เรื่องเล่า...สานจิตรเสวนา : มหกรรมความรู้การพัฒนาจิต


สุขภาวะทางจิตวิญญาณหรือการพัฒนาจิตเป็นสิ่งที่นุ่มและปราณีตมาก มันลึกซึ้งและเป็นความสุขที่ราคาถูก เป็นความสุขที่แท้จริง เป็นความสงบ มีอิสระ เห็นความงามทั้งหมด เกิดความรักอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติทั้งหลาย

เมื่อวันที่ 10 และ11 กันยายน 2552 ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสานจิตรเสวนา: มหกรรมความรู้การพัฒนาจิต ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา จัดโดย มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ (มสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย มี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุน

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีพบปะของเครือข่ายต่างๆที่มีประสบการณ์ขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาจิต สุขภาวะทางปัญญาหรือสุขภาวะทางจิตวิญญาณทั้งในและนอกระบบสุขภาพ

ความรู้การพัฒนาจิตมีให้เรียนรู้ผ่านรูปแบบของการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ่งนับเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อคนทุกคน...ทั้งการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านการพัฒนาจิตปัญญาจากผู้มีประสบการณ์ตรงหลากหลายสาขา นิทรรศการที่เกี่ยวกับการพัฒนาจิตปัญญาของภาคีเครือข่ายที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนการให้บริการสุขภาพให้ครอบคลุมทุกมิติ (กาย จิต สังคม ปัญญา) และการอบรมเชิงปฏิบัติการโดยเครือข่ายที่มีการดำเนินการทางด้านพัฒนาจิตปัญญา...ประทับใจมากๆกับบรรยากาศของงานและทุกเรื่องราวของการเรียนรู้ในครั้งนี้

ส่วนหนึ่งของนิทรรศการการพัฒนาจิตของภาคีเครือข่าย

ตามเวลาร่วมกันสานจิตร รวมญาติมิตรเสวนาในช่วงเช้าของวันที่ 10 กันยายน 2552 นั้น ศ.นพ. ประเวศ วะสี ได้พูดถึง ภาพรวมการเคลื่อนไหว Spiritual Health in Thailand

"นักปราชญ์ฝรั่งบอกว่า Western Civilization ซึ่งเป็นวัตถุนิยม บริโภคนิยมไปต่อไม่ได้แล้วและทำให้เกิดวิกฤต มีทางเดียวที่จะรอดได้ต้องปฏิวัติจิตสำนึก ท่านดาไลลามมะเรียกว่า การปฏิวัติทางจิตวิญญาณ หรือแม้แต่ไอน์สไตน์ก็พูดไว้ว่ามนุษย์จะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่โดยสิ้นเชิงถ้ามนุษยชาติจะอยู่รอดได้

การพัฒนาจิตกับสุขภาพเป็นเรื่องที่กว้างใหญ่ไพศาลและเป็นการปฏิวัติ น่าดีใจที่กระแสปฏิวัติกำลังเกิดขึ้นแน่นอน ทั้งขยายใหญ่และแรงจูงใจสูงมาก แรงจูงใจนั่นคือความสุข เพราะถ้าทำอะไรแล้วสุขก็จะอยากทำสิ่งนั้นอีก ซึ่งสุขภาวะทางจิตวิญาณหรือการพัฒนาจิตเป็นสิ่งที่นุ่มและปราณีตมาก มันลึกซึ้งและเป็นความสุขที่ราคาถูก เป็นความสุขแท้จริง เป็นความสงบ มีอิสระ เห็นความงามทั้งหมด เกิดความรักอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษยและธรรมชาติทั้งหลาย เพราะฉะนั้นนี่ก็คือการปฏิวัติแล้ว"

ต่อด้วย การเสวนา “คลื่นความคิดจิตวิวัฒน์” โดยสมาชิกกลุ่มจิตวิวัฒน์ต่างรุ่น ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง และรุ่นเล็ก ได้แก่ ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ  ศ.สุมน อมรวิวัฒน์  ศ.ดร.จุมพล พูลภัทรชีวิน  อ.ณัฐฬส  วังวิญญู  ดร.จารุพรรณ กุลดิลก และ อ.ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย โดยมี นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ รับหน้าที่เป็นผู้นำแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความประทับใจของผู้เข้าร่วมเสวนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอภาพรวมของแขกรับเชิญในเวที “คลื่นความคิดจิตวิวัฒน์” ที่ดำเนินมาถึง 72 ครั้งในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา

นอกจากที่สมาชิกกลุ่มจิตวิวัฒน์จะได้มีโอกาสได้ออกมาเล่าถึงความประทับใจจากการได้รับความรู้จากแขกรับเชิญจากการประชุมจิตวิวัฒน์ที่จัดขึ้นทุกวันจันทร์ต้นเดือนของทุกเดือนแล้ว  นพ.โกมาตร ยังได้ถ่ายทอดความรู้ ที่ได้รับจาก แขกรับเชิญต่างๆ ให้กับวงสนทนาวงใหญ่ได้รับฟังกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวตำนานการเกิดศิลปะการละคร ที่เกิดจากพรานน้อยกับสิงโต ของครูช่าง  ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง  แนวความคิดที่น่าทึ่งของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล หรือการเดินทางสู่ความเป็นมนุษย์ ของ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความรู้ และความประทับใจ 

...รู้สึกได้ถึงมิตรภาพที่คนต่างรุ่นมอบให้กันและกันด้วยความรัก และความงามของการสนทนา...

นช่วงบ่าย กิจกรรมเสวนาแบ่งเป็นห้องย่อย ได้มีโอกาสเรียนรู้ในห้องเสวนาที่4: ภาวะผู้นำและการบริหารองค์กรที่ส่งเสริมการพัฒนาจิตปัญญา ได้เรียนรู้ความมีศิลปิน ทำสิ่งที่ไม่มีค่าให้มีค่า คุณค่าที่ถืออยู่คือ ความจริง ความดี ความงาม มีVision คิดเชื่อมโยง ของผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่พบความสุขที่แท้จริงในการทำงาน... นพ.เดชา แซ่หลี รพ.กะพ้อ พญ.กชพร อินทวงศ์ รพ.แม่อาย และนพ. ภักดี สืบนุการณ์ รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย

สำหรับกิจกรรมในวันที่ 11 กันยายน 2552 จะนำมาแบ่งปันในคราวต่อไปค่ะ

ในท้ายนี้ขอแบ่งปันหนังสือดีๆที่ได้รับมาค่ะ 

       

     

      

ดั่งไม้ผลิใบ

ดั่งใจผลิบาน

สื่อสารอย่างสันติ

และจดหมายข่าว สานจิต

สนใจอ่านเรื่องราวในเล่มใด ติดต่อได้ที่ น้องฝ้าย (ศมพวรรณ  ซ่อนกลิ่น) งานทรัพยากรบุคคล โทร 5011 ค่ะ

หรืออ่านได้ที่ สื่อเผยแพร่ของมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ 

หมายเลขบันทึก: 299209เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2009 14:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

ขอบคุณพี่หมวยค่ะ

ที่นำเรื่องราวๆดีๆมาเล่าให้น้องๆฟัง เสียดายจังที่ไม่ได้ไปด้วย แต่ก็ดีใจที่เราจะมีอะไรทำกันอีกเยอะ

น่าอ่านจัง จะอ่านเล่มไหนก่อนดีน๋า พอดีเป็นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือ อยากอ่าน แนะนำ ด้วยนะค่ะ

ขอบคุณนะคะฐาที่แวะมา

ณ ทุกเวลา ทุกพื้นที่ในขณะนั้น มีแต่การให้...ให้เรื่องราวดี ให้มิตรภาพ ให้รอยยิ้ม แก่กันและกัน...มีสีสันแห่งความสุข สุขทั้งผู้ให้และผู้รับ

รู้สึกเวลาช่วงนั้นช่างสั้นเหลือเกิน

น้องๆในภาพแบ่งปันเรื่องราวดีๆหน่อยค่ะ 

 

ขอบคุณจ๊ะ น้องอ้อ ที่แวะมา

ดีใจมากเลยที่หนังสือดีๆขายดีน่ะ น่าอ่านทุกเล่มเลยล่ะ ที่จะแนะนำนะเหรอ เล่มนี้เลยจ๊ะ "ดั่งไม้ผลิใบ" เป็นเรื่องราวการเรียนรู้ความดีงามจากโลกด้านใน เขียนโดย อรสม สุทธิสาคร แล้วเดี๋ยวพี่จะอ่าน "ดั่งใจผลิบาน" มาเล่าแบ่งปันกันค่ะ

dear all of u, i 'll read that book and hope to share with your team , so sorry that i can joy this time , but i'll joy later. till next time. ( who take this picture? )

ขอบคุณนะค่ะพี่หมวย ที่เป็นตัวแทนน้องๆที่ไปร่วมงาน มาเล่าอะไรดีๆแบ่งปันให้กัน เหน่งขอเล่าเรื่องของห้องย่อยเรื่องการพัฒนาจิตจากการทำงานสุขภาพในชุมชน ห้องนี้มีผู้ร่วมเสวนา 3 ท่านได้แก่แพทย์หญิงทานทิพย์ ธำรงวรางกูร รพ.อุบลรัตน์ คุณวิมลนันท์ ทรัพย์วราชัย รพ.น้ำพองและคุณสัลมา ชูอ่อน รพ.กะพ้อ โดยมีดร.นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ เป็นผู้สะท้อน จะเห็นว่าแต่ละท่านบนเวที ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่วงการสาธารณสุขรู้จักและยอมรับว่าทุกท่านสู้เพื่อชุมชนจริงๆ อย่างคุณหมอทานทิพย์ ซึ่งทำให้รพ.อุบลรัตน์ต้องรับแขกบ่อยมากทีเดียว ซึ่งเหน่งได้มีโอกาสคุยกับคุณหมอโกมาตรกับคุณหมอทานทิพย์บอกว่าเราเคยไปดูงานที่อุบลรัตน์มาเมื่อปีที่แล้ว คุณหมอโกมาตรเลยแซวว่า ถ้าใครไม่ไปดูงานที่อุบลรัตน์ก็เชยน่ะซิ ในห้องสัมนา คุณหมอทานทิพย์บอกพวกเราว่า เราต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ต้องรู้จักเรียนรู้จากคนอื่น เริ่มทำงานจากจุดแข็งของตนเองก่อน พยายามเรียนรู้และสรุปบทเรียนเป็นพักๆ ในส่วนของคุณวิมลนันท์(คุณฮอง) เกิดมาเพื่อเป็นพยาบาลของชุมชนจริงๆ คุณฮองทำงานชุมชนด้วยใจ ยอมลาออกจากการเป็นข้าราชการจากรพ.นครปฐมมาเป็นพยาบาลพันธ์ใหม่ที่รพ.น้ำพอง ในตำแหน่งลูกจ้าง เพราะอยู่นครปฐม ไม่ได้ทำงานชุมชนตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เรียนพยาบาล คุณฮองบอกพวกเราว่า

"เราต้องรู้จักขอบคุณผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยทำให้เรามีงาน แล้วจะทำให้เรารู้สึกดีกับผู้ป่วย"

"เราเป็นผู้ที่มีความรู้ เราต้องเป็นผู้ให้ ต้องเรียนรู้ที่จะรับฟังเค้า ต้องฟังให้เป็นและเรียนรู้คนอื่น อย่าคิดว่าตนเองเหนือกว่าคนอื่น"

ท้ายสุดคุณฮองได้กล่าวว่า "ชีวิตเราที่ผ่านมาคนไข้เยียวยาเรานะ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเยียวยาเรา ไม่ใช่เราเยียวยาคนไข้อย่างเดียว เมื่อเราให้สิ่งที่ดีไป เค้ากลับมาเยียวยาเรา มันเกิดพลังสะท้อน"

ในส่วนของคุณสัลมา(คุณเอ็มม่า) จากรพ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เป็นพยาบาลที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ในตัวเมืองแต่อาสาไปอยู่ที่กะพ้อ ในพื้นที่เสี่ยงและห่างไกล เมื่อได้ลงไปทำงานชุมชนทำให้เห็นชีวิตคนไข้ทั้งชีวิตไม่ได้เห็นแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิตเหมือนตอนที่คนไข้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล

จากที่ทั้ง 3 ท่านเล่าให้ฟังนั้น จะเห็นว่าทุกท่านทำงานด้วยการเริ่มจากใจที่รักในงานที่ทำ ทำแล้วมีความสุข ไม่ได้ทำเพื่อให้เวลาผ่านไปวันๆเท่านั้นเอง

ในวันที่สองของการประชุม ห้องย่อยที่ลงชื่อไว้เต็ม เรา 3 คน พี่เหน่ง น้องกุ้งและน้องแป๋ม ไปที่บูธของมูลนิธิ บราห์มา กุมารี ราชาโยคะ ครั้งแรกที่เดินผ่านก็สงสัยว่าเป็นบูธเกี่ยวกับอะไร เราก็สอบถามคุณพี่ที่อยู่ที่บูธ ซึ่งน่ารักมากดูแววตาแล้วรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน ซึ่งเล่าให้ฟังว่าเป็นมหาวิทยาลัยทางจิตของโลก มีศูนย์อยู่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย นำเสนอความรู้ความเข้าใจด้านจิตวิญญาณ การฝึกสมาธิแบบราชาโยคะ ช่วยให้บุคคลเรียนรู้ที่จะเข้าใจตนเองซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตทางจิตวิญญาณ แล้วเราก็ได้ทำแบบทดสอบคุณธรรมนำชีวิต จากผลที่ทำทำให้พวกเรานำคุณธรรมที่ได้มาพิจารณากับตัวตนของแต่ละคน ทุกคนก็บอกว่า"เออ ใช่จริงๆ" ถ้าใครมีโอกาสนั่งรถคุณดอน ลองถามคุณดอนนะค่ะว่าคุณดอนได้คุณธรรมข้อใด.....

สวัสดีค่ะ อาจารย์พิริยา (รองคณบดีฝ่ายบริการและผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร)

ขอขอบคุณอาจารย์อย่างมากๆค่ะที่ทำให้ได้มีโอกาสพบเรื่องราวดีดี ซึ่งมีความลงตัวกับ social care อย่างงดงามเลยค่ะ น้องๆที่ไปด้วยคงบอก งานเข้าแล้วล่ะค่ะ 

อาจารย์ถามหาคนถ่ายภาพเป็นเพราะนับเท่าไรก็ไม่ครบเก้าคนแน่เชียว หากประทับใจภาพที่ออกก็คงไม่ใช่...ต้องเรียนอาจารย์ว่าภาพนี้รวมทั้งภาพในblogทั้งหมดเป็นฝีมือของน้องฝ้ายค่ะ คุยกันเล่นๆในงานว่าจะหากล้องใหม่ให้น้องเค้าค่ะ เพราะทำหน้าที่ตากล้องจำเป็นในงานใหญ่ๆของคณะหลายครั้งด้วยข้อจำกัดของกล้องคู่กายค่ะ ภาพเลยสวยงามได้เท่านี้ค่ะ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เหน่ง มาแบ่งปันเรื่องราวดีดี เห็นสีสันแห่งความสุขจากการทำงานสุขภาพในชุมชน...เรื่องเล่าความสุขจากการทำงานสุขภาพในชุมชนของเหน่งเองก็มีมากมาย เล่าแบ่งปันกันบ้างนะคะ 

ในช่วงบ่ายของวันที่สอง พี่ได้มีโอกาสเข้า workshop ในห้องของมูลนิธิบราห์มา กุมารี ราชาโยคะซึ่งเป็นสาขาของมหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ห้องย่อยนี้ใช้ชื่อ ศิลปะของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยกระบวนกร ทันตแพทย์หญิงอารยา พรายแย้มและคุณศุภลักษณ์ ทัดศรี(ครูป้อม)

ประทับใจกระบวนกรทั้งสองท่านมากๆ แม้จะอยู่ในชุดเสื้อและกางเกงสีขาว แต่ทั้งสองท่านสามารถทำให้มีสีสันของความสุข มีรอยยิ้มของผู้เข้าร่วมในทุกๆกิจกรรมได้

กิจกรรมแรกได้วาดภาพใบหน้าของเราในนาทีที่มีความสุข พร้อมกับเสียงเพลงบรรเลงเย็นๆที่ไพเราะ... เรื่องเล่าความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สุขจากที่เป็นโสด ครอบครัวอบอุ่น สุขที่ประสบความสำเร็จ สุขกับธรรมชาติ ...ความสุขที่ครูป้อมเอ่ยถึงคือความสุขทางด้านจิตวิญญาณ

"เราจะร่ายรำความสุขได้อย่างสมำเสมอ คือการเข้าใจจิตใจเราดีอยู่เสมอ...เราไม่ได้เห็นโลกใบนี้อย่างที่มันเป็น แต่เราเห็นโลกใบนี้อย่างที่เราเป็น...ความคิดเป็นพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ เราได้มีความคิดไหนใหมที่ทำให้เรามีความสุข...ถ้าจะเรียนรู้จิตใจของเรา เราต้องรู้วิธีที่จะดูแล การดูแลจิตใจเป็นเรื่องของการให้ความรัก...กลไกแรกที่ปกป้องจิต คือการฝึกให้จิตอยู่ในความสงบ เราจะรู้เท่าทัน มีความเข้าใจถ่องแท้ เข้าใจอย่างถูกต้อง ถ้าเราเข้าใจอย่างแท้จริง ความมืดไม่มีในโลก ความมืดเป็นเพีบงมายาภาพ เราเห็นความมืดเพราะแสงสว่างหรีหรือดับลง...แสงสว่างความรักจะทำให้จิตใจมีความสุข"

ต่อมาเป็นกิจกรรมทดลองจินตนาการเพื่อเห็นพลังอำนาจของจิตใจ โดยครูป้อมให้หลับตาแล้วจินตนาการว่าเราอยู่ในห้อง เย็นสบาย...เราใช้ความคิดเราสร้างภาพ

"จิตสำนึกเก็บขุมพลังไว้ เราคิดไม่เหมือนกันเพราะประสบการณ์... อะไรก็ตามที่บันทึกไปในจิตใต้สำนึกแล้วไม่มีวันลบ จิตใต้สำนึกบันทึกพฤติกรรมอะไรลงไป ก็จะเป็นนิสัย ควรบันทึกสิ่งที่เป็นเรื่องดีๆ ความดีไหนที่เราเคยได้ทำ จิตใจทำหน้าที่เหมือนแว่นขยาย ควรเอาจิตใจเราไปจ่อสิ่งดีๆเล็กๆของเขา..."

ครูป้อมบอกว่ากฎข้อเดียวที่อยากให้ จะให้และรับแต่ความสุข ไม่ให้และไม่รับความทุกข์จากใคร ทำดีไม่ต้องอยากได้อะไรกับใคร กฎมันรองรับอยู่แล้ว ทำดี สิ่งดีฏจะกลับมา กลับโดยอัตโนมัติ

แล้วต่อมาครูป้อมก็เล่าเรื่องนกอินทรีย์ทอง ที่สะท้อนว่า หากเราไม่ได้ตระหนักรู้ว่าเราเป็นใครจริง ศักยภาพก็จะไม่ได้ฉายโชน เราค้นหาศักยภาพที่แท้จริงได้หากเราเริ่มต้นด้วยความคิดที่เป็นพลังบวก

กิจกรรมในสุดท้าย "ความสุขมีไว้เพื่อแบ่งปัน" กระบวนกรได้ให้บัตรพร 5 ใบกับทุกคนเลข 5 ถือเป็นเลขของความรัก บนบัตรพรมีภาพสวยงามหลากกลายไม่ซำกัน ให้เราให้กับตัวเอง 1 ใบ ให้กับคนข้างๆและผู้อื่น บัตรพรที่ได้รับมามีใจความว่า"ท่านคือผู้ที่ตระหนักรู้ว่าความสงบ ไม่ได้เป็นเพียงสภาวะของจิตใจ แต่เป็นวิถีชีวิต"

อยากมีโอกาสไปบ้างจัง

มีหนังสือดีๆก็เอามาแบ่งกันอ่านบ้างนะคะ

ว่างๆต้องไปหาซื้อมาอ่านบ้างซะแล้ว

สวัสดีจ๊ะ ส้มโอ

ขอบคุณนะคะที่สนใจเรื่องเล่านี้

เรื่องราวดีๆอย่างนี้มีอยู่เสมอ โอกาสหน้าจะชวนไปด้วยค่ะ

หนังสือมีไว้แบ่งปันกันอ่านค่ะ...อ่านเรื่อง สุขด้วยปัญญา ก่อนเลยไหมคะ เตรียมไว้ให้แล้วค่ะ

"ความสุขมีไว้เพื่อแบ่งปัน"

พี่หมวยได้นำบัตรพรมาแบ่งปันให้ฐา

บัตรพรที่ฐาได้รับมามีใจความว่า

 ท่านคือผู้ที่มีหัวใจกว้างใหญ่

ในการให้อภัยได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

จึงให้โอกาสแก่ทุกคนที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลง

โอ้โห.. ฝ้ายเพิ่งเห็น BloG ของพี่หมวยนะเนี่ย

พอดีฝ้าย search หา ปกหนังสือ จาก google จะเอามาทำ Poster หนังสือห้องไพจิตรนั่นแหละค่ะ

แล้วก้เจอรูปคุ้นๆ ..เอ๊ะ เหมือนที่เราเคยไปเลย อิอิ

แล้วก้เปิดมาเจอรูปต่างๆ ที่เหมือนจะเคยถ่ายไว้ มุมเดียวกันเด๊ะๆ

กว่าจะเจอ เวลาก้ผ่านมานานนนนนนน..น จนจะลืมไปแล้ว

ขอบคุณนะคะที่ reference ถึงมู๋ฝ้าย

ก้ต้องขอบคุณพี่ฐาด้วย ที่ให้โอกาสฝ้ายได้ไปเก็บประสบการณ์เล็กน้อย ที่ยิ่งใหญ่ ^^

ดีจังคะ เคยร่วมวงกับ อ. ป้อม และ ทพ. ทานทิพย์ ธำรงวรางกูร ด้วย ทั้งสอง ช่างมีคำพูด ไพเราะ อะไร ปานนั้น และ เพิ่งรู้จัก  มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ถ้ามีข่าวกิจกรรม อย่างนี้ อีก ฝาก ส่งข่าวบ้างนะคะ

ตุ้ย จิตเวช โคราชคะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท