Assalamualaikum
วะอาลัยกุมุสสะลาม ครับลูกซิลเวีย (ขออนุญาตเรียกลูกก็แล้วกันนะครับ เพราะเรียกจนติด "แป้นพิมพ์แล้ว" ฮิๆ
ดีใจครับลูกที่ "บันทึก" ของอาเยาะ มีประโยชน์กับลูก
รู้ไหมว่า แม้ว่า จะเป็นเพียงเงินแค่ 1 บาท (เปรียบตนเองเช่นนี้เพราะอาเยาะไม่ได้เรียนอะไรมากมาย) แต่หากว่าเงิน 1 บาทนั้น คือ 1 บาทที่จะทำให้ใครสักคนที่กำลังจะซื้อตั๋วรถทัวร์เพื่อกลับบ้านได้ซื้อตั๋วนั้น และได้เดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัวที่คิดถึง 1 บาทนั้นย่อมเป็น 1บาทที่ "มีค่า" เสมอ
แต่ขออย่าเป็น 1 บาทที่หลังจากซื้อตั๋ว หรือซื้ออะไรก็ได้แล้วเหลืออีก 1 บาทนะครับ เพราะแม้ราคาเงินเท่ากัน แต่ เรารู้สึกต่อมัน (1บาทนั้น) ต่างกันลิบลับเลยครับ
ขอหมายเหตุตรงนี้ว่า จำได้ว่าอาเยาะเคยเขียนทำนองนี้ท้ายบันทึกของ น.ศ. ไทยในต่างแดนคนหนึ่งนานมาแล้ว
ลูกอ้างคำกล่าวของW. Clement Stone ทำให้อาเยาะนึกถึงอีกคนหนึ่ง รู้สึกว่าจะชื่อNapoleon Hill ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ในช่วงมัธยมต้น (ม.ศ.ต้นรุ่นสุดท้าย)หลังเลิกเรียนอาเยาะจะไปที่ห้องสมุดประชาชนจังหวัดยะลาเกือบทุกวัน (ติดกับวัดพุทธฯ) ขึ้นไปบันใดขวามือชั้นสอง และขลุกอยู่ที่นั้นเป็นชั่วโมงๆเกือบทุกวันอ่านหนังสือแนวจิตวิทยาประยุกต์ของNapoleon Hillและรู้สึกจะมีบางเล่มที่W. Clement Stone ร่วมเขียนด้วย และอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจมากคือเดล คาร์เนกี้หนังสือของเขาเกือบทุกเล่มอ่านแล้วช่วยให้ผู้อ่านมี "มุมมอง" ที่ positive มากๆ และช่วยให้คนที่ "ท้อแท้หมดหวัง" ฮึกสู้ขึ้นมาอีกครั้ง และอีกครั้งเสมอครับ และแม้ว่าบางวันจะอ่านเพลินจนรถตุ๊กๆที่วิ่งระหว่างตลาดกับต.สะเตงหมด จนอาเยาะต้องเดินกลับบ้านที่สะเตงระยะทางเกือบ 6 กม. แต่เพราะข้อคิดจากหนังสือที่อ่าน ทำให้การเดินกลับบ้านเป็นสิ่งที่น่าสนุก แทนที่จะเครียดกังวล แม้ว่าจะถึงบ้านช้าไปนิดหนึ่ง
ขอบคุณลูกมากครับ แค่รู้ว่ามีใครอ่านและรู้สึกดีและได้รับสิ่งดีบ้างจากเงิน 1 บาท อาเยาะก็ดีใจจนนอนหลับฝันหวานแล้วละครับ ขอบคุณอีกครั้งครับลูก