จากบทสรุป “ฝ่าวิกฤตด้วยธุรกิจคุณธรรม” (ตอนที่1) มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นของความสุขในที่ทำงานเน้นย้ำการใช้คุณธรรมนำธุรกิจของแต่ละสถานประกอบการ ซึ่งตอนที่1 ผู้แทน 2 สถานประกอบการได้ให้ข้อมูลไว้ และมาครั้งนี้ ก็มีอีกหลายสถานประกอบการขอเชิญติดตามกันต่อคะ
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการนำธรรมะเข้ามาปรับใช้ในชีวิตการทำงาน นั่นก็คือ บริษัท PC product international เป็นโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ เน้นเรื่องธรรมะเพราะเชื่อว่าคนเราถ้าพร้อมด้วยธรรมะจะเป็นคนที่ดี บริษัทจะเน้นธรรมะโดยเป็นกิจกรรมที่ให้พนักงานได้ยินบ่อย ๆ ปกติทุกเช้าวันจันทร์จะพบกันทั้งองค์กรมาพูดคุยกัน ผู้บริหารจะพยายามพูดคุยเรื่องธรรมะ จิตวิญญาณ ใช้ได้ผลในระดับหนึ่งเพราะเวลาคุยพนักงานจะกล้าถาม อีกวิธีคือ ให้ฟังรายการทีวีที่จะตั้งอัดไว้เกี่ยวกับธรรมะต่าง ๆ แล้วนำทีวีไปไว้ตามจุดต่าง ๆ ในโรงงานและเปิดทุกครั้งที่มีโอกาสทำให้ซึมเข้าไปทีละนิด ค่าใช้จ่ายต่ำก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง มีแนวความคิดที่ดีขึ้นโดยการให้ธรรมะซึมเข้าไปใน lifestyle ของพนักงาน
การสนับสนุนการสอดแทรกในเรื่องของธรรมะ ถ้าองค์กรสามารถใช้กิจกรรมแบบนี้แล้วสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมคนในองค์กร เช่น การกระทำผิดลดน้อยลง การสูบบุหรี่ลดลง ครอบครัวอบอุ่นขึ้นและอานิสงค์ไปถึงการใช้เงิน เราควรมีมาตรการอย่างไรที่จะอัดสิ่งเหล่านี้เข้าไปในองค์กร ให้คนตื่นตัว นอกจากตัวอย่างองค์กรที่ผ่านมาแล้ว ยังมีตัวอย่างดีดีของอีกบางองค์กรที่นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีครั้งนี้ ดังนี้
“NOK เรามองว่าพนักงานในองค์กรสิ่งที่เขาพกคือพกความสุข ถามว่าความสุขคืออะไรหรือใช้คำว่าคุณธรรม คงแยกลูกค้าได้ประมาณ 7 กลุ่มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า supplier พนักงานหรือสังคม ชุมชนหรืออะไรก็ตาม ส่วนที่ใกล้ตัวที่สุดคือคนในองค์กรและองค์กรสามารถทำได้ ณ ตอนนี้เลย ทำยังไงให้คนในองค์กรเรามีความสุขในการทำงานได้ มีคนถามผมคุณวัดอย่างไรว่าองค์กรคุณเป็น LO ผมก็ตอบว่าผมไม่วัดเพราะวัดไม่ได้ คิดง่าย ๆ ว่าตื่นเช้ามาทำงานแล้วคิดว่าวันหยุดสั้นมาก กลาง week อยากให้ถึงวันหยุดเร็ว ๆ ก็คิดได้ว่าคนไม่อยากมาทำงาน แต่ถ้าคิดตรงข้ามกันก็ถือว่าโอเค ไม่ต้องคิดมากหรือเอาอะไรมาวัด นั่นแหละคือการบริหารวัฒนธรรม ความสุขเกิดจากอะไรก็คือตรงนี้นี่แหละ ให้คิดง่าย ๆ ว่าปัจจัย 4 ได้หรือยัง เราคิดถึงขนาดว่าถ้าพนักงานไม่มีเงินซักบาทมาทำงานได้อย่างไร นี่คือโจทย์ที่โยนลงไป สิ่งที่ตามมาคือ รถรับส่งมีไหม ครอบคลุมถึงพื้นที่หรือไม่ เสื้อผ้าหน้าผมได้ไหม ฯลฯ เป็นหน้าที่ขององค์กรที่ต้องเตรียมให้พนักงาน สิ่งที่คนต้องการคือความปลอดภัยในการทำงาน
พอคนมีความสุขแล้วอยากมาทำงานก็มาทำงาน คนเริ่มทำงานสิ่งที่ได้จากกระบวนการทำงานมันคือ knowledge ที่เกิดขึ้นในงาน พอคนมีความรู้มีคุณภาพ ผลที่ได้จากตัวองค์กรหรือตัวคนก็ต้องดี ถามว่าวัดอย่างไร ไม่ต้องคิดเยอะ P Q C D F M
Productivity Quality ได้หรือไม่ Cost ต้นทุน save ให้กับองค์กรหรือไม่ Delivery ส่งมอบงานภายในภายนอกได้หรือไม่ F พนักงานไม่หัวแตกกลับถึงบ้านหรือไม่ และ M มีขวัญกำลังใจอยากมาทำงานหรือไม่ ถ้าทุกอย่างเป็นบวกหมดหมายความว่าองค์กร gain กลับมาสู่พนักงานในรูปของโบนัส เงินเดือนที่ดี ก็เป็นองค์กรแห่งความสุข อยากมาทำงานมีรายได้ดี ถ้าองค์กรมีความสุขลูกค้าก็จะได้ความสุขต่อไปด้วย ลูกค้ามีความสุขสังคมก็สุข นี่คือความเชื่อที่เราทำอยู่ปัจจุบัน
แม้กระทั่งนโยบายคุณภาพลูกค้าคือให้ลูกค้าพึงพอใจ แต่เราไม่ได้คิดอย่างนั้นเราคิดไปอีกขั้นคือว่าทำอย่างไรให้มากกว่าความพึงพอใจให้ได้ เรายกระดับขึ้นมาเป็นว่า customer delight ก็คือ employee delight ก็เช่นเดียวกัน employee มีความสุขด้วย
ศักยภาพของทุกคนมีเท่ากัน องค์กรผมก็ไม่ได้มีอะไรพิสดารมากกว่าทุกท่านแต่เราคิดอะไรก็แล้วแต่ที่มองอีกมุมหนึ่ง เราเปลี่ยนแนวคิดอีกมุมหนึ่ง ลองมายืนอีกมุมแล้วคุณจะเห็นอีกมุม ที่สำคัญผู้บริหารต้องใจกว้าง เราควรเปลี่ยนตัวเองให้มีความสุขให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปเปลี่ยนคนอื่นให้มีความสุข”
คุณสราวุฒิ พันธุชงค์ ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศบริษัท
บริษัท เอ็นโคเค พรีซิซั่น คอมโพเนนท์(ประเทศไทย) จำกัด
“เรามีพนักงาน 140 กว่าคน นโยบายการบริหารแต่ก่อนเราเป็นเถ้าแก่ 100% คือสั่งอย่างไรได้อย่างนั้น แต่หลัง ๆ รู้สึกว่าถ้าเราจะเติบโตไปข้างหน้าระบบนี้จะตัน เราปรับระบบการปกครองใหม่ให้เป็นระบบบริหารสากล แต่เนื่องจากลูกน้องเคยชินกับคำสั่งเถ้าแก่ไม่ชินกับคำสั่งของเพื่อนพนักงานด้วยกันทำให้มีปัญหาเล็กน้อย เราจึงต้องทำการปรับทัศนคติ ซึ่งปัจจุบันเราก็ยังใช้อยู่ เราถือว่าทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคนเราปรับไม่ได้เป็นปัญหารุนแรง
การปรับทัศนคติของเรา เรามองว่ามาจากหลากหลายครอบครัว ความคิดย่อมแตกต่างกันแต่มาอยู่ในข้อจำกัดเดียวกัน เราจึงต้องปรับความคิดเขาก่อน เราจะมีการสอนอาทิตย์ละสองวัน จันทร์กับอังคาร สิ่งแรกที่สอนคือการปรับทัศนคติเพื่อให้เขาเข้าใจว่าเป็นใคร เพื่ออะไร จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร จะทำให้เขาเข้าใจตัวเขาเองมากขึ้น คนเราจะเปลี่ยนแปลงได้ต้องเกิดจากภายในก่อนต้องเข้าใจตัวเราก่อนเราถึงจะเปลี่ยนได้
พอเปลี่ยนทัศนคติได้แล้วเราก็ใช้เรื่องของธรรมะ ธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่คุณอยู่กับธรรมะก็คือคุณอยู่กับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาดังนั้นคุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็เป็นทุกข์ดังนั้นสื่อต่าง ๆ ที่ให้กับพนักงานถ้าในเรื่องของการทำงานเราก็จะส่งสัญญาณตลอดเวลาและบอกให้เขารู้ตลอดเวลา
ชีวิตครอบครัวเราก็จะสอนในเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างไรให้มีความสุข การเงินเราจะสอนว่าจะบริหารการเงินของคุณอย่างไรสอนวิชาบัญชีและวิเคราะห์ด้วย ถ้าจะเป็นหนี้จะเป็นได้เท่าไหร่ ระยะเวลานานแค่ไหน จะทำให้เดือดร้อนได้หรือไม่ ต้องคิดให้ได้ก่อน
เวลาที่เราจะรับคนเข้ามาทำงานเรามองอย่างแรกคือเป็น คนดีโดยดูแบบฟอร์มใบสมัครที่เรามีในเชิงจิตวิทยา เวลามาอ่านเรารู้แล้วว่าเขาคิดอย่างไร ส่วนคนเก่งเราคิดว่าทุกคนเกิดมาเก่งหมดแต่มาอยู่กับเราคุณเก่งหรือไม่ก็ต้องยอมเปลี่ยน และคุณสามารถอยู่ร่วมกับเราได้หรือไม่อยู่ในสังคมคนดีเราหวังให้เกิดแชร์ลูกโซ่ที่ดีต่อไป ที่นี่เจ้านายเปลี่ยนก่อนเพราะเราทนเห็นลูกน้องเรามีทุกข์ไม่ได้ โดยเปลี่ยนที่นิสัยเอาแต่ใจของเราก่อนและมองที่ความต้องการของลูกน้องเราซึ่งคงไม่ต่างจากเรา”
บริษัท เค ที เอ็ม สตรีท จำกัด
โปรดติดตามต่อไป
ไม่มีความเห็น