ธรรมหรรษา
รศ.ดร. พระมหา หรรษา นิธิบุณยากร

เพราะหมกมุ่น และย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งที่เป็น "ลบ" (อกุศลวิตก) เราจึงพบแต่ "ความทุกข์"


การที่คนสองคน ต้องการสิ่งเดียวกัน และในเวลาเดียวกัน แล้วไม่สมประสงค์สิ่งที่ตัวเองปรารถนา และไม่ลดลาวาศอก ยึดมั่นที่จะไขว่ขว้าและแสวงหามาให้ได้ จึงทำให้เราขัดแย้งกัน จนนำไปสู่การทำร้าย และประหัตประหารซึ่งกันและกัน

เพราะเรามัวแต่หมกมุ่น และย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งที่เป็น "ลบ" (อกุศลวิตก) เราจึงพบแต่
"ความทุกข์" และนับเป็นเรื่องแปลกมากๆ ที่มนุษย์มักจะ "แสวงหา และนำพาความทุกข์" มาฆ่าตัวเอง ทำร้ายตัวเอง

๑. หมกมุ่นอยู่กับการ "แสวงหาสิ่งเสพ" (กามวิตก) ซึ่งคล้อยไปในทาง "นักวัตถุนิยม" หรือ "บริโภคนิยม" สุดท้ายก็เป็นทาสของ "วัตถุ/สิ่งเสพ" จนจมปลัก โงหัวไม่ขึ้น และเป็น "หลุมฝังศพความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเอง" 

๒. หมกมุ่นอยู่กับการอาฆาต และพยาบาท (พยาบาทวิตก) ใครก็ตามที่ขัดขวาง 
หรือทำให้เราไม่บรรลุสิ่งที่เราหวัง หรือต้องการจะได้ หรือจะเป็น ซึ่งในขณะ
ที่เรากำลังอาฆาต และต้องลงทุนไม่ยอมหลับนอนเพื่ออาฆาตเขา แต่คน
ที่เราอาฆาตกลับนอนอย่างมีความสุข

๓. หมกมุ่นอยู่กับการคิด หรือหาช่องทางที่จะทำร้าย เบียดเบียนหรือทำลายผู้อื่น 
(อวิหิงสาวิตก) ที่ทำลายความรัก (เทียม) ความหวังที่เราปรารถนา และวาดหวัง 
เอาไว้จะบรรลุ และเข้าถึง  ฉะนั้น การครุ่นคิดที่จะฆ่าเขา กลายเป็นว่าอารมณ์หรือ
ความคิดที่เราสร้างขึ้นได้กลายเป็นยักษ์ที่กำลังฆ่าเราอยู่ทุกเวลาและนาที 

ทั้งสามประการนี้ เป็นตัวแปรสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้คน หรือกลุ่มคนขัดแย้งระหว่างกันและกัน ก็ในเมื่อ "คนสองคน ต้องการสิ่งเดียวกัน และในเวลาเดียวกัน" แล้วไม่สมประสงค์สิ่งที่ตัวเองปรารถนา และไม่ลดลาวาศอก ยึดมั่นที่จะไขว่ขว้าและแสวงหามาให้ได้ จึงทำให้เราขัดแย้งกัน จนนำไปสู่การทำร้าย หรือทำลายอีกฝ่ายที่ตัวเองเข้าใจว่า "เป็นมาร" ที่ขวางความต้องการของตัวเอง  

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นทุกวันนี้ แล้วเมื่อใดตัวเราเอง รวมไปถึงครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และโลกที่เราอาศัยอยู่จะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งรอยยิ้ม ความเอื้ออาทร ความสุข สงบ เย็น และเป็นสันติสุข

หมายเลขบันทึก: 299595เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2009 19:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 09:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)
  • บรรยากาศแห่งรอยยิ้ม ความเอื้ออาทร
  • อยากให้เป็นสยามเมืองยิ้มจริงๆครับพระคุณเจ้า
  • แต่..วางเฉยมานาน..ยิ่งได้ใจ
  • เอาชาติบ้านเมือง เล่น(การเมือง)กันจนปี้ป่น
  • จะให้ยิ้ม...คงฝืนยิ้ม
  • เหลืออด..ก็ต้อง..นี่แหนะๆๆๆๆๆๆ หือๆๆๆๆ เอาซ๊ะบ้างขอรับ พระคุณเจ้า

นมัสการครับ

ผมเคยทำวิจัยเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย็ง

เสียดายขณะนั้นมิได้อ่านบันทึกนี้

มิฉะนันการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลน่าจะสมบูรณ์กว่านี้

ขอบใจโยมสามสักที่แวะมาสนทนาธรรมด้วย โยมสวมวิญญาณของครูอีกแล้วน่ะ อย่าตีมากเดี๋ยวเด็กไปฟ้อง "พ่อ" อีก

โยมหนานเกียรติ

ไม่ทราบว่า โยมทำวิจัยเกี่ยวกับความขัดแย้งในประเด็นไหน เผื่อจะได้นำงานของโยมมาตีพิมพ์ในวารสารของมจร.

นมัสการพระคุณเจ้า

ขอคำแนะนำจากพระคุณเจ้าด้วย....กรณีปัญหาในองค์กรราชการท้องถิ่น

การวางเฉยของสมาชิกในองค์กร แม้มองเห็นความไม่ชอบธรรมของผู้นำองค์กรในการบริหารงาน

แต่ไม่มีใครกล้าหาญพอที่จะขัดใจนาย.....ไม่มีใครกล้าหาญเพียงพอที่จะบอกว่าสิ่งที่ท่านคิดและทำอยู่เป็นสิ่งที่ไม่ดี

ไม่ชอบด้วยกฏหมาย..และศีลธรรม...นอกจากจะทำตัวของท่านเองแล้ว...ท่านกำลังใช้อำนาจในทางมิชอบทำร้ายองค์กรด้วย

จะทำอย่างไรดี....การวางอุเบกขาเช่นนี้ของคนในองค์กรเป็นเรื่องถูกแล้วหรือไม่

โยมสกาวเดือน

เมื่อกล่าวถึงอำนาจ มี ๒ อย่าง คือ อำนาจที่เกิดจากตำแหน่ง หรือที่มากับตำแหน่ง (Position Power) กับ อำนาจส่วนตัว หรืออำนาจเฉพาะตัว (Personal Power) ผู้บริหารมักจะใช้อำนาจทั้งสองเป็นเครื่องมือในการบริหาร แต่ปัญหาที่เกิดก็คือ เรามักจะใช้อำนาจสองอย่างผิดที่ผิดทาง กล่าวคือ บางสถานการณ์แทนที่จะบริหารโดยใช้ตำแหน่งกลับใช้เรื่องส่วนตัวไปตัดสินใจกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากลจากการใช้อำนาจ เราอาจจะใช้กุศโลบายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อกระตุ๊กหนวดแมว แต่แมวก็ชอบดื้อ คือ ดึงบนลงล้าง ดึงล้างขึ้นบน ดึงหัวไปทางหาง เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผู้บริหารแบบนี้ คิดว่ามีอำนาจเหนือเรา จึงไม่ใส่ใจแม้เราจะหากุศโลบายแล้ว แต่เจ้านายบางคนที่มี "ยางอาย" ก็อาจจะระมัดระวัง และใส่ใจการใช้อำนาจมากขึ้น

ปัญหาคือ ผู้บริหารที่ไร้ "ยางอาย" หรือขาดธรรมาภิบาลจะทำอย่างไร หน้าที่ของเราไม่ใช่ "เอาหูไปนา เอาตาไปไร่" แต่คือการดูสถานการณ์ หรือรอเวลาที่เหมาะสม (อุเบกขา) โดยใช้ปัญญาเข้าไปวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามหลักอริยสัจ ๔: คืออะไร เกิดจากอะไร จะหมดปัญหาอย่างไร และจะแก้โดยวิธีใด

หากความผิดที่เกิดจากการใช้อำนาจทั้งสองอย่างได้ก่อให้เกิดผลเสียต่อองค์กร หน่วยงาน สังคม และชาติบ้านเมืองจนยากที่จะเยียวยาได้แล้ว เรามีเครื่องมือหลายอย่างที่บัญญัติเอาไว้ในกฏหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก เพื่อจะดำเนินการจัดการกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งมีทั้งเปิดเผยตัวเรา และไม่จำเป็นต้องเปิดเผย

แต่ปัญหาก็คือ เรากล้าหรือไม่ เรามีความ "กล้าหาญทางจริยธรรม" มากน้อยเพียงใด ที่จะเข้าไปช่วยเหลือประเทศชาติของเรา สังคมของเรา และเพื่ออนาคตที่ดีกว่า การเกิดเป็นมนุษย์นี่ยากแล้ว แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นก็คือ การใช้คุณค่าของความเป็นมนุษย์ในการช่วยเหลือประเทศชาติ และสังคม สักวันหนึ่ง มนุษย์ทุกคนจะต้องตาย แต่ก่อนจะตายถ้าเราได้สร้าง "ธรรมเจดีย์" หรือ "อนุเสาวรีย์แห่งความดีงาม" เอาไว้ให้ลูกหลาน และอนุชนรุ่นหลัง เราคิดว่า "คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์" หรือไม่?

นมัสการครับ

ผมทำวิจัยเรื่องการจัดการควสามขัดแย้งในชุมชนบนพื้นที่สูง เมื่อเกือบ ๑๐ ปีมาแล้วครับ

ตอนนี้อยากจะรีไรท์ใหม่ครับ มีข้มูลบางส่วนที่น่าสนใจ ตอนนั้นทำได้ไม่ดี ทำแค่พอจบครับ

โยมหนานเกียรติ

ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็แวะเข้าไปอ่านวิทยานิพนธ์ของอาตมาฉบับเต็มได้ที่ http://www.mcu.ac.th/site/thesisdetails.php?thesis=254818 ในนี้จะมีการ Review เอกสารด้านความขัดแย้งทั่วโลก ร่วมไปถึงรูปแบบและวิธีการจัดการความขัดแย้งในพระพุทธศาสนาด้วย ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็รบกวนแบ่งปันกับอาตมาได้

อย่างไรก็ดี ถ้าโยมจะกรุณาส่งเอกสารของโยมที่เป็นไพล์ให้อาตมาไม่เกิน ๒๐ หน้าอาตมาจะนำไปลงในวารสารของมหาลัย

ท่านอาจารย์ครับ

งานของผมค่อนข้างหยาบ

ในช่วงที่เขียนรายงานวิจัย ผมใช้เวลาสั้นมากในการจัดทำ เพราะตัดสินใจเฮือกสุดท้ายว่าจะเลือกจบ ซึ่งก่อนหน้านั้นตัดสินใจไม่เลือกที่จะทำต่อ และไม่สนใจปริญญา

ผมตัดสินใจหลังจากเหลือเวลาเพียงสองสัปดาห์

ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เก็บข้อมูล และอีกสัปดาห์ในการเขียน โดยที่ที่ปรึกษาท้ังสองท่านมิเคยได้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา

เป็นเพราะอาจารย์อยากให้จบ ๆ จึงให้โอกาสสอบ และผมใช้เวลาอีกสามวันในการแก้งานแล้วส่งตามเส้นตาย

เพราะมีข้อมูลบางส่วนค่อนข้างน่าสนใจจึงอยากจะนำมาเขียนใหม่ในลักษณะเรื่องเล่า แต่ยังหาจังหวะไม่ได้ครับ

ขอบพระคุณในความเมตตาครับ

โยมหนานเกียรติ

อาตมาจะรออ่านเรื่องเล่าจากโยมน่ะ

นมัสการพระอาจารย์ครับ

ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อไรจะส่งไปให้อ่านนะครับ

ผมมีบันทึกอยู่ในนี้บ้าง ถ้ามีเวลานิมนต์เข้าไปเยี่ยมชมได้นะครับ

  • จิตอาสา (6 บันทึก)
  • เรื่องเล่าจากหมู่บ้าน (18 บันทึก)
  • บทเรียนจากชุมชน (3 บันทึก)
  • เฌวา (11 บันทึก)
  • เล่าสู่กันฟัง (15 บันทึก)
  • บ้านป่าคา : เรื่องเล่าของคนกับป่า (7 บันทึก)
  • เมฆ (4 บันทึก)
  • บนเส้นทางส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษ (2 บันทึก)
  • โยม หนานเกียรติ

    บอกอาตมาช้าไปเสียแล้ว เพราะอาตมาไปเยี่ยมเยียนโยมบ่อยมาก เป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ และควรค่าแก่การเรียนรู้

    นมัสการพระคุณเจ้า

    ดูเหมือนประเทศเราในยามนี้ หลายๆคนหมกมุ่นในอกุศลวิตกกันมากนะเจ้าคะ ตกสีกันเชียวเจ้าค่ะ

    คนที่เหลือเลยถูกสีตกใส่ตามไปด้วย

    อยากให้พ้นภาวะนี้เร็วๆเจ้าค่ะ

    โยม ณัฐรดา

    "สี" ก็คือ "สี" ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตาม แต่ที่เกิดปัญหาก็เพราะว่ามนุษย์ไปใส่ "คุณค่า" โดยการ "แทนค่า" และ "ตีความ" สีในมิติต่างๆ ฉะนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ "สี" แต่อยู่ที่ "คน" ไป "ตีค่าของสี" โดยที่มี "อกุศลวิตก" เป็น "ผู้ร้าย" ตัวหนึ่งที่เข้ามาบงการอยู่เบื้องหลัง

    ที่ oknation เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง บล็อคเกอร์ที่ชอบเขียนเรื่องเกี่ยวกับศาสนาจะเขียนบทความล้อกัน เช่น คนหนึ่งยกพุทธพจน์ หรือยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา เพื่อนคนอื่นๆก็จะเขียนเรื่องมาขยายความตามกัน สนุกสนานมากเจ้าค่ะ ต่างได้ความรู้ที่ค่อยๆแผ่ออกไปทีละนิดทีละน้อยจากบทความที่ล้อตามกันนั้น (สนุกตรงที่ไม่ทราบว่าใครจะยกเรื่องอะไรขึ้นมา เพื่อนๆต้องหาข้อมูลมาเขียนขยายต่อกันให้ได้)

    .

    ตอนนั้นเล่นๆกันอยู่สักพัก ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ ว่าอยู่ดีๆทำไมถึงเลิกเล่น

    .

    ตอนนี้คนที่เขียนคงมีภาระเยอะ บางคนเงียบหายไปจากเวบเลย อีกคนเรียนที่ มจร. นี่แหละเจ้าค่ะ เรียนทั้งปริญญาโท ปริญญาเอก เลยค่อนข้างยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาเขียน อีกคน แว่บจากเว็บนั้นมาโผล่เว็บนี้ ^_^

    .

    คงไม่ได้เล่นกันอย่างนั้นอีกแล้ว

    ลืมนมัสการลาเจ้าค่ะ ขออภัยเจ้าค่ะ

    โยมณัฐรดา

    ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเรากำลังย้อนอดีตอีกครั้ง

    นมัสการครับ พระอาจารย์

    มาติดตามอ่านบันทึกท่านอาจารย์ แต่ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ในห้องเรียนอยู่

    ขอแสดงตัวก่อนนะครับ 

    โยมจตุพร

    ขอบใจมากๆ ที่โยมได้กรุณาสละเวลามาเยี่ยมเยียนอาตมาในเทศกาลเข้าพรรษา จะออกพรรษาแล้วจะไปร่วมบุญที่ไหนบ้าง

    นมัสการพระคุณเจ้า

    ขอมาร่วมเรียนรู้ค่ะ เราอยากให้หลายๆๆๆคนได้มาใช้ความคิดเชิงบวกกัน(Positive Thinking )มากๆ

    โยมท้องฟ้า

    เจริญพรขอบใจมากๆ ที่โยมได้กรุณาแวะมาแลกเปลี่ยน หวังเช่นกันกับโยมคือ ปรารถนาให้ทุกคนคิดเชิงบวก ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อความเจริญงอกงามของเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขของเขาเอง

    เจริญพร

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท