10 สิงหาคม 2552 19.03 น.
วันนี้มีอาการปวดหัวมากจนอาเจียนต้องวัดความดันก็นึกไว้อยู่แล้วความดันคงขึ้น
เป้นอาการปกติของครูซ่อมคนไปแล้ว...
บันทึกนี้ไม่อยากบันทึกเลย...แต่อยากเป็นอุทาหรณ์บอกเพื่อนชาว KM ว่า....
ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอนสิ่งที่เราคิดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นเร็วเกินไปมันก็เกิดขึ้นได้อย่างที่
เราไม่ทันตั้งตัวและไม่ได้ทำตามสัญญา....
สืบเนื่องจากเรื่องเล่าข้างเตียง....วันนี้ครูซ่อมคนรู้สึกผิดชั่วชีวิต...อาเจ๊กได้จากโลก
ที่ไม่ยุฒิธรรมนี้ไปแล้ว...ครูซ่อมคนทราบจากเจ้าหน้าที่ศูนย์สงเคราะห์ที่มาส่งคนไข้ผู้
สูงอายุที่ไร้ที่พึ่งพิงคนหนึ่งตอนบ่าย 3 โมงกว่า....อาเจ๊กออกจากรพ.ในสภาพที่ลุกนั่ง
ลงยืนยันนำหนักได้บ้างถึงต้องพยุง...แต่อาเจ๊กกลับไปไม่กี่วันอาเจ๊กจากโลกนี้ไป
โดยที่ครูซ่อมคนไม่ได้มีโอกาสทำตามสัญญาที่ให้ไว้....เจ๊กคงจะเสียใจที่วาระสุดท้าย
ของชีวิตก็ไม่มีใครเหลียวแลท่าน...คนเราทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน...ยาจกเศรษฐี
ขี้ข้า...เจ้าใหญ่นายโต...วาระสุดท้ายของชีวิต....ต้องการใครสักคนนั่งจับมือเราให้
เรามีแรงบีบมือครั้งสุดท้าย...มันก็จะไม่รู้สึกหวาดกลัวกับความตายที่อยู่ต่อหน้าเรา
ครูว่อมคนได้มีโอกาสบอกพ่อของลูกเสมอว่าถ้าจะจากโลกนี้ไปคุณอญุ่ข้างกายฉัน
ได้มั้ย.......เคยมีคนบอกว่า
....น้ำตาก็คือเพชรแห่งความทรงจำที่เราจะเลือกเก็บไว้หรือทิ้งไป
นั้นหมายถึงไม่ว่าเราจะร้องไห้
ด้วยความปิติหรือด้วยความเสียใจ......
ความทรงจำนั้นที่จะอยู่กับเราไปจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต.....
วันนี้...ตอนนี้ครูซ่อมคนกำลังเสียน้ำตาด้วยความเสียใจ...แต่มันจะเป็นความทรงจำที่
เก็บไว้จนวันตาย...อาเจ๊กหนูขอให้อาเจ๊กอยู่ในภพที่อาเจ๊กไม่ต้องถูกทิ้ง...ไม่มีใครอยาก
โดนทิ้ง...ทุกคนอยากถูกเลือก...แต่เราไม่โชคดี...เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกค่ะอา
เจ๊ก...เลยต้องต้องถูกทิ้ง...เกิดชาติหน้าภพหน้าหนูขอให้อาเจ๊กพรั้งพร้อมลูกหลานญาติ
มิตรบริวารที่ค่อยดูแลเป็ยข้ารับใช้ให้เจ๊ก...ชาตินี้เจ็กคงใช้หนี้กรรมหมดแล้ว...หลับให้
สบายน่ะเจ๊กอีกไม่นานหนูจะได้ไปป้อนข้าวให้เจ๊กแล้วเจ๊กจะได้ไม่เหงานน่ะ...คงอีกไม่
นานน่ะเจ๊กหนูคงใกล้เวลาที่ใช่หนี้กรรมหมดแล้วเหมือนกัน....
เมื่อวานลงเวรนึกอยากกลับไปหาพ่อ...ทำเสียในเวลาที่มีโอกาสได้ทำ...ซึ่งคำสอนนี้
เป็นคำพูดที่ท่านผอ.ก้อยสอนลูกน้องเสมอ....เช้านั่งรถมาทำงานเหนื่อยหน่อยแต่ก็
ได้ทำหน้าที่ลูกก่อนที่ไม่มีโอกาสได้ทำ....
ทั้งหลายทั้งบ่วงนี้คือบทสรุปของบทเรียนข้างเตียงที่ครูซ่อมคนได้ถอดบทเรียนมา....
......หากเราให้ในสิ่งที่เรามีเหลือ
นั่นอาจเรียกว่า " การให้ทาน "
หากเราให้ในสิ่งที่จำเป็นหรือสิ่งที่เราเองต้องการ
นั่นอาจเรียกว่า " การเสียสละ "
แต่รูปแบบการให้ที่มีพลังงานต่อจิตใจเราที่สุดคือ
" การให้ในสิ่งที่เราขาด" ซึ่งการให้นี้
จะมีแรงเหวี่ยงกลับมากระทบ ( MOMENTUMX ) ต่อจิตใจของเรา
อย่างมาก...............
....ทุกบันทึกและทุกความดิดเห็นของบล็อกครูซ่อมคนครูซ่อมคนตั้งใจ
ว่าทุกบล็อกจะถูกเรียบเรียงอยู่ในหนังสือที่ระลึกวันชาปณกิจ...คงสมหวังสักเรื่อง
หล่ะหน่า.....พรุ่งนี้ร่วมประชุมภาวะความเสี่ยงทางการพยาบาล ณ ห้องปิติ
เย็นนั่งรถทัวร์กลับประจวบฯ..เสาร์-อาทิตย์ยังมีคนไข้จำนวนหนึ่งที่รออยู๋
ขอแค่ได้ทำหน้าที่แม่...หน้าที่ของความเป็นมนุษย์ตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ
ที่เรียนมา...ที่พอมีประโยชน์บ้าง...แต่คงมีเวลาจำกัดแล้วเดือนหน้าคงไม่สามารถกลับ
ประจวบได้อีกแล้ว....เพราะต้องขึ้นเวรแล้ว....
ขอบคุณที่เข้ามาทัศนา...เครื่องมือไม่มีค่ะ...มีแต่ใจล้วนๆ...ค่ะร่วอาลัยแด่อาเจ๊กผู้จากไป...วันนี้ได้ไปวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านเพราะเจ้าหน้าที่ศูนย์บอกว่าใส่เตาเผาเผาเลยไม่มีพิธีอะไร...ฝังแล้วเศร้าใจค่ะ