรานั่งตรงนั้น  กล่าวกันว่ามีนกฮูกและกะปูด ก็ไม่มีหนู ไม่มีงู  

มิน่าเล่าที่เพดานที่ห้องไม่ได้ยินเสียงหนูมาหลายปีแล้ว กรงดักหนูปล่อยทิ้งร้างจนขึ้นสนิมไปแล้ว อือ..นี่คือธรรมชาติที่สร้างความสมดุลแห่งการอยู่ร่วมกัน นึกตำหนิตัวเองสมัยเด็กๆที่ชวนเพื่อนเที่ยวเอาหนังสะติ๊กไปยิงนกกะปูด นกฮูกอย่างคะนองมือ มิเข้าใจคุณค่าแห่งเพื่อนร่วมโลก..

 

อีกมุมหนึ่งของหลังบ้านมีแนวต้นมะพร้าวที่สูงใหญ่ และก้ามปูที่สร้างความร่มรื่นหลักให้หลังบ้านเพราะใหญ่โตจริงๆ แต่เอ๊ะ.....อะไรนั่น  ผีเสื้อทำไมกระพือปีกเฉยๆอยู่กับที่ที่เขาเกาะปลายกิ่งก้ามปูเล็กๆ ไหวปลิวไปตามกระแสลมอ่อนๆ

 

เห็นภาพหายากอีกแล้ว กล้องทำงานทันที เจ้าผีเสื้อใหญ่สีสวนงามกำลังทำหน้าที่ตามธรรมชาติแห่งชีวิต แต่ลีลาเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ตัวบนกระพือปีกเป็นจังหวะช้าๆ ลมพัดกิ่งก้ามปูที่เขาเกาะไหวไปมา อยู่เช่นนั้นนาน.. อยากจะรู้ว่าจะนานเท่าไหร่และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

 

เห็นตัวบนหลุดจากกิ่งก้ามปูแต่ยังติดกับตัวล่าง ตัวบนบินห้อยตัวล่างไปหาที่เกาะแห่งใหม่ใกล้ๆกัน แล้วลีลาก็เหมือนเดิม เจ้าตัวบนกระพือปีกพึบๆ ช้าๆ กิ่งก้ามปูไหวหวิว ในธรรมชาติมีความแปลกในสายตาเรา แต่ธรรมดาเหลือเกินสำหรับเขา


พยายามหามุมที่ดีที่สุด ก็ได้มาเท่าที่เห็น ท่ามกลางลีลาที่ปลิวไหวด้วยลมและปีกที่กระพือตลอด และห่างไกลพอสมควร พยายามใช้ศักยภาพกล้องเท่าที่จะทำได้

เวลากลืนกินทุกอย่าง นานทีเดียวที่นั่งดูสิ่งรอบข้างที่ชานบ้านเราเอง แล้วชีวิตก็ผันไป ผันไป ตามภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ สัญชาติญาณ และเงื่อนไขของสายพานที่หมุนไป   ไม่รู้ว่าลีลาของผีเสื้อคู่นี้จะจบลงที่ตรงไหน เราต้องจากมุมนี้ไป....

 

แต่มีภาพบันทึกไว้มากกว่า 200 ภาพ

หมายเลขบันทึก: 303045เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2009 23:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะ พี่บางทราย

บ้านร่มรื่นจังเลย ค่ะพี่บางทราย มีนกฮูกอาศัยอยู่ด้วยแสดงว่า สงบ และอุดมสมบูรณ์จริงๆค่ะ ผีเสื้อสวยงามมากด้วย ...

ฝีมือการถ่ายรูปสุดยอดจริงๆค่ะ ... ดิฉันยังไม่เคยถ่ายรูปผีเสื้อได้สักทีค่ะ ..มัวแต่เ็ล็งคุณเธอบินหนีทุกทีเลยค่ะ

ขอบคุณพี่บางทรายที่นำภาสวยๆ มาฝากค่ะ

ป้าหม่าน่าจะไม่ไปเยือนไทยแล้วละค่ะ ... ขอให้หลงทางไปที่อื่นเถอะค่ะ

รักษาสุขภาพค่ะ

เพิ่งเห็นบรรยากาศบ้านพี่ท่านรื่นรมย์มากๆ ค่ะ

มองเพลินๆ จินตนาการเห็นภาพ

ผีเสื้อเริงระบำ งามเกินบรรยายจริงๆ ขอบคุณค่ะ

 

มาชมบรรยากาศฟ้าหลังฝนเเละธรรมชาติที่สวยงามค่ะ ถ่ายภาพได้สวยมากค่ะอาจารย์บางทราย

สวัสดีครับ หนุ่ยครับ นกฮูกนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนครับ เขาอาจจะมีมานานแล้วแต่จังหวะอาจจะไม่พอดีกัน เราเลยไม่เห็น หรือพอเราปรากฏตัว เขาก็บินหนีไปอย่างรวดเร็วจนเราไม่ทันสังเกตุ เพราะเขาเร็วจริงๆครับและเงียบด้วย 

นี่เองน่าจะเป็นคุณสมบัติพิเศษเป็นอาวุธสำคัญที่เขาสามารถจับสัตว์เป็นอาหารได้

เจ้าผีเสื้อก็เหมือนกันครับ ไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อน แต่ช่วงนี้ฤดูฝนน่าจะเป็นฤดูผสมพันธุ์ตามธรรมชาติของเขา และหลังบ้านเงียบจึงเหมาะกับเขา

ขอบคุณมากครับเจ้าพายุใหญ่ ผมกำลังตามติดเช่นกันว่าจะมาถึงเมืองไทยหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน จะส่งผลแค่ไหนกับพื้นที่ทำงานครับ

สวัสดีน้องปู  พี่ไม่เคยเห็นมาก่อน เลยถ่ายรูปเก็บไว้เสียมากมาย รวมทั้ง clip ด้วย กล้องเดี๋ยวนี้มีคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้ทำให้เราเก็บภาพหายากไว้ได้ นี่คือคุณค่าของเทคโนโลยี่ที่ดี

 

ช่วงนี้มองไปทางไหนก็เขียวสดชื่น แต่เลยไปเวียตนาม ลาว ฟิลิปปินส์ กลายเป็นความทุกข์ไปเลยนะน้องปู

สวัสดีครับ กุ้งนาง สุธีรา เห็นธรรมชาติสวยๆก็เก็บเอามาฝากกันน่ะครับ ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมชม

ขอบคุณคุณฟางข้าวมากนะครับ

ธรรมชาติ ที่งดงาม อยู่รอบข้างเราเสมอ

อิจฉา ที่ได้เห็นใกล้ๆครับ อิอิ

ธรรมชาติมีให้เราจริงๆ แต่ก็ผันเปลี่ยนไปตามฤดูกาล หากหน้าแล้งเข้ามา แมกไม้เขียวๆครึ้มก็หมดไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท