เคยได้อ่านเรื่องของกีสาโคตมีเถรีในหนังสือเล่มหนึ่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว วันนี้ได้มีโอกาสดี แวะเข้าไปอ่านพระไตรปิฎกออน์ไลน์ที่ http://84000.org ได้บังเอิญไปเจอเรื่องของกีสาโคตมีเถรีที่ http://84000.org/one/2/12.html พอดี เรียกว่าเป็นเหตุบังเอิญที่ไม่ธรรมดา เพราะคิดอยากจะอ่านเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว เคยเข้าไปค้นหาในพระไตรปิฏกครั้งหนึ่ง แต่ก็หาไม่เจอ วันนี้จัดว่าโชคดีจริงๆ
ความประทับใจในกีสาโคตมีเถรีนั้นมีอยู่สองเรื่องด้วยกันคือเรื่องที่นางไม่เข้าใจว่าความตายเป็นอย่างไร และเรื่องการเกิดและดับเป็นเรื่องธรรมดา
นางกีสาโคตมีนั้นเป็นผู้ที่ไม่เคยเห็นความตายมาก่อน เมื่อลูกของตนตายลง เลยเที่ยวตามหาผู้รักษา ตามประสาแม่ผู้รักลูก จนกระทั่งมีผู้สงสารและแนะนำให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ก็แนะนำว่ารักษาได้ แต่ต้องใช้เมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่เคยมีคนตายมาก่อนมาเป็นยารักษาเท่านั้น นางกีสาโคตมีก็เลยเดินตามหาเมล็ดผักกาดดังกล่าว แต่ไปที่บ้านไหนๆ ก็มีเมล็ดผักกาด เรียกได้ว่ามีทุกบ้าน แต่ว่าทุกบ้านที่ไปล้วนแล้วแต่มีคนตายมาก่อนทั้งสิ้น นางกีสาโคตมีก็เลยได้รู้จากพระพุทธองค์ตรงนั้นเองว่า"ความตายเป็นเรื่องปกติ" ไม่ใช่เฉพาะลูกของนางที่ต้องตาย เมื่อเข้าใจก็บรรลุโสดาบัน และได้ขอบวชเป็นภิกษุณีหลังจากนั้น
อีกเรื่องที่ประทับใจมากคือหลังจากที่นางกีสาโคตมีเข้าใจความตายและได้บวชเป็นภิกษุณีแล้ว ขณะที่กำลังจะไปทำความสะอาดอุโบสถ เห็นเปลวเทียนที่สว่างขึ้นและหรี่ลง ก็พลันเข้าใจการเกิดขึ้นและดับไปของสรรพสิ่งว่าเป็นธรรมดา
เคยอ่านเรื่องของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายเรื่องที่บรรลุอรหัตผล เพราะเข้าใจอย่างแท้จริงถึงเรื่องธรรมดาๆ (ที่ไม่ธรรมดาสำหรับบางคน) เหล่านี้ บางองค์เห็นเมฆบดบังดวงจันทร์ก็เข้าใจอนัตตา บางองค์เห็นรวงข้าวโน้มลงสู่ดิน ก็เกิดดวงตาเห็นธรรมเข้าใจวัฏสงสาร เหมือนกีสาโคตมีเถรี ที่เห็นเพียงเปลวเทียนที่สว่างบ้างมืดบ้างก็เข้าใจการเกิดขึ้นและดับไปของสรรพสิ่งทันที
ธรรมนั้นอยู่รอบๆ ตัวเรา ให้เราได้เห็น ได้ศึกษา ขอให้ได้เรียนรู้จากการดู การสังเกต ทำความเข้าใจ แล้วน้อมเข้าสู่ตน ให้รู้เหมือนที่นางกีสาโคตมีได้เรียนรู้จักว่าความตายเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ใครๆ ก็ต้องตาย เราควรมีมรณานุสติเป็นประจำ จะได้ไม่ประมาทและเตือนตัวเองได้ว่าได้ทำสิ่งที่ควรกระทำแล้วหรือยัง และให้มีสติรู้จักน้อมเข้าสู่ตนเหมือนที่กีสาโคตมีเถรีได้บรรลุจากเปลวเทียน ...เกิด ดับ เกิด ดับ... ทุกอย่างเป็นเช่นนี้เสมอ ถ้าหากเราเข้าใจ รู้จักดูสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว และมีสติน้อมเข้าสู่ตนได้ตลอดก็จะเป็นผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมตลอดเช่นกัน
เจริญพร โยมอ.กมลวัลย์
พระไตรปิฎกออนไลน์(84000)อาตมาเข้าดูประจำ แต่ไม่ชอบอ่านทางหน้าจอนานๆ
ชอบอ่านหนังสือเล่มมากกว่า
เจริญพร
เห็นอาจารย์เขียนบันทึก ... ผมจึงเข้ามาเยือน ...
หวังเพียงอาจารย์สบายดี :)
สวัสดีครับ
แวะมาเยี่ยมครับท่านอาจารย์
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีครับ
กราบนมัสการท่านพระปลัด
ดิฉันก็มีไตรปิฏกฉบับย่ออยู่เล่มหนึ่ง แต่ไม่มีโอกาสได้นั่งอ่านหนังสือนานๆ อาศัยอ่านออนไลน์ทีละนิดหน่อย อีกทั้งสืบค้นในออนไลน์ได้ง่ายกว่า (เพราะไม่ค่อยรู้โครงสร้างพระไตรปิฏกมากนัก) และชอบอ่านอรรถกถาซึ่งในฉบับย่อดูแล้วไม่ค่อยมีน่ะค่ะ แต่อาจจะเป็นได้ว่ามีอยู่ในหนังสือแต่หาไม่เจอก็ได้ค่ะ
ต้องอนุโมทนาบุญแก่ผู้จัดพิมพ์ทั้งในหนังสือและในออนไลน์ เพราะทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้และศึกษาตามโอกาสจริงๆ
สวัสดีค่ะอ.วสวัตฯ
ดิฉันสบายดีค่ะ ค่อยข้างจะสบายดีตลอด มีเหนื่อยๆ บ้างแต่ก็ไม่มากนักค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนทักทายเสมอนะคะ ; )
สวัสดีค่ะคุณณัฐวรรธน์
ยินดีต้อนรับและขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมนะคะ
สาธุครับ
เคยได้ฟังบ่อยๆ เรื่องนี้ยิ่งฟังมากขึ้นก็ชัดมากขึ้นในใจเรื่อยๆครับ
อนุโมทนาสาธุกับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องของน้องหมอนะคะ
สาธุ
เทียนคงไม่เหมือนกับชีวิตหรอกครับ เพราะมันจุดใหม่ได้แต่ชีวิต ดับแล้วคงดับไปเลย ถ้าจะให้ดีผมว่าก้านไม้ขีดน่าจะเหมาะกว่า ดับแล้วดับเลย ขำ ขำ นะครับ อย่าซีเรียส ผมไม่ใช่นักปฏิบัติธรรม แต่เป็นนักเดินทาง เดินทางไปตามสายทางแห่งชีวิต บาย ... ขอให้ทุกท่านมีความสุขที่สุด