ทางออกของคนบ้างาน (Workaholic)


Workaholic (คนทำงาน)

ทางออกของคนบ้างาน (Workaholic)

        ก่อนอื่นดิฉันเองขอเล่าประวัติตัวเองให้ผู้อ่านได้ทราบคร่าวๆ ก่อนนะคะว่า  ดิฉันเป็นครู สอนอยู่โรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ที่อำเภอขุขันธ์  จังหวัดศรีสะเกษ  ค่ะ  ได้มาบรรจุอยู่ที่นี่ก็เป็นเวลา 3  ปี  กับอีก  10  เดือน  ประสบการณ์การทำงานอาจจะมีไม่มาก  แต่เมื่อได้ทำงานแล้วก็ทุ่มเทสุดๆ  เหมือนกันนะคะ           ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วดิฉันเองทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในรั้วของโรงเรียน เพราะบ้านพักครูอยู่ใกล้ ๆ  กันค่ะเดินไปมาสะดวกมาก   บางครั้งก็ทำงานจนลืมดูเวลาไป  กลับมาบ้านพักอีกครั้งก็มืดค่ำซะแล้ว      ซึ่งบางครั้งในการทำงานดิฉันเองก็ไม่ยอมสละเวลาแม้กระทั่งจะออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของตัวเอง  ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนะคะ และเมื่อไม่นานมานี้ดิฉันได้มีโอกาสอ่านบทความจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง  ที่  พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.ศูนย์สุขภาพจิตที่ 13  กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข   ได้เขียนอธิบายถึงสาเหตุและแนะนำเทคนิคในการแก้ปัญหา ทางออกของคนบ้างาน  (Workaholic) ด้วยสภาพการทำงานของคนในปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตอย่างมาก อยู่ในยุคของการแข่งขัน มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้คนเรานั้นสามารถทำงานได้ตลอดเวลา  ทำให้คนทำงานได้ทุกสถานที่  ต้องทุ่มเทเวลาให้กับงานมากขึ้นและหนักขึ้น จนบางครั้งทำให้ไม่มีเวลาสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองและครอบครัว ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกตรงกับความรู้สึกของตัวเอง และพฤติกรรมของดิฉันเองกำลังเป็นคนบ้างาน ซึ่งถ้าเพื่อนๆคนไหน เป็นแบบนี้ลองวิเคราะห์ตัวเองดูนะคะว่ากำลังเข้าข่ายของอาการคนบ้างานรึเปล่าค่ะ มาดูเลยค่ะ 


        Q: ในทางจิตวิทยา Workaholic เกิดจากสาเหตุใด

        A: มาจากพฤติกรรมของคนที่ชอบทำงานเยอะๆ มีความสุขกับการทำงานเยอะๆ และสะท้อนออกมาในรูปแบบของการเสพติดการทำงาน จิตใจ และความคิดวนเวียนอยู่กับการทำงานตลอดเวลา และเมื่อไหร่ก็ตามที่ว่างเว้นจากงานก็รู้สึกว่าอยากทำอะไร ยิ่งทำก็จะยิ่งวุ่นอยู่กับเนื้องานมากขึ้นเรื่อยๆ 


        สาเหตุของ Workaholic ส่วนหนึ่งคงมาจากคนคนนั้นๆ เห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองทำมากกว่าสิ่งอื่นใด บางคนอาจมองว่าความสำเร็จในงานเป็นสิ่งที่สะท้อนคุณค่าในตัวเอง เราจะเป็นคนที่มีคุณค่า มีความหมายก็ต่อเมื่อทำงานได้ดี มีความก้าวหน้า บางคนก็อาจทำงานแล้วก็ได้สังคม เพื่อนฝูง ทำแล้วมีความสุข รู้สึกมีความอบอุ่นในใจ ไม่ใช่ความเก่ง แต่เป็นสัมพันธภาพที่ได้จากการทำงาน เราก็ทุ่มเทจริงจังกับงานตรงนี้ แล้วก็ลืมประเด็นอื่นๆ ในชีวิตไป

        Q: นอกจากภาวะจิตใจแล้ว คนเป็น Workaholic เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีกหรือไม่

        A: แม้สาเหตุใหญ่ๆ ของ Workaholic จะเป็นเรื่องของอารมณ์และภาวะจิตใจ แต่ผู้เป็น Workaholicบางคนก็อาจเกิดจากแง่มุมอื่นๆ ในชีวิตได้ เช่น บางคนก็บ้างานเพื่อหนีจากความทุกข์บางอย่างในใจของตัวเอง ความผิดหวังกับบางเรื่องในชีวิตที่ผ่านมา เกิดความล้มเหลวในชีวิตครอบครอบครัว เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นคนรักงาน ทุ่มเทให้กับงาน โดยไม่ทำให้ชีวิตส่วนตัวเสียหาย ไม่ทำให้สุขภาพของตัวเองมีปัญหาไม่ทำให้สัมพันธภาพในเชิงเพื่อนฝูง หรือญาติมิตรกระทบกระเทือน แบ่งเวลาได้ ก็ทำต่อไป


        แต่ถ้าทุ่มเทกับงาน ใช้เวลากับงาน มีความคิดวนเวียน ปล่อยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวห่างเหิน เริ่มไม่รู้ความเป็นไปของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของ Workaholic ในจุดที่ค่อนข้างแย่แล้ว ก็ต้องเริ่มพิจารณาและใส่ใจตัวเองได้แล้ว


         Q: คนบ้างานมากๆ จนไม่มีเวลาพักผ่อน กินนอนไม่เป็นเวลา จะแก้ไขตัวเองอย่างไร          

         A: เราต้องตระหนักรู้ถึงสภาพตัวเองก่อน ตอนนี้ฉันทำงานหนักมาก ไม่ได้กิน ไม่ได้นอนแล้ว สุขภาพเริ่มแย่แล้ว เราก็ค่อยๆ ใช้วิจารญาณในการแก้ปัญหาก่อน ว่าตอนนี้เราทำอะไรที่เกินเลยขนาดไหน ก็ต้องค่อยๆ จัดสรรเวลาแล้วก็รู้จักการควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็น ควบคุมความอยากที่จะทำงาน อยากที่จะไหลไปเรื่อยๆ ตามกระแสงานที่เรียกร้อง เราก็ต้องยับยั้งชั่งใจให้เป็นว่าช่วงนี้ทำงานมากไปแล้วนะ ช่วงนี้ต้องพักผ่อน เพราะตามปกติแล้วคนทั่วไปควรมีเวลาพักผ่อนวันละประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน จะว่าไปแล้วถ้าใช้คำง่ายๆ ที่เราคุ้นเคยก็คือ การตระหนักรู้ถึงตนเองและการมีสติ วิเคราะห์ปัญหาให้เป็น ก็จะทำให้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้                              


         Q: เวลาทำงานมากๆ กลับบ้านแล้วเห็นอะไรก็รู้สึกหงุดหงิดไปหมด จะแก้ปัญหาอย่างไร  

         A: ต้องรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น รู้ว่าที่มาปัญหาและอารมณ์เกิดจากอะไร เพราะบ่อยครั้งคนบ้างานมากๆ แล้วไม่ค่อยรู้สึกปล่อยวาง ไม่เคยได้ทำความเข้าใจ แล้วกลายเป็นว่าเอาเรื่องที่หนึ่ง ไปหงุดหงิดใส่เรื่องที่สอง ที่สาม จนกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องไม่รู้จบ บางครั้งอะไรที่ไม่เป็นปัญหาก็กลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ ฉะนั้นการดูแลตัวเองก็ต้องคู่ขนานไปกับดูแลการทำงานทุกๆ ครั้งด้วย            


         Q: บ้างานจนสุขภาพย่ำแย่ แต่ก็รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ และหยุดทำงานไม่ได้

         A: ระวังเป็นความเข้าใจผิดของตัวเอง ที่หลอกว่างานมีความสำคัญขนาดนั้น บางครั้งเราต้องเข้าใจว่าเรื่องต่างๆ ในโลกนี้ดำเนินต่อไปได้เสมอ ไม่ว่าจะมีเราหรือไม่มีเราก็ตาม มันจะคลี่คลายไปได้เอง แต่เราเข้าใจว่าถ้าไม่มีเรา งานต้องไม่เสร็จแน่ๆ ถ้าเราไม่ทำเพื่อนร่วมงานแย่แน่ๆ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งที่หลอกตัวเอง คิดว่าตัวเองมีคุณค่าที่สุด ถ้ามีสติคิดให้ดีๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ หมอเตือนสติคนไข้ทุกคนว่าอย่าต้องตายเพราะงานที่เราทำ เราทำงานเพื่อชีวิต ไม่ใช่เอาชีวิตไปทุ่มให้กับงานทั้งหมด แล้วเอางานมาทำร้ายตัวเอง งานจะเป็นงานที่ดีได้อย่างไร                    


         Q: บ้างานแล้วเครียดมากๆ ต้องเอางานไปนอนคิด ไปนั่งทำต่อที่บ้านจนเป็นนิสัย จะแก้ปัญหาอย่างไร  

         A: หมั่นตรวจสอบอารมณ์ของตัวเองว่าความเครียดที่กระโดดมาเกาะเรานั้น บางทีมันอาจจะมีเงื่อนปมบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่เราละเลยไป บางครั้งเราต้องเบี่ยงเบนตัวเองให้ห่างจากเนื้องานบ้าง นี่คือหลักการของการพักร้อนหรือพักเบรกระหว่างทำงาน เพื่อช่วยให้ความเครียดถูกชะลอลงไป ให้เรามีความพร้อมเผชิญกับสิ่งใหม่ได้


        นอกจากจะรู้จักเบี่ยงเบนตัวเองให้ห่างจากเรื่องงานให้เป็นแล้ว ระบบของงานที่ดีก็ช่วยให้ความเครียดคลี่คลายลงได้ เช่น การทำงาน การให้คำปรึกษา ฯลฯ แต่ระบบทั้งหมดทั้งปวงก็คงไม่สำคัญเท่าการที่เรามีความพร้อมในการดูแลตัวเอง บริการจัดการเวลาให้เป็น               


         Q: ทำงานหนักมากๆ แบ่งเวลาให้ตัวเองไม่ได้ และยังมีปัญหาในครอบครัวด้วย จะทำอย่างไรดี 

         A: บางครั้งเราบ้างาน ทุ่มเทกับงานโดยที่ไม่ยั้งคิด ถ้าเราสังเกตสักนิดนึงเราจะรู้เลยว่าทำงานไปเพื่อความเครียด ทำงานแบบนี้เราหลงทางแล้วล่ะ ถ้าเราทำงานมากขนาดนั้น เราคงต้องจัดการเวลาใหม่ รายได้ที่หายไปส่วนหนึ่ง ก็อาจจะทำได้ด้วยการลดวัตถุบางอย่างในชีวิตลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรากำหนดขึ้นมา ที่เราอยากได้ ก็เป็นสิ่งที่เราตั้งขึ้นมาเพื่อกดดันตัวเอง โดยที่ไม่ได้มองความจริงว่าความสมดุลในชีวิตกำลังจะสูญเสียไป


        ถ้าเราให้ความสำคัญกับเปลือกนอกของชีวิต เราก็ต้องเบียดเบียนเวลาความสุขของตัวเอง เรื่องง่ายๆ ที่มองเห็น เช่น การยกครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้าน ต้องใช้จ่ายเงินเยอะๆ แล้วก็ต้องรีบไปทำงานเพื่อหาเงินอีก แทนที่เราจะไปตลาด ไปซื้อกลับข้าวมาทำกินเองที่บ้าน ก็ประหยัดขึ้น ทำงานน้อยลง แต่มีความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น  


         Q: บ้างาน ทุ่มเทให้งานมากๆ แต่บางครั้งงานไม่ประสบความสำเร็จ จะทำอย่างไร

         A: คงเป็นไปไม่ได้ที่คนเราทุ่มเทให้กับงาน บ้างานมากๆ แล้วต้องประสบความสำเร็จตลอด มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เส้นทางการทำงาน การเรียนรู้ จะดีมากบ้าง ทำได้ดีน้อยบ้าง หรือบางครั้งก็เกิดความผิดพลาด เราเป็นเด็ก เราหัดเดิน ยังต้องหกล้มเลย แล้วทำงานก็เหมือนกัน เวลาที่เด็กหกล้ม ก็ยังรู้ว่าต้องระวังตรงนั้นระวังตรงนี้ ทุกครั้งของการหกล้ม เด็กก็ได้เรียนรู้ เดินได้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น

        การทำงานก็เหมือนกัน บางครั้งเราผิดพลาด เกิดปัญหา เราก็ต้องมองว่าความล้มเหลวเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคปัญหาที่ทำให้เราแข็งแรงขึ้นในเชิงของการทำงาน ความสำเร็จในชีวิตคนเรามีหลายรูปแบบ เป็นความเจริญก้าวหน้าก็ได้ เป็นความแข็งแกร่งของจิตใจก็ได้

                เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ  สำหรับคนวัยทำงานที่กำลังมีความมุ่งมั่นในการทำงานจนลืมดูแลสุขภาพของตัวเอง  โดยเฉพาะคนโสด ๆ  ยังไม่มีครอบครัวด้วยแล้ว  มักจะทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการทำงาน  อีกไม่นานเราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง ที่ทำงานแทบล้มแล้วสุขภาพไม่ดี ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว   อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะคะ   แต่ละวันควรจะมี เวลาดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเองว่าเรา ทุกข์มากเกินไปรึเปล่า แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้  เกินไปหรือเปล่า   นอกจากการทำงานเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ มีเงินมีทอง  ใช้มีบ้านอยู่   แต่ต้องไม่ลืมการที่จะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง   ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป   ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว   อยากพักให้ได้พัก   เพราะสิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิต คือสุขภาพและชีวิต   เพราะถ้ามีเงินแต่สุขภาพไม่ดี ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร  ไปไหนมาไหนก็คงจะไม่สะดวกเพราะสุขภาพไม่ดีแล้ว   ในการปฏิบัติงานนั้น  คนเราจะต้องจัดสรรเวลาให้งานและชีวิตมีความสมดุลกัน  เพื่อให้งานและชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่นควบคู่กันไป เพราะถ้าเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปก็อาจจะไม่เกิดสมดุลชีวิตในการทำงาน สุดท้ายนี้ฝากถึงคนทำงานนะคะ  อย่าหักโหมจนลืม ดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยนะคะ  .......วันนี้ยังไม่สายนะคะที่จะหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง และใส่ใจในเรื่องสุขภาพตัวของคุณเอง.........แล้วเรามาพบกันใหม่นะคะ...

 

จิตรกรรมฝาผนัง  คลายเครียดได้บ้างรึเปล่าค่ะเนี่ย...หรือว่ายิ่งดูยิ่งเครียดล่ะเนี่ย...

หมายเลขบันทึก: 299079เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2009 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เป็นเรื่องปกติครับ เขาไม่เรียกว่าบ้าหรอกครับเขาเรียกจริงจังครับ สมกับปรัชญาที่ กยิรา เจ กยิราเถนัง ทำอะไรทำจริง

อ่านแล้วน่ะจ๊ะ หรือว่าเรากำลังจะบ้างานกันจริง ๆ บางครั้งก็รู้สึกข่ายบ้างานเหมือนกัน

บ้างานไม่เป็นไร เพราะทำงานเป็นถึงได้บ้างาน บางครั้งความลำบากย่อมต้องมาก่อนความสำเร็จ

แต่ลองมามองเด็กนักเรียนสมัยนี้ซิ .. ทำอะไรไม่เป็น.. จับจอบจับเสียมปลูกต้นไม้..จะตายให้ได้..

พอผ่านไป 1 ปี ให้มาขุดดินถมที่..กลับมองเห็นคุณค่าของต้นไม้ที่ปลูก..เพียงต้นเล็ก ๆ เท่าข้อมือ

พากันไปลบในร่มเป็น 10 คน ....

ทำไม่ที่ทำงานไม่เป้น...!!!! น่าจะเป้นเพราะว่า พ่อแม่ ลำบากมาก่อน..เลยคิดผิด ๆ ว่า มีลูกจะไม่ให้

ลูกลำบาก จนสุดท้ายทำอะไรไม่เป็น

!!! แต่ที่สำคัญของคนบ้านงานคือ อย่าไปคิดว่าเราทำงานแล้วจะต้องมีคนเห็น คนยกย่อง หรือเลื่อนขั้น

เงินเดือน.... เพราะแท้จริงแล้วเขาอาจจะหมันไส้เอาด้วยซ้ำ...เพราะความอิจฉาในความสามารถที่หลากหลาย

ของเรานั้นเอง หุหุ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..........

อ่านแล้วนะจ๊ะ บางครั้งการทำงานที่เกินขอบเขตก็ทำให้เราไม่สบายได้ การทำงานที่จะได้คุณภาพดีต้องทำเป็นประจำและไม่หมักหมมงานไว้จนเป็นดินพอกหางหมู งานที่ทำก็จะไม่มากจนเกินไป เพราะฉะนั้นทำอะไรที่พอดีดีที่สุด

ครูพง นอกเรื่องแล้ว โรคบ้างานเกี่ยวอะไรกับเด็กขี้เกียจ

ผิดตั้งแต่บอกว่าทำงานเป็นถึงได้บ้างานแล้ว

** ต้องทำงานให้เป็น จึงจะไม่เป็นโรคบ้างาน **

ประเด็นคือ โรคบ้างาน เป็นแล้วมีผลเสียต่อสุขภาพกายและใจทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง

เราจึงควรมีสติไตร่ตรองตัวเอง และวางแผนการทำงานให้เหมาะสมอยู่เสมอ ไม่ให้ชีวตด้านอื่นเสียสมดุล

พิมพ์ไปเรื่อยเรื่อง เงินเดือน ลาภยศ ... หลงประเด็นมาก ทักษะการอ่านจับใจความต้องปรับปรุงนะคะ

เป็นห่วงอนาคตของลูกศิษย์คุณ

สวัสดีคะ อ่านบันทึกนี้แล้วก็คิดถึงตัวเองคะ และคิดว่าเพื่อนครูอีกหลายๆ คนก็คงเป็นอย่างนี้เหมือนกัน ทำงานเพื่อเด็ก เพื่อสังคม น่ายกย่องมากนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท