การบริหารจัดการเครือข่ายบริการปฐมภูมิอำเภอบ้านตาก


ถ้าเมืองหน้าด่าน(สถานีอนามัย)ไม่เข้มแข็งเมืองหลวง(โรงพยาบาล)ก็อยู่ไม่ได้
การบริหารจัดการเครือข่ายบริการปฐมภูมิอำเภอบ้านตาก
(Bantak CUP Management)
1.       บริบทของพื้นที่ อำเภอบ้านตากเป็น 1 ใน 9 อำเภอของจังหวัดตาก ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันอออกของจังหวัด มีประชากรตามทะเบียนราษฎร์ 50,110 คน ประกอบด้วย 7 ตำบล 74 หมู่บ้าน มีสถานีอนามัย 15 แห่ง เป็นสถานีอนามัยขนาดใหญ่ 3 แห่งที่จัดเป็นศูนย์สุขภาพชุมชนที่มีแพทย์ออกไปร่วมให้บริการ มีโรงพยาบาลชุมชนขนาด 60 เตียงเป็นทุติยภูมิระดับ 1 จำนวน 1 แห่ง คลินิกแพทย์เอกชน 4 แห่ง ร้านขายยาเภสัชกร 2 แห่ง มีองค์การบริหารส่วนตำบล 6 แห่ง และเทศบาลตำบล 2 แห่ง มีประชาชนขึ้นทะเบียนบัตรทอง 40,000 คน เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล 160 คนและของสถานีอนามัย 55 คน ประชาชนเป็นคนไทยพื้นราบเป็นส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธ มีชาวเขาประมาณ 1,000 คน อาชีพเกษตรกรและรับจ้าง ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน
2.       แนวคิด ในการบริหารจัดการเครือข่ายใช้แนวคิดหลัก 9 ประการ เรียกว่าการจัดการสร้างเสริมสุขภาพโดยรวม (Total Healthy Management) เพื่อนำไปสู่Health for All, All for Health เพื่อจะนำไปสู่ Healthy Thailand ดังนี้
2.1    มุ่งเน้นสุขภาวะ(Focus on Health) โดยเน้นการทำงานเพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ครบทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและเชาว์ปัญญา
2.2    นำพาด้วยกลยุทธ์(Strategic driven) เน้นการทำเชิงยุทธศาสตร์เพื่อทำให้เกิดเป้าหมายร่วมกันของทีมงานและขับเคลื่อนไปทั้งระบบ ไม่เน้นการทำเป็นโครงการๆไป
2.3    ฉุดด้วยการเสริมพลัง(Empowerment) เน้นการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่แต่ละส่วนเกี่ยวข้อง
2.4    มุ่งหวังชุมชนและประชาชน(Community & Citizen focus) มองกลุ่มเป้าหมายคือประชาชนทั้งอำเภอทั้งกลุ่มปกติ กลุ่มป่วย กลุ่มเสี่ยงและพิการด้อยโอกาส
2.5    เปี่ยมล้นการจัดการกระบวนการ(Process management) เน้นการจัดกระบวนการให้บริการทางด้านสุขภาพเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ผสมผสานและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
2.6    สร้างสรรค์นวัตกรรม(Creativity & Innovation) เน้นการคิดรูปแบบกิจกรรมใหม่ๆในการแก้ปัญหาเดิมและปัญหาสุขภาพใหม่ๆที่เกิดขึ้น
2.7    ทำด้วยทีมที่มุ่งมั่น(Commitment) มีการทำงานเป็นทีมทั้งทีมในโรงพยาบาล ทีมในสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ทีมในสถานีอนามัย ทีมใน คปสอ. รวมทั้งเป็นทีมร่วมกับหน่วยงานอื่นๆเช่นท้องถิ่นหรือส่วนภูมิภาคอื่นๆนอกกระทรวงสาธารณสุข
2.8    สานฝันอย่างมีส่วนร่วม(Participation) เน้นการมีส่วนร่วมในการคิด การวางแผนการปฏิบัติและการประเมินผลในส่งที่ทำและร่วมกันทำ
2.9    รวมพลังอย่างยั่งยืน(Sustainability) มีการทำอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ ไม่ทำแบบหวือหวาแต่ทำแบบธรรมดาไปเรื่อยๆพร้อมกับมีการเรียนรู้จากความสำเร็จและความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
3.       รูปแบบ มีการบริหารงานในรูปของคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขอำเภอบ้านตาก(คปสอ.บ้านตาก) เป็นผู้บริหารงานในทุกเรื่องทั้งเรื่องเครือข่ายบริการและเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีกรรมการจากโรงพยาบาล 8 คน จากสถานีอนามัยและจากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 10 คน และจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก 4 คน มีการประชุมร่วมกันเดือนละ 1 ครั้ง มีการกำหนดวาระการประชุมที่แน่นอน มีการนิเทศงานสถานีอนามัยปีละ 2 ครั้ง ร่วมกับการประเมินคุณภาพและการประเมินกิจกรรม 5 ส ของ ทุกสถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอและโรงพยาบาล คปสอ.บ้านตากมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตากเป็นประธาน สาธารณสุขอำเภอบ้านตากเป็นรองประธาน
การขึ้นทะเบียนบัตรประกันสุขภาพ สามารถขึ้นทะเบียนได้ที่งานประกันสุขภาพที่โรงพยาบาลบ้านตากหรือที่สถานีอนามัยแต่ละแห่งขึ้นทะเบียนส่งรายชื่อมา โรงพยาบาลจะเป็นศูนย์กลางของฐานข้อมูล ออกบัตรและการติดตามการขึ้นทะเบียน
การจัดระบบบริการ มีบริการตามปกติในโรงพยาบาล สถานีอนามัยและจัดตั้งศูนย์สุขภาพชุมชน 3 แห่งที่เป็นการทำงานร่วมกันของโรงพยาบาลและสถานีอนามัย โดยทีมงานจากโรงพยาบาลจะมีแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ เภสัชกรเข้าไปร่วมกิจกรรม ในส่วนของสถานีอนามัยได้จัดให้มีพยาบาลวิชาชีพและทันตาภิบาลอยู่ประจำทั้ง 3 แห่ง สามารถส่งตัวผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลบ้านตากหรือโรงพยาบาลทั่วไปได้โดยแพทย์ และเน้นกิจกรรมในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีการทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์
การจัดสรรงบประมาณ เมื่อปี 2546-2547 จัดสรรตามรายหัวประชากรที่ขึ้นทะเบียนในแต่ละพื้นที่ของสถานีอนามัยแล้วส่งยอดเงินให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอปรับยอดเงินตามความเหมาะสมและความอยู่รอดก่อนจัดสรรจริง ไม่เน้นการนำเอาจำนวนยอดผู้ป่วยมาจัดสรรเงินเพื่อจะได้จูงใจให้สร้างเสริมสุขภาพ ในปี 2548-2549 ได้สสจ.ตากมีการจัดสรรเงินเป็นค่าเหมาจ่ายให้แต่ละสถานีอนามัยและแยกงบส่งเสริมส่งตรงสถานีอนามัย ทางโรงพยาบาลบ้านตากจะสนับสนุนงบในส่วนของสถานีอนามัยที่มีปัญหาเงินไม่พอใช้เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการไปได้
การรับเรื่องราวร้องทุกข์ มีการจัดระบบรับเรื่องราวร้องทุกข์โดยมีศูนย์อยู่ที่งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลบ้านตาก มีการจัดตู้รับฟังความคิดเห็นในทุกสถานีอนามัยและติดตามทุกเดือนในที่ประชุม
การนิเทศติดตามงาน ติดตามผลงานและกิจกรรมในที่ประชุม คปสอ.ทุกเดือน และมีทีมออกนิเทศงานปีละ 2 ครั้ง
การพัฒนาคุณภาพบริการ มีผู้รับผิดชอบงานพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลและสาธารณสุขอำเภอเป็นแม่งาน โดยการสนับสนุนจากทีมพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลบ้านตาก มีการพัฒนาสถานีอนามัยทุกแห่งด้วยกิจกรรมHealthy workplace (ตอนนี้ได้ระดับทอง 12 แห่ง ระดับเงิน 2 แห่ง ไม่พร้อมประเมินเพราะสร้างสอ.ใหม่ 1 แห่ง) มีการประเมินมาตรฐานPCU มีการประเมินกิจกรรม 5 ส ทุกแห่ง
การสนับสนุนด้านเวชภัณฑ์ ให้โรงพยาบาลเป็นคลังเวชภัณฑ์ของทั้งอำเภอ ให้สถานีอนามัยมาเบิกได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย แต่มีการเก็บข้อมูลไว้เพื่อติดตามการเบิกจ่ายเทียบกับปริมาณผลงานเพื่อควบคุมมิให้มีการรั่วไหลและเกิดประสิทธิภาพ
การจัดสรรอัตรากำลัง มีการวางแผนร่วมกันในเรื่องอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ การจัดพยาบาลวิชาชีพลงในสถานีอนามัย
ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร ให้โรงพยาบาลเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลด้านต่างๆรวมทั้งข้อมูลด้านระบาดวิทยาที่ต้องนำเสนอในที่ประชุมทุกเดือน
4.       บทเรียนการบริหารจัดการเครือข่ายบริการปฐมภูมิ
4.1    สถานีอนามัยต้องอยู่ได้แม้โรงพยาบาลจะเป็นหนี้ก็ตาม เพราะสถานีอนามัยมีศักยภาพในการหาเงินเองได้น้อยและเป็นด่านหน้าสำคัญในการส่งเสริมป้องกันโรค ช่วยให้คนเจ็บป่วยน้อยลง ถ้าเมืองหน้าด่าน(สถานีอนามัย)ไม่เข้มแข็งเมืองหลวง(โรงพยาบาล)ก็อยู่ไม่ได้
4.2    สถานีอนามัยต้องมียาใช้ ไม่ขาดยา จะอ้างกับชาวบ้านว่ายาไม่มีหรือไม่มียาให้เบิกยาไม่ได้
4.3    ทำงานด้วยกันต้องให้ใจ จึงจะได้ใจ แล้วก็สร้างทีม สร้างความไว้ใจแล้วจึงสร้างเครือข่ายขึ้นมาได้
4.4    เน้นให้มีการทำงานประจำให้ดี มีอะไรให้คุยกัน ขยันทบทวน
4.5    โรงพยาบาลต้องออกหน้าด้วยคือทำให้ดูหรือเป็นผู้นำทางด้านส่งเสริมสุขภาพด้วย ไม่ใช่มัวเน้นจะเอาแต่เรื่องรักษาพยาบาล
4.6    ถ้าสถานีอนามัยยังทำไม่ไหวหรือยังไม่เห็นความสำคัญ โรงพยาบาลต้องทำเองก่อน ไม่ควรไปบังคับให้สถานีอนามัยทำแบบไม่เต็มใจเพราะจะไม่ยั่งยืน
4.7    ทีมงานต้องเจอกันสม่ำเสมอเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันและติดตามงานได้ง่าย
4.8    ให้เครดิตสาธารณสุขอำเภอด้วย ต้องให้เขาได้มีอำนาจทางการเงินเพื่อดูแลลูกน้อง(สถานีอนามัย)ได้ด้วย จะได้ไม่ปีนเกลียวกัน งานก็จะราบรื่น
4.9    สถานีอนามัยมีพลัง มีแรง ส่วนโรงพยาบาลมีเงิน ถ้าเสริมกันได้ งานจะสำเร็จได้ดี
4.10 สถานีอนามัยโตแล้ว ไม่ใช่เด็กอมมือ ที่โรงพยาบาลจะมาคอยบอกให้เขาทำนั่นทำนี่ ไม่ทำนั่นไม่ทำนี่ ควรให้เขาตัดสินใจเองว่าจะทำกิจกรรมอะไร ไม่ต้องให้เขามาทำโครงการขอเงินเราเป็นครั้งๆ ให้เขาไปเลยจะทำอะไรก็ได้ในยุทธศาสตร์ของอำเภอ แต่เราจะดูผลลัพธ์
4.11 ให้มองภาพรวม สวมไปกับงานประจำ ตั้งเป้าร่วมกัน ตามให้ทันปัญหา จะพาไปสู่จุดหมาย
4.12 คุณภาพไม่ได้อยู่ที่โครงสร้างทางกายภาพ อาคารสถานที่แต่อยู่ในเนื้องานประจำที่เราทำ
หมายเลขบันทึก: 29373เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2006 12:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 10:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท