วันสาทเดือนสิบ


กำลังแห่งภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าท่านได้เพิ่มให้แล้วด้วย บุญไม่น้อย ท่านได้ขวนขวายแล้วดังนี้

   ยังอีกวันสองวันนี้ ถึงวันสาทเดือนสิบ  บ้างคนคิดว่าวันสาทเดือนสิบนี้  จะได้ไปวัดเพื่อร่วมสนุก ในการชิ่งเปรต  บ้างคนก็คิดว่า จะได้ไปทำบุญร่วม ๆ กับเพื่อน  บ้างคนคิดว่า จะได้ไปทำบุญอุทิศให้กับผู้ พ่อแม่ หรือ ญาติ หรือ บุคคลที่เรารัก เคารพ นับถือ ที่ตายไปแล้ว  

ฉะนั้นวันสาทเดือนสิบ เขาจึงเรียกว่า วันกตัญญู กตเวที สำหรับผู้ที่ อนุชนคนดีจะพึงทำ เพราะว่า ในเปรตวิสัยเขาไม่ได้มีการทำการงานอะไร ต้องอาศัย บุญที่อนุชนทำบุญอุทิศไปให้เท่านั้น  

ในที่นี้ขอนำ บทอนุโมทนาคาถา ที่พระท่านสวดให้ฟัง หรือแสดงให้ฟัง ในวันทำบุญเดือนสิบที่จะถึงว่า  ซึ่ง พระพุทธองค์ได้แสดงเอาไว้ใน ติโรกุฑเฑกสูตร คาถา   ดังนี้.

 

ติโรกุฑเฑสุ  ติฏฺฐนฺติ                 สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จ  

ทวารพาหาสุ   ติฏฐนฺติ               อาคนฺตวาน  สกํ  ฆรํ

ฝูงเปรตมาสู่เรือนของตน        ยืนอยู่ภายนอกฝาเรือนบ้าง

ณ ทาง ๔ แพร่งและทาง ๓ แพร่งบ้าง    ใกล้ประตูเรือนบ้าง

...................................................................................................

 

ครั้นเมื่อข้าวและน้ำ     ของเคี้ยวและของบริโภคเป็นอันมาก     ตั้งไว้แล้ว

ญาติไร ๆ   ของเปรตเหล่านั้นระลึกไม่ได้แล้ว     เพราะกรรมของสัตว์ ทั้งหลายเป็นปัจจัย

 

ชนเหล่าใด เป็นผู้เอ็นดู  ชนเหล่านั้น     ย่อมให้น้ำควรดื่ม และโภชนะอันสะอาดประณีต  เป็นของควร(อุทิศให้)  เพื่อญาติทั้งหลายอย่างนี้ว่า  

ทาน(ทั้งหลายเหล่า)นี้  จงถึงแก่ญาติทั้งหลาย   ขอญาติทั้งหลาย(ของข้าพเจ้า)  จงเป็นสุข ๆ  เถิด  

และพวกญาติ(ทั้งหลาย)ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว เหล่านั้น   พร้อมกันมาประชุมในสถานที่ให้ทานนั้น

 

(ได้)อนุโมทนาโดยเคารพในข้าวและน้ำเป็นอันมากว่า 

เราทั้งหลาย   ได้สมบัติเช่นนี้  เพราะญาติเหล่าใด     ขอญาติ(ทั้งหลาย)เหล่านั้นของพวกเรา  จง(เป็น)อยู่(ให้)นานเถิด

 

(การ)บูชาอันทายกทั้งหลาย(ได้)ทำแล้ว  แก่เราทั้งหลาย  และ(ทานของ)ทายกทั้งหลาย ก็หาไร้ผลไม่  

 

อันที่จริง  ในเปรตวิสัยนั้น  

ไม่มีกสิกรรม  

ไม่มีโครักข์กรรม 

ไม่มีการค้าขายเช่นนั้น  

ไม่มีการแลกเปลี่ยนด้วยเงิน

ผู้ทำกาลกิริยาละไปแล้ว   ย่อมยังอัตภาพให้เป็นไปในเปรตวิสัยนั้น  ด้วยทานที่ญาติให้แล้วในโลกนี้

 

น้ำฝนตกลงในที่ดอน   ย่อมไหลไปสู่ที่ลุ่ม   ฉันใด

ทานที่ทายกให้แล้ว แต่มนุษย์โลกนี้   ย่อมสำเร็จแก่เปรตทั้งหลาย  ฉันนั้น

 

ห้วงน้ำเต็มด้วยน้ำ  ย่อมยังสมุทรสาครให้เต็มเปี่ยม  ฉันใด

ทานที่ทายกให้แล้วแต่มนุษย์โลกนี้  ย่อมสำเร็จแก่เปรตทั้งหลาย  ฉันนั้น

 

บุคคลมาระลึกถึงอุปการะ   อันท่านได้ทำแก่ตนในการก่อนว่า  

ผู้นี้ได้ให้สิ่งนี้แก่เรา   ผู้นี้ได้ทำกิจนี้ของเรา   ผู้นี้เป็นญาติ  เป็นมิตร  เป็นเพื่อนของเราดังนี้     

ก็ควรให้ทักษิณาทาน  เพื่อผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้ว

 

การร้องไห้ก็ดี   การเศร้าโศก(เสียใจ)ก็ดี หรือการร่ำไรรำพัน อย่างอื่น(ๆ)ก็ดี  บุคคลไม่ควรทำที่เดียว  

เพราะว่า  การร้องไห้เป็นต้นนั้น   ไม่เป็นประโยชน์แก่ญาติทั้งหลาย   ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว ญาติทั้งหลายย่อมตั้งอยู่อย่างนั้น  

 

 ก็ทักษิณานี้แล  อันท่านให้แล้ว  ประดิษฐานไว้ดีแล้วในสงฆ์(ทั้งหลาย)  ย่อมสำเร็จประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วนั้น   ตลอดกาลนานตามฐานะ

 

ญาติธรรมนี้นั้น   ท่านได้แสดงให้ปรากฏแล้ว    และบูชาอันยิ่ง   ท่านก็ได้ทำแล้วแก่ญาติทั้งหลาย  ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว

 

กำลังแห่งภิกษุทั้งหลาย  ชื่อว่าท่านได้เพิ่มให้แล้วด้วย   บุญไม่น้อย ท่านได้ขวนขวายแล้วดังนี้  แล.  

 

คำสำคัญ (Tags): #วันสาทเดือนสิบ
หมายเลขบันทึก: 293866เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2009 11:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 17:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

กราบคารวะขอรับอาจารย์..

ประเพณีเป็นสิ่งที่ดีถ้าเราสามารถกระเทาะเปลือกของมันได้ข้างในจะมีคุณและค่ามาก

แต่โดยมากในปัจจุบันนี้เรายังไม่ได้กระเทาะเปลือกมันอย่างจริงจัง

เท่านั้นไม่พอยังหาสิ่งต่างๆมาหุ้มกันจนเปลือกยิ่งหนา

แต่ยังดีที่สืบทอดมาถึงทุกวันนี้ได้

ประเพณีบางอย่างเราซึ่งปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะนี้แหละขอรับควารที่จะกระเทาะมันออกโดยพยายามนำเสนอถึงภายในแห่งประเพณีที่แท้จริง

อาจารย์ว่าใหมขอรับ..

กราบคารวะจากใจของกระผมด้วยใจจริงขอรับ...

อ่านแล้วคิดถึง ชิงเปรตครับหลวงพี่

นมัสการ ท่านมหาฯ และ อ.ขจิต

ที่เข้ามาอ่าน

ขอบใจมาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท