อ่านบันทึกของนกและฝ้ายแล้ว เลขาฯก็อดขอแจมด้วยไม่ได้ ค่ายปีนี้แม้จะสั้นกว่าทุกปี มีเวลาอยู่ที่โรงเรียนและหมู่บ้านแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น แต่ความประทับใจไม่น้อยกว่าค่ายครั้งไหนๆเลยค่ะ
ประทับใจอย่างแรก คือน้องๆที่โรงเรียนบ้านไทยสามัคคี เป็นเด็กดีน่ารักมาก ตั้งแต่ดูแลบริเวณโรงเรียนและในห้องเรียนได้เรียบร้อย (แบบเด็กๆนะคะ จะให้เนี้ยบก็คงไม่ไหว) กล้าพูดกล้าถามกล้าแสดงออก แต่ก็ไม่ถึงกับซนล้นจนเกินไป พี่ฝ้ายมากระซิบว่าเวรที่ดูแลแปลงผักก็น่ารักมาก ไม่ใช่แค่รดน้ำอย่างเดียว มีการลงนั่งพิจารณาใบผักด้วยว่างอกงามแค่ไหน มีแมลงหรือไม่ มิน่าล่ะ ผักบุ้ง ผักคะน้าที่เก็บมาทำอาหารถึงได้อร่อยนัก
ประทับใจถัดมา คือคุณครูทุกๆท่านค่ะ เวลาครูอยู่กับเด็กดูเป็นกันเองมาก คุณครูหลายท่านอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน หลายท่านก็อยู่บ้านพักครู ทุ่มเททำงานให้โรงเรียนกันจริงๆ สมกับคำขวัญติดไว้หน้าอาคารเรียนที่เขียนว่า รักโรงเรียนเหมือนบ้าน รักงานเหมือนชีวิต รักศิษย์เหมือนลูกหลาน คุณครูฝึกลูกศิษย์จนมีฝีมือทั้งด้านการแสดง การวาดภาพ ได้รางวัลต่างๆมามากมายค่ะ แม้ลูกศิษย์จะจบจากโรงเรียนไปแล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนมาหาครู ครูเองก็คอยช่วยเหลือลูกศิษย์เสมอ ถ้าทุกโรงเรียนมีคุณครูที่ทำเพื่อศิษย์จริงๆอย่างโรงเรียนนี้ล่ะก็ เราคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการประเมิน การปฏิรูปสถานศึกษาอย่างที่เป็นอยู่หรอกนะคะ
ประทับใจอีกอย่างหนึ่ง คือหมู่บ้านไทยสามัคคี ในหมู่บ้านสะอาดน่าอยู่มาก มีหัตถกรรมแบบทำเองใช้เองอยู่หลายอย่าง เช่น การทอผ้าห่ม ทอผ้าไหม ตำ(ทอ)เสื่อ โดยเฉพาะฝีมือตำเสื่อของหมู่บ้านนี้สวยเป็นอันดับต้นๆของที่เลขาฯเคยเห็นมาทั้งหมดทีเดียวค่ะ แน่นอนว่าต้นกกก็ปลูกกันตามที่ว่างในบริเวณบ้าน เสียดายที่การทอผ้าไหมแบบทำตั้งแต่เลี้ยงตัวไหมเองตอนนี้มีน้อยลงมาก ในหมู่บ้านเหลือป้าที่ทำอยู่เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น คนญี่ปุ่นเห็นแล้วตื่นเต้นกับไหมธรรมชาติสีเหลืองทองของไทย แต่ก็เสียดายว่าเวลาจะทอทำไมต้องเอาไปย้อมสีอื่นอีก สีทองก็สวยสุดยอดอยู่แล้ว
ชาวบ้านที่นี่ก็น่ารักมากค่ะ ยินดีสนับสนุนโรงเรียนเสมอ ต้องการแรงงานเมื่อไหร่บอกได้ คนมาช่วยไม่เคยขาด ทุกคนมีน้ำใจไมตรีให้กันแถมเผื่อแผ่ให้ผู้มาเยือน มีอารมณ์ขันอย่างมากมาย ที่เลขาฯประทับใจมากที่สุด คือช่างที่มาช่วยงานกัน หลังงานก็มีการดื่มแก้เหนื่อยเป็นธรรมดา เจอมาทุกค่ายค่ะ แต่ที่นี่จะพิเศษตรงที่ทุกคนจะดื่มแบบรู้ตัวพอให้พูดคุยกันสนุกสนานมากขึ้น มีการนั่งคุยรอเวรรักษาความปลอดภัยมาช่วยดูแลชาวค่ายอีกต่างหาก สังเกตคนมีตำแหน่งในหมู่บ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย และอื่นๆ) จะยังหนุ่มอยู่ในวัย 30-40 ทั้งนั้น ซึ่งนี่ก็แปลกกว่าที่อื่นๆอีก ได้ยินมาว่าการที่ฝ่ายปกครองในหมู่บ้านเป็นคนหนุ่มทำให้พูดคุยแซวกันได้ ดีกว่าเป็นคนสูงอายุที่ต้องนับถืออย่างเดียว จะพูดอะไรออกความเห็นอะไรก็ต้องเกรงใจ เป็นแนวคิดที่ไม่เลวเลยค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนที่โรงเรียนและหมู่บ้านไทยสามัคคีอีกครั้งนะคะ เลขาฯจะไปเยี่ยมอีกแน่ๆค่ะ
สวัสดีค่ะ
ชื่นชมกับกิจกรรมที่ทางมูลนิธิให้การสนับสนุนค่ะ
แต่อยากทราบผลประกวดนิทาน "ขี่"
ไม่ทราบว่าเมื่อไร จะรู้ผลค่ะ
ลุ้นอยู่ค่ะ
แจ้งให้ทราบบ้างนะคะ
ขอโทษนะคะที่ให้คุณปลายฟ้ารอนาน ผลนิทานออกแล้วค่ะ ที่นี่เลยค่ะ