สู่เส้นทางสายไหม๓


แต่ที่พวกเราสนใจก็คือว่าหุ่นขี้ผึ้งที่ปั้นไว้ภรรยานายด่านสวยมาก มีลูกวัยสัก ๑๐ ขวบ แต่เตียงในห้องเล็กขนาดว่าถ้าภรรยานายด่านนอนกับลูก นายด่านก็ไม่มีที่นอน ผมตั้งข้อปุจฉาขึ้นมาว่าเอะนายด่านนอนตรงไหน ท่านอธิบดีเขต ๒ บอกว่าคุณลองสังเกตห้องคนใช้ซิ ที่นอนกว้างกว่าห้องภรรยายนายด่าน อะ อะ รู้นะคิดอะไรอยู่.....

        ทะเลทรายโกบี ที่เมืองตุนฮวงเป็นโอเอซิสของทะเลทรายโกบี เรานั่งรถจากเจี่ยยู่กวงกันจนเมื่อยกว่าจะถึงเมืองตุนฮวง ผมมองรอบข้างผมหลับกันหมด เหลือแต่ผมกับคนขับรถ นั่งนึกในใจว่านี่ขนาดเราเดินทางด้วยรถ ความเร็วในปัจจุบันต้องเร็วกว่าอูฐในทะเลทรายหลายเท่าอยู่แล้ว ยังรู้สึกเหงา สองข้างทางต้นไม้ก็ไม่ค่อยมี มีแต่ภูเขากับทราย แล้วสมัยโบราณที่เขาเดินทางกันด้วยอูฐกว่าจะเดินทางไปเจอโอเอซิสสักแห่งหนึ่งเขาจะต้องใช้ความพยายามขนาดไหน แถมข้าราชการที่เป็นนายด่านแทบจะไม่ต้องพูดถึงเลย ผมเห็นในพิพิธภัณฑ์มีหุ่นขี้ผึ้งมีภรรยานายด่าน บุตรนายด่าน มีสาวใช้ อยู่ที่ด่านด้วย แสดงว่าเมื่อนายด่านได้รับคำสั่งให้มาเป็นนายด่านก็คือต้องย้ายภูมิลำเนากันเลย แถมยังได้ความรู้อีกว่าเมือนายด่านถึงแก่ความตาย ลูกนายด่านอาจได้รับราชการเป็นนายด่านต่อไปอีก เหมือนกับว่าชีวิตนี้ไม่ต้องไปดูอะไรอีกแล้ว  แต่ที่พวกเราสนใจก็คือว่าหุ่นขี้ผึ้งที่ปั้นไว้ภรรยานายด่านสวยมาก มีลูกวัยสัก ๑๐ ขวบ แต่เตียงในห้องเล็กขนาดว่าถ้าภรรยานายด่านนอนกับลูก นายด่านก็ไม่มีที่นอน ผมตั้งข้อปุจฉาขึ้นมาว่าเอะนายด่านนอนตรงไหน ท่านอธิบดีเขต ๒ บอกว่าคุณลองสังเกตห้องคนใช้ซิ ที่นอนกว้างกว่าห้องภรรยายนายด่าน  อะ อะ รู้นะคิดอะไรอยู่.....

จากตุนฮวงเราไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนก็มีแต่ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา เราได้เห็นธรรมชาติแปลกๆในทะเลทราย ลักษณะคล้ายแพะเมืองผีบ้านเรา มีรูปทรงของเขาดินทรายถูกลมพัดกัดกร่อนเป็นรูปต่างๆ จินตนาการเป็นรูปต่างๆ รูปนกยูงก็มี หรือมองไปเหมือนก้อนหินลอยอยู่ในทะเล น่าอัศจรรย์มาก

 

        เขาทรายร้อง ที่เมืองตุนฮวงเราไปภูเขาหมิงซา คำว่า”หมิงซา” แปลว่าทรายร้อง ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า ดูน เป็นภูเขาทะเลทรายละเอียด มีความยาวจากด้านทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกถึง ๔๐ กิโลเมตร เวลามีลมพัดก็จะได้ยินเสียงทรายร้อง บ้างก็ว่าเป็นเสียงดนตรี บ้างก็ว่าเป็นเสียงร้องครวญครางของบรรดาเหล่าทหารที่เคยมาสู้รบบริเวณแถบนั้น นักท่องเที่ยวมานั่งไถจากภูเขาทรายลงมาข้างล่างกันอย่างสนุกสนาน ว่ากันว่าระหว่างไถลลงมาจะได้ยินเสียงดนตรีด้วยนะ เสียดายที่เราไม่มีโอกาสทดลอง นอกจากนี้ที่เขาทรายร้องยังมี “เยว่หยา” หรือจันทร์เสี้ยว เป็นบ่อน้ำใสกลางทะเลทรายที่ไม่เคยแห้ง ที่นี่เราได้ดูภาพถ่ายที่เขาแสดงไว้สวยมากเป็นทิวทัศน์ในเวลาต่างๆ เช่น ตอนเย็น ตอนเช้า ซึ่งเราไม่มีโอกาสมานั่งเฝ้าดู เสียดายมาก และผมเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพตามที่ตั้งใจเพราะเรามีโปรแกรมการเดินทาง ภาพที่ผมตั้งใจจะถ่ายแต่ไม่ได้ถ่ายคือภาพคลื่นทะเลทราย ไว้คราวหน้ามีโอกาสจะไปถ่ายให้ได้ คอยดูซิ...

        ป้อมกำแพงเมืองจีน เราได้ดู ๓ แห่งคือป้อมกำแพงเมืองจีนที่เมืองเจี่ยยู่กวง ตุนฮวงและที่ปักกิ่ง    ที่เมืองตุนฮวงตัวกำแพงแคบกว่าที่กรุงปักกิ่งแต่เราดูเพียงห่างๆ แต่ป้อมกำแพงที่เมืองเจี่ยยู่กวง อาคารป้อมยังดูสมบูรณ์อยู่ผมจำได้ว่าไกด์บอกว่า มีอิฐอยู่ก้อนหนึ่งซึ่งร่ำลือกันว่าหากใครเอาอิฐก้อนนั้นออกกำแพงจะพัง แต่จะเข้าไปหยิบอิฐก้อนนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆเพราะอิฐก้อนนั้นวางอยู่ที่ตรงกลางเหนือประตูป้อม จะเดินอ้อมขอบกำแพงก็มีหวังตกขอบกำแพงตายเพราะขอบๆวางอิฐไว้เฉยๆ ถ้าเหยียบอิฐแต่ละก้อนก็จะหลุดลงมา ผมยังสงสัยว่าจะจริงหรือเพราะอิฐก้อนนั้นวางไว้เฉยๆ ลองไปค้นหาหนังสือมาดูเขาบอกว่า นายช่างชื่อ ยี่คายจาน เป็นผู้ควบคุมการสร้างป้อมกำแพงนั้นกำหนดให้ใช้อิฐ ๙๙๙,๙๙๙ ก้อน พอสร้างเสร็จเหลืออิฐ ๑ ก้อน เหตุที่เหลือคงเป็นเพราะมีใครแกล้งทำลายชื่อเสียงของนายช่างผู้คำนวณ แอบเอาอิฐมาวางเพิ่มเพราะนายช่างผู้นี้เป็นคนเก่งมากคำนวณไม่เคยผิดพลาด โถพี่ผิดแค่ก้อนเดียวผมก็ถือว่าพี่สุดยอดแล้วพี่.....

เราสงสัยกันว่าทำไมกำแพงเมืองจีนจึงกว้างไม่เท่ากัน ทั้งๆที่เมืองมีคำสั่งให้สร้างกำแพงเมืองจีน น่าจะมีการกำหนดขนาดกว้างยาว และแล้วเราก็ถึงบางอ้อเพราะกำแพงเมืองจีนไม่ได้สร้างขึ้นมาในยุคสมัยเดียว สมัยโบราณมีหลายราชวงศ์ ราชวงศ์ตั้งเมืองหลวงที่ใดก็จะมีการสร้างกำแพงเมืองที่นั่น ยุคราชวงศ์ใดกำหนดความกว้างของกำแพงขนาดใดก็สร้างกันขนาดนั้น จึงใหญ่บ้างเล็กบ้าง และเมื่อดูจากแผนภูมิที่แสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ก็จะเห็นว่ากำแพงเมืองจีนไม่ได้สร้างให้ต่อกัน แต่จะดูเป็นเส้นๆเป็นทิศทางเดียวกัน ซ้อนกันบ้างแต่ระยะห่างระหว่างกำแพงก็จะไกลมาก ประสานกันบ้าง แต่ในยุคหลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมประเทศได้เป็นผลสำเร็จก็ได้เชื่อมกำแพงเข้าด้วยกัน ได้ความรู้มาอีกว่ากำแพงเมืองจีนเมืองตุนฮวง สร้างสมัยราชวงศ์ฮั่น ที่กำแพงเมืองจีนกรุงปักกิ่งสร้างในสมัยราชวงศ์หมิง

กำแพงเมืองจีนเริ่มต้นที่ริมทะเลมณฑลเหอเป่ย ชื่อด่านว่า “หัวมังกร” ภาษาจีนเขาเรียก “ซานห่าย”มาสิ้นสุดที่หางมังกรที่เจี่ยยู่กวง ยาว ๖,๗๐๐ กิโลเมตร

แม่น้ำฮวงโห เราตื่นเต้นกันมากที่ได้มาเห็นแม่น้ำฮวงโห เพราะรู้จักแม่น้ำนี้มาตั้งแต่เด็ก รู้จักจากในหนังสือเรียน เราได้เมื่อเรามาที่หลานโจว ที่แม่น้ำแห่งนี้มีความหมายเป็นแม่ของแผ่นดิน จึงมีรูปหินแกะสลักเป็นแม่อุ้มลูก และที่ริมแม่น้ำก็มีพิพิธภัณฑ์ให้เราเห็นกังหันน้ำขนาดใหญ่แสดงให้เห็นความสามารถของมนุษย์ที่พยายามเอาชนะธรรมชาติใช้พลังของน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เขาใช้ความแรงของน้ำมาหมุนกังหัน การหมุนของกังหันก็จะไปหมุนโม่สีข้าว ทำให้เกิดประโยชน์ ดูขนาดของกังหันที่ทำด้วยไม้จากภาพ แม่น้ำเหลืองหรือแม่น้ำหวงโหแห่งนี้ ยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ แม่น้ำวิปโยค แต่ละปีกลืนกินชีวิตผู้คนไปนักต่อนัก

และที่แม่น้ำฮวงโห เขาพาเราไปพบอาจารย์ท่านหนึ่ง สมัยก่อนเป็นครู แต่ชอบใช้เวลาวันหยุดไปเก็บสะสมก้อนหินรูปร่างแปลกๆตามจินตนาการ เก็บไปเก็บมาถึงเวลาต้องไปสอนหนังสือ แต่ท่านเห็นว่าท่านชอบเก็บสะสมก้อนหินามากกว่าก็เลยลาออกจากการเป็นครูเก็บสะสมก้อนหินดีกว่า แถมยังขายได้ด้วย ตอนนี้มีพิพิธภัณฑ์ก้อนหินรูปร่างแปลกตา บางก้อนมีคล้ายภาพเงาของท่านประธานเหมาก็มี

        พิพิธภัณฑ์ ไปพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง แต่ละแห่งเราใช้เวลามากเพราะท่านอัยการสูงสุดและคณะให้ความสนใจด้านประวัติศาสตร์ บางเรื่องท่านอัยการสูงสุดได้ศึกษามาก่อน การชมพิพิธภัณฑ์จึงได้รสชาติเพราะเมื่อท่านถามนอกเหนือจากที่เขาบรรยายและเขาตอบให้เราได้ เราก็ได้ความรู้เพิ่มยิ่งทำให้สนุกในการเรียนรู้ แต่เล่นเอาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย,ฝ่ายจัดเลี้ยง,และเจ้าหน้าที่ของสถานที่ที่เราจะไปต้องกระวนกระวายใจเพราะการชมพิพิธภัณฑ์หรือสถานที่ที่น่าสนใจเราดูกันเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่มาเที่ยวดูเล่นเฉยๆ เขาก็คงไม่นึกว่าเราจะให้ความสนใจขนาดนั้นแต่เจ้าของสถานที่ที่เราเข้าไปกับไกด์ที่เขามาอธิบายให้เราดูจะมีความสุขทุกแห่งที่เราสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเขา พิพิธภัณฑ์ที่น่าประทับใจที่สุดก็คือพิพิธภัณฑ์สุสานจิ๋นซี เพราะนอกจากดูสุสานที่นักท่องเที่ยวทั่วไปได้ดูแล้ว เรายังได้ดูผ้าไหมที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศจีนที่มีอายุนับพันปี แต่สีสันยังสดใส และเส้นทองที่ใช้ถักทอกับผ้าไหมดังกล่าวนั้น เส้นทองเล็กมากไกด์อธิบายว่าเล็กกว่าเส้นทองที่ประเทศญี่ปุ่นใช้เครื่องจักรทำเส้นทองเสียอีก เมื่อเข้าไปอยู่ชั้นใต้ดิน ผ้าไหมที่ว่าอยู่ในตู้ มีผ้าดำคลุมไว้ พอเราจะดูเขาเปิดไฟ เปิดผ้า จึงเห็นและห้ามถ่ายรูปด้วย

 เราได้เห็นอีกครั้งที่ด้านนอก(อยู่ในพิพิธภัณฑ์)ตอนแรกผมก็นึกว่าในพิพิธภัณฑ์ก็มีผ้าไหมที่เราได้เห็นที่ชั้นใต้ดินและแม้สีสันจะจืดไปบ้างแต่ก็ยังดูได้และเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเขาทำจำลองขึ้นมา แต่พอดูละเอียดจึงรู้ว่าเขาใช้ภาพถ่ายแล้วตัดภาพเสื้อผ้าไหมเท่าขนาดของจริงมาวางไว้ (ยังมีต่อ)

หมายเลขบันทึก: 303030เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2009 22:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีครับ อัยการชาวเกาะ

  • ขออาศัยชายผ้าเหลืองของท่านไปเที่ยวด้วยครับ
  • เป็นการไปทัศนศึกษาจริงๆ ได้ครบถ้วนสมบูรณ์มาก
  • ให้ผมไปเอง 10 เที่ยวก็ไม่รู้ว่าจะได้รายละเอียดลึกๆแบบนี้เปล่า
  • ที่สำคัญท่านเอาอารมณ์ความรู้สึกใส่ลงไปด้วยทำให้น่าอ่าน
  • เห็นภาพลงลึกกว่าไปเอง
  • แล้วก็อยากอ่านอีก ต้องติดตาม 
  • ขอบพระคุณ ขอให้สุขภาพแข็งและแรงครับ

ภาพทะเลทราย แม่น้ำฮวงโหและกำแพงเมืองจีน งามมากๆค่ะท่านอัยการ

อมยิ้มกับมุขห้องนอน จะรอติดตามต่อ ขอบพระคุณค่ะ

ท่านอัยการ พักผ่อน ท่องเที่ยว

เผื่อชาว G2K ด้วย

ขอบคุณค่ะ คงไม่มีโอกาสไปเพราะกลัวความสูง

สวัสดีครับท่าน ผอ.ประจักษ์

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน

ท่านอ่านอย่างมีความสุขผมก็สุขด้วยครับ

ฝากความคิดถึงหลานม่อนด้วยครับ

สวัสดีน้องปู

ที่แม่น้ำฮวงโห มันกว้างใหญ่แต่เดี๋ยวนี้มีเขื่อนกั้นแล้ว กังหันที่เอามาหมุนโรงสีก็ใหญ่มากทำด้วยไม้ทั้งหมด เสียดายไม่ได้เห็นว่ามันหมุนอย่างไร

การไปคราวนี้โชคดีมากๆ เพราะเป็นอัยการระดับอัยการสูงสุด/อัยการระดับเขต/อัยการระดับฝ่าย/ส่วนผมกับเพื่อนๆเป็นระดับอัยการจังหวัด(เท่มาก..ที่ท่านอัยการสูงสุดเลือกพาไปร่วมคณะกับท่าน) ท่านบอกว่าท่านเห็นผลงานผมมาตั้งแต่ท่านเป็นอัยการพิเศษฝ่ายและเฝ้าดูการทำงานของผมมาตลอด พอเขาเชิญท่านไปศึกษาดูงานท่านก็นึกถึงผมด้วย เป็นบุญจริงๆครับ

สวัสดีครับครูป.๑

เที่ยวเผื่อแล้วเอามาเล่าต่อ เอาภาพมาฝากด้วย

ตามผมเที่ยวแบบนี้ไม่แพงครับ อิอิ

สวัสดีค่ะ ท่านอัยการฯ

ท่านเปาฯผู้ทรงความยุติธรรม ฮา...(ภาพใส่หมวก)

สวัสดีครับครูจิ๋ว

ภาพประวัติศาสตร์ครับ ท่านอัยการสูงสุดถ่ายให้ครับ อิอิ

แอ้ม คนเมืองขนมหวาน

สวัสดีค่ะ คุณลุงอัยการ

ไม่ได้ตามไปเที่ยวหลายวันเพราะฝนตกทุกวันเลย วันนี้ฟ้าสดใสเลยมาตามไปเที่ยวต่อ อิอิ เมื่อวานหนูได้ดูช่องแฟนทีวีตามไปเที่ยวบ้านโกไข่ สนุกมาก ที่บ้านรอนั่งดูกันเป็นแถว...เลย อิอิ ครอบครัวคุณลุงน่ารักทุกคนเลย ดูแล้วมีความสุข

วันนี้หนูส่งน้ำตาลโตนดไปให้คุณลุงแล้วค่ะ ขอโทษที่ส่งไปให้ช้าหน่อย อิอิ

 

แอ้ม เมืองขนมหวาน

 

สวัสดีหนูแอ้ม

สงสัยแผ่นซีดีกับวีซีดีถึงที่มหาวิทยาลัยแล้ว

ครอบครัวลุงอ้วนท้วนสมบูรณ์เน๊าะพี่สาวเป็นผู้จัดการของเอไอเอ ลุงรับราชการ น้องสาวคนถัดมาเป็นผู้จัดการออมสิน ส่วนคนสุดท้ายเป็นอดีตเทศมนตรีเมืองพังงา โกไข่เป็นน้องสุดท้อง เทปชุดนี้ที่พังงาฮือฮามาก เพราะออกทีวีกันครบคน อิอิ

ขอบคุณมากสำหรับน้ำตาล โต-นด แฮ่ๆ

ไม่เสียแรงที่ได้โปรโมทไว้เลยครับท่านอัยการ ท่องเที่ยวอย่างมีสาระ ได้ความรู้คู่คุณธรรม

เอ๊ยไม่ใช่คู่กับความสนุกสนานตามไสตล์ท่านอัยการ ขอบคุณที่เอาของดีๆมาแบ่งปันกัน

ขอให้อยู่คู่กับ Gotoknow นานๆน่ะขอรับ.

ยุทธศักด์ ว.

สวัสดีครับคุณยุทธศักดิ์ ว.

ขอบคุณที่ยังติดตามและให้กำลังใจ

จบบทความชุดนี้แล้ว ต่อไปก็จะกลับมาเป็นเรื่องของกฎหมายต่อครับ

สวัสดีค่ะ

.อ่านแล้วชอบมากๆค่ะ ดิฉันชอบท่องเที่ยวเหมือนกันแต่ยังไม่ได้ไปเช่นท่านเลยค่ะ ไปจีนก้ได้ไปแค่ปักกิ่งค่ะ ที่อื่นยังไม่ได้ไปเลย

.ขอบคุรความรู้ดีๆ และสนุกๆคะ จะติดตามต่อไป

สวัสดีครับคุณอุดมพันธ์

เมืองจีนยังมีที่น่าไปอีกหลายแห่ง อาจเป็นเพราะเราเชื้อสายจีนหรือเปล่าก็ไม่รู้ อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท