ธรรมฐิต
พระ(มหา) วิชิต ชิต สมถวิล(ฐิตธมฺโม)

ถ้าทำได้..จะพบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่..


ธรรมฐิตไม่ได้เขียนบันทึกมาสองสามเพลาแล้วเพราะเห็นว่าข้อมูลบันทึกล่าสุดไม่แสดงในหน้าประวัติ

แต่ตอนนี้ดีแล้วสงสัย..มะปรางเปรี้ยว..คงแก้ไขให้แล้ว  สาธุๆๆ

ค่ำนี้เลยมานั่งเขียนบันทึกต่อไปตามความโง่ที่พอจะรู้กับเขาบ้าง

บริโภคข่าวสารที่เกิดขึ้นแต่ละวัน  ทุกคนก็หวังที่จะชนะซึ่งกันละกัน

ไม่ยอมแพ้ต่อกันยึดหลักว่า..ข้าดีกว่าพวกเอ็ง..

ต้านกันไปต้านกันมาตกลงก็ปราชัยทั้งคู่..

เพราะไม่ยอมให้สิ่งที่มีค่าซึ่งมีอยู่ในตัวตนทุกรูปนาม

เลยไม่ได้แม้แต่จะเข้าใกล้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

ลองอ่านเรื่องต่อไปนี้ดูเพื่อนส่งมาให้อ่านนานแล้ว

แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่มีค่าที่อยู่ในตัวเราคืออะไร..

อาจทำได้ยากแต่ก็มีคนที่ทำได้เลยได้พบกับคำว่า

…......ชัยชนะอันยิ่งใหญ่.....

ผู้หญิงผู้เป็น"แม่"คนหนึ่ง ซึ่งได้กระทำในสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง

 

ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ :

 

หลายปีก่อนมีคดีหนึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

วัยรุ่นอายุสิบสี่ยิงเด็กหนุ่มคนหนึ่งถึงแก่ความตายเพียงเพราะ

ต้องการพิสูจน์ตัวเองให้เพื่อน ๆ ในแก๊งเห็น ทุกนัดที่มีการสืบพยานในศาล

แม่ของผู้ตายนั่งฟังการพิจารณาอย่างนิ่งเงียบ

หลังจากที่ศาลตัดสินจำคุกวัยรุ่นผู้นั้น แม่ของผู้ตายเดินเข้าไปหาเขา

จ้องหน้าและพูดว่า "ฉันจะฆ่าเธอ"

 

ผ่านไปครึ่งปี หญิงผู้นั้นก็ไปเยี่ยมคนที่ฆ่าลูกชายเธอ

เธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ไปเยี่ยมเขา

เพราะเขาเป็นเด็กข้างถนน ไม่มีญาติพี่น้อง

ก่อนที่จะจากกัน  เธอให้เงินเขาเป็นค่าบุหรี่

แล้วเธอก็เริ่มไปเยี่ยมเขาบ่อยขึ้น แต่ละครั้งก็เอาอาหารและของฝากไปให้

เมื่อใกล้ครบกำหนดจำคุกสามปี หญิงผู้นั้นก็ถามว่าเขาจะทำอะไรเมื่อพ้นโทษ

เขาตอบว่าไม่รู้ เธอจึงหางานให้เขาทำในบริษัทของเพื่อน

ครั้นถามว่าเขามีที่พักไหม ก็ได้คำตอบว่าไม่มี

เธอจึงชวนเขามาพักในบ้านของเธอ บ้านของเด็กที่เขาฆ่ากับมือ

 

ตลอดแปดเดือนเขาพักบ้านเธอ กินอาหารที่เธอทำ

แล้วเย็นวันหนึ่งเธอก็เรียกเขาไปคุยในห้อง

เธอนั่งประจันหน้าเขา นิ่งเงียบพักใหญ่ แล้วพูดขึ้นว่า

"เธอจำได้ไหมตอนที่อยู่ในศาล ฉันพูดว่าจะฆ่าเธอ?"

"จำได้ครับ"

"ฉันไม่ต้องการเห็นคนที่ฆ่าลูกฉันยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้

ฉันต้องการให้เขาตาย

เพราะเหตุนี้แหละฉันจึงไปเยี่ยมเธอและเอาของไปให้

เพราะเหตุนี้แหละฉันจึงหางานให้เธอและให้เธออยู่บ้านฉัน"

ถึงตรงนี้ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

แล้วแม่ของผู้ตายก็พูดต่อไปว่า

 

" ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเธอ

ตอนนี้เจ้าวัยรุ่นคนนั้นก็จากไปแล้ว ฉันจะถามเธอล่ะทีนี้ว่า

ลูกของฉันจากไปแล้ว เจ้าฆาตกรก็จากไปแล้วเช่นกัน

เธอยังจะอยู่ที่นี่อีกหรือเปล่า

ฉันอยากรับเธอเป็นลูกหากเธอไม่ว่าอะไร"

 

ในที่สุดเธอได้กลายเป็นแม่ของคนที่ฆ่าลูกเธอ

ส่วนฆาตกรผู้หลงผิดก็ได้แม่ซึ่งเขาไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต

............

 

เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหญิงคนหนึ่ง

แต่เธอก็ได้พลิกเปลี่ยนเหตุการณ์ให้กลายเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่

ชัยชนะอันสำคัญมิได้อยู่ที่เธอได้ลูกคนใหม่มาแทนคนเก่าที่จากไป

หากได้แก่การกำจัด "ศัตรู" ของเธอ

โดยไม่มีใครเป็นฝ่ายสูญเสียแต่อย่างใด

ทุกคนเป็นผู้ชนะ ทั้งตัวเธอเอง  และชายหนุ่มผู้หลงผิด

 

ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในเหตุการณ์ครั้งนี้มิได้เกิดจากการแก้แค้น

แต่เกิดจากการให้อภัย

การให้อภัยนั้นมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากกำจัดคนชั่วร้ายให้หมดไป

โดยปราศจากการสูญเสียเลือดเนื้อแล้ว

ยังสามารถฉุดรั้งชีวิตให้พ้นจากความตกต่ำ

เข้าสู่หนทางที่ดีงาม มิใช่แค่ชีวิตของฆาตกรผู้หลงผิดเท่านั้น

หากรวมถึงชีวิตของหญิงผู้เป็นแม่ด้วย

 

ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรหากจิตใจถูกเผาลนด้วยความโกรธ

หรือหมกมุ่นอยู่กับความเคียดแค้นพยาบาท

วันแล้ววันเล่า ทั้งนี้โดยหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่า

ความวิบัติของฆาตกรเท่านั้นที่จะทำให้เธอถูก "ปลดปล่อย"

จากความทุกข์ทั้งมวล แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง

คนที่จะย่ำแย่เป็นคนแรกก็คือตัวเธอนั่นเอง

 

ไม่มีอะไรที่จะปลดปล่อยเราจากความทุกข์

เพราะถูกทำร้ายได้ดีไปกว่าการให้อภัย

 

การให้อภัยจะช่วยให้เราเป็นอิสระจากกรงขังที่เราสร้างขึ้นไว้เอง

อันได้แก่กรงขังแห่งความเคียดแค้นพยาบาท

 

ต่อเมื่อสลัดความเคียดแค้นออกไป อิสรภาพจึงจะบังเกิดขึ้น

 

ถึงที่สุดแล้วชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้

มิได้อยู่ที่การชนะใจฆาตกรผู้หลงผิด

หากได้แก่การที่ผู้เป็นแม่สามารถเอาชนะความเคียดแค้นพยาบาทในใจเธอ

แล้วให้เมตตากรุณามาแทนที่

ชัยชนะเช่นนี้ต้องอาศัยความกล้า

ความเข้มแข็งและความมั่นคงในจิตใจอย่างมาก

 

แน่ละ การให้อภัยคนที่ทำร้ายดวงใจพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่าย ๆ

แต่ก็เป็นสิ่งที่บ่มเพาะได้ หากสนใจ

ไยไม่เริ่มจากการให้อภัยคนที่ชอบนินทาเรา พูดจาไม่ถูกหู

หรือไม่ซื่อต่อเรา

ใช้ความรักความจริงใจเข้าหาเขา

แล้วดูซิว่าจะได้ผลดีกว่าการแก้แค้นตอบโต้เขาไหม

ธรรมะสวัสดีขอรับ..

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมฐิต
หมายเลขบันทึก: 299587เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2009 19:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • กราบนมัสการค่ะ
  • อ่านบันทึกท่านธรรมฐิตแล้ว สมแล้วที่เรียกว่าชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เพราะทำได้ยากจริงๆ
  • ข่าวสารที่ต้องบริโภคในแต่ละวันก็ล้วนชวนให้จิตใจหดหู่ไม่แจ่มใจ ข่าวคนทำความดี มีน้อยมากๆ ขอบพระคุณท่านธรรรมฐิตที่นำเรื่องชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้อ่าน อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า ในมุมเล็กๆ ยังมีคนที่ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่
  • จะพยายามฝึกให้อภัยค่ะ เผื่อว่าสักวันจะได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่บ้าง

นมัสการค่ะ...หลวงพี่

หากรู้จัก "การให้อภัย"...ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ย่อมเกิดขึ้นเสมอ...แต่ที่ไม่ยอมให้อภัย เพราะเรายังยึดติด ผูกจิตพยาบาท

ยอมรับว่ายังตัดกิเลส...รัก โลภ โกรธ หลง ไม่หมด...แต่ก็จะพยายามให้เจือจางที่สุด...ในทุกขณะจิตเจ้าค่ะ

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

ความสำเร็จอยู่ที่ไหนความพยายามอยู่ที่นั่นขอรับ..blue  star

ขออนุโมทนาท่าน..สส..(สามสัก)

สาธุอาจารย์  vij..

ธรรมฐิตก็ยังมีอีกเยอะ  โลภ  โกรธ  หลง  นะ

แต่หากเรารู้จักวิธีบริหารจัดการกับมัน  ใจเราก็ใสขึ้น

แม้ตัดไม่ขาดก็ให้รู้จักไว้ให้เป็นที่เป็นทางขอรับ..

นมัสการค่ะท่านธรรมฐิต

ก็ยังเชื่อและยืนยันเช่นกันว่าชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเอาชนะใจตนเอง

เรื่องเล่าของท่านช่างน่าชื่นชม จิตใจของคนป็นแม่ยิ่งนัก ดูตามเหตุการณ์แล้วช่างมหัศจรรย์จริงๆว่าเธอช่าง เอาชนะความโกรธ ความเกลียด ความอาฆาตพยาบาทได้อย่างงดงามนัก ขอบพระคุณเหลือเกินสำหรับเรื่องราวนี้

Pถ้ามนุษย์เราข้ามพ้นความอาฆาดมาดร้ายกันได้ใจก็จะใสสะอาดขึ้นเยอะขอรับ

หรือไม่ถึงขนาดนั้นก็เพียงแค่รู้แล้วทำความรู้จักกับมันเพื่อหาจุดอ่อนของมัน

แล้วใจเราก็จะสุขยิ่งนักว่าไหมพี่นก..

ถ้าทำได้  จะพบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

     นั่นนะซิครับ  ผมถึงได้ชัยชนะในเรื่องเล็กๆ  เพราะยังไปไม้ถึงการ "ให้อภัย"

                จะพยายามครับ

Pขอให้ประสบผลสำเร็จไวๆนะขอรับท่านรอง..

นมัสการค่ะท่านธรรมฐิต

  • อานุภาพของการให้อภัยช่างยิ่งใหญ่นัก
  • แต่น้อยคนนักที่ให้อภัยได้อย่างนั้น
  • ไยไม่เริ่มจากการให้อภัยคนที่ชอบนินทาเรา พูดจาไม่ถูกหูหรือไม่ซื่อต่อเรา ...ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะว่าใจเราไม่เข็มแข็งพอ...ที่จะเอาชนะใจตัวเองที่จะไม่ถือโทษ เรื่องเดิมๆ..ที่เกิดแล้วเกิดอีก แต่ก็ไม่ได้ละความพยายามค่ะ
  • ขอบคุณเรื่องเราดีๆที่นำมาเป็นเรื่องเตือนใจในการให้อภัยค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท