แนวปฏิบัติในการมีเพื่อนดีๆอยู่ข้างๆอาจใช้แนวทางการมองมุมที่ดีๆของเพื่อนเรา


   หลังจากห่างหายไปนานเพราะมีภารกิจศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นทำให้บริการเวลายุ่งยากสับสนทั้งงานและเรียน จนเกือบไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง และมีเวลาเป็นของตัวเอง  อยากนำข้อคิดดี ๆ ที่ได้ผ่านสายตามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และฝึกตนเองในการปฏิบัติอาจจะไม่ได้ทุกข้อแต่หากมีอยู่บ้างไม่ครบก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยน่ะค่ะ

 แนวปฏิบัติในการมีเพื่อนดีๆอยู่ข้างๆอาจใช้แนวทางการมองมุมที่ดีๆของเพื่อนเราดังนี้

 1. จงรักเพื่อนเสมือนหนึ่งรักตัวเราเอง    ความรู้สึกเช่นนี้เป็นความรู้ธรรมดามากตัวเรายังรักตัวเราเองเลยไม่ต้องการให้ใครว่ากล่าว หรือตำหนิอย่างนั้นอย่างนี้ คนอื่นเขาก็เช่นเดียวกับเรา เขาก็ไม่ต้องการให้ใครมาว่ากล่าวทั้งต่อหน้าและรับหลังเช่นกัน ในข้อนี้คือการปฏิบัติกับคนอื่นเช่นเดียวกับปฏิบัติกับตัวเรา  แต่ในคืนเดือนมืดดาวดวงเล็กๆที่มองดูไร้ค่า อาจส่องสว่างจนแสงเจิดจ้าให้เราได้ประจักษ์สายตา เป็นแสงนำพาให้เราในยามค่ำคืน ดาวดวงเล็กก็มีค่าของเขา มีค่าโดยตัวเขาเอง เพื่อน อาจมีค่าไม่แพ้ ดาวเช่นกัน

  2. จงเป็นคนมองโลกในแง่ดี   หรือการมองหลายสิ่งหลายอย่างในทางบวก ไม่มองแบบเจ้าคิดเจ้าแค้น  มองอะไรสวยๆงามๆ   มองตามธรรมชาติที่มันเป็น   อย่าหัดเป็นคนมองอะไรโดยผ่านวัตถุ   เอาวัตถุมาเป็นเครื่องบดบังความดีความงามและ   ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสต้องมาจากหัวใจที่ดีงาม   รอยยิ้มจึงจะมีเสน่ห์เป็นรอยพิมพ์ใจที่ใครปรารถนาจะเห็น จะคบค้าสมาคม ฉะนั้นดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ความคิดข้างในดีพฤติกรรมที่แสดงภายนอกดีด้วยไม่ต้องใช้แก้วแหวนเงินทองหรอกล่อ   เราก็หารมิตรภาพจากคนอื่นได้ไม่ยากนักเพียงของให้มองอะไรดี ๆ คิดอะไรดีๆ    แล้วเราก็จะมองโลกในแง่ดีเอง

3. จงคิดเสมอว่าตนเองเป็นคนที่มีคุณค่า หลายคนมองตนเองต่ำต้อย มองตัวเองด้อยกว่าคนอื่น มักนึกน้อยใจในโชคชะตา วาสนา    กลายเป็นคนไม่ชอบสังคม เก็บตัว แยกตนเองจากสังคมมีโลกส่วนตัว  ในความเป็นมนุษย์ทุกคนมีคุณค่าในตัวเองหมด ไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจน ขาว   ดำ สวย    ขี้เหล่ หรือแม้กระทั่งทำงานที่ต่างกัน   เจ้านาย   ลูกน้อง    ทุกคนทุกชีวิตมีคุณค่ามีค่าของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน มีศักดิ์ศรีของความเป็นคนเท่ากัน   เพียงแต่ทำงานต่างหน้าที่กัน   สวยของคนหนึ่ง อาจจะไม่สวยของอีกคนหนึ่ง    ดีที่สุดสำหรับคนนี้อาจไม่ดีที่สุดสำหรับอีกคนก็ได้  

4. การรู้จักก้าวไปเผชิญโลกด้วยความมั่นใจ    ปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำหน้าไปมาก    เราควรจะเป็นเปิดประตูใจออกไปสู่โลกภายนอกบ้าง    เพื่อให้วิสัยทัศน์กว้าง   ความรู้ต่างๆ  ควรทำความเข้าใจแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยศึกษา ความคับข้องใจก็จะไม่เกิด ข่าวสารต่างๆที่ได้มาต้องนำมาพินิจพิเคราะห์แล้วเลือกใช้ ให้เหมาะกับตัวเรามุมมองต่างๆในบางเรื่องอาจชัดเจนขึ้น แง่คิดต่างๆ ความคิดใหม่อาจเกิดขึ้นโดยที่ตัวคุณเองอาจไม่รู้ตัว เป็นการฝึกรับข้อมูล   ส่งผ่านข้อมูล รู้จักการเลือกสรร วิเคราะห์เรื่องต่างๆได้แม่นยำขึ้น

 5. จงเป็นผู้ที่มีหน้าต่างใจเต็มกรอบ   หมายถึง การมีจิตใจที่ดีงาม   ใจมีคุณภาพ ใจนิ่ง เรียบ เกิดสมาธิไม่รุ่มร้อน     ฝึกให้ใจทำงานด้วยสติ ฝึกคิด ไตร่ตรองก่อนลงมือทำงาน   ฝึกใจให้รับเรื่องราวต่างๆแล้วส่งผ่านข้อมูลออกไปโดยไม่กลับมาทำร้ายตัวเราเอง ใจที่มีคุณภาพต้องไม่จับไม่ยึดไม่ติด     

  6. จงฝึกเป็นคนมองย้อนกลับ   หลายคนมักทำอะไร คิดอะไร มักคิดไปตรงๆ คิดไปข้างหน้า คิดเข้าข้างตนเอง คิดในแง่มุมของเรา แต่ไม่เคยจะคิดในแง่มุมผู้อื่นบ้าง

สุดท้ายมุมมองดีๆ...........มีให้กัน    เริ่มวันนี้เห็นวันนี้        ใครที่เริ่มมานานแล้วผลที่เกิดขึ้นคงประจักษ์แล้วว่าดีอย่างไร    จงช่วยกันสร้างความรู้สึกที่ดีๆ มีให้ต่อกัน เมื่อนั้น สิ่งดีๆ.........คงปรากฏแก่ใจเราได้เอง

คำสำคัญ (Tags): #ชีวิต
หมายเลขบันทึก: 298814เขียนเมื่อ 18 กันยายน 2009 20:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

   ชอบแนวคิดนี้มากๆ ค่ะ  คงไม่หวังให้ใครมาทำอย่างนี้กับเราก่อน  ต้องเริ่มที่เราทำกับคนอื่น เอาใจเขามาใส่ใจเราใช่ไหมคะ  มีอะไรดีๆ ก็เอามาฝากอีกนะคะ

ดีมากครับ คุณครู

สมแล้วที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ

คนของ.กศน คิดนอกกรอบได้บ่อยๆ ชอบมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท