ไม่กินแล้วยา…....วัณโรค
“ โอ้ยหมอ.......ชั้นไม่กินแล้วยาอะไรก็ไม่รู้เยอะมาก กินแล้วก็ไม่มีแรง แบบนี้ตายดีกว่า”
ภาพในตอนเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นเช้าที่สดใสแต่กลับตรงกันข้าม ภาพที่ที่ปรากฏต่อหน้าฉันในขณะนี้คือ หญิงชราอายุประมาณ 70 ปี ร่างกายดูผ่ายผอมมาก ผิวเหี่ยวแห้ง ท่าทางอิดโรยนั่งอยู่บนรถนั่งของผู้ป่วย ข้างๆหญิงชราคนนั้น มีหญิงวัยกลางคน ยืนทำหน้ามึนๆ งงๆ อยู่ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นลูกสาวของป้า
“ยายใจเย็นๆก่อนนะคะ ค่อยๆคุยกัน มีอะไรบอกหมอได้ค่ะ”
“ จะให้ฉัน ทำไงล่ะหมอ ยาที่หมอให้ฉันกินไม่ไหวหรอก ตั้งหลายเม็ด แต่ละ เม็ดก็ใหญ่ กลืนทีนะแทบจะติดคอตาย กินแล้วก็เวียนหัว อยากราก ตื่นมาก็ไม่มีแรง เพลียมาก ไม่เอาแล้วหมอฉันขอตายดีกว่า ไม่กินมันแล้ว”
“ ใจเย็นๆ นะยาย เดี๋ยวหมอจะวัดความดันให้นะ อย่าเพิ่งโมโหเดี๋ยวความดันขึ้นนะ มายายเอาแขนมาวางบนโต๊ะเลย” ฉันตั้งใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ยายใจเย็นๆลงก่อน เพราะคิดว่าการวัดความดันโลหิตอาจทำให้ยายลดอาการโมโหเรื่องยาลงได้ ในใจก็บอกตัวเองว่า....สู้ ๆ ๆ ต้องพยายามเปลี่ยนใจยายให้ได้
ฉันวัดความดันโลหิตให้กับยาย ท่าทางยายจะพอใจขึ้นมาในระดับหนึ่งฉันสังเกตุ จากสายตาของยายที่ดูอ่อนโยนกว่าตอนแรกที่เจอกัน
“ ว้าว...ยายความดันดีจัง 110/70 ดีมากเลย แสดงว่ายังแข็งแรงอยู่นะเนี่ย” ฉันชมยายเรื่องความดันโลหิต ยายยิ้มกว้างออกมา
“จริงๆหรือหมอ แสดงว่าความดันฉันดีใช่ไหมหมอ เวลาไปวัดที่อนามัยหมอเค้าบอกว่าฉันความดันปกติ” อิอิ ...มาแล้วอารมณ์ยายตอนนี้ ยายเริ่มยิ้มได้ขึ้นมาแล้ว เอาละเดินหน้าชมยายต่อก่อนแล้วค่อยเข้าเรื่อง
“จริงซิ ยายหมอจะโกหกยายทำไมล่ะจ๊ะ อ้อ ยายอายุเท่าไรแล้ว ดูยังแข็งแรงอยู่เลย ในประวัติก็ไม่มีโรคประจำตัวเลย ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเส้นเลือด”
“ ใช่หมอ ฉันไม่มีโรคอะไรเลยเป็นยี่สิบปีแล้วที่ไม่เคยมาโรงหมอเลย” ยายตอบ ท่าทางภูมิใจ
“ แม่ไม่มีโรคอะไรเลยหมอ แข็งแรงมาตลอด จนมาเจอไอ้วัณโรคนี่แหละ”ลูกสาวตอบ
พอเอ่ยปากพูด ป้าก็เข้าเรื่องเลยนะ ฉันนึกในใจและหันมองมาทางลูกสาวของป้า แต่ก็ต้องขอบคุณป้าที่ช่วยพาฉันเข้าเรื่องซักที
“ อ๋อ จ้า ...เอ หมอเจอยายครั้งแรกใช่ไหมคะ ยายเริ่มรักษาและได้ยามากินจากที่ไหนเหรอ ยาโรควัณโรคนะค่ะ”
“แม่เค้าตรวจเจอที่ศูนย์วัณโรคในเมืองนะหมอ และเค้าแนะนำให้มารับยาที่บางกระทุ่ม ฉันมาเอาแทนไป หมอให้ไปสองอาทิตย์ แม่กินไป5วันแล้ว กินแล้วเค้าบอกว่าแย่กว่าเดิม กินข้าวไม่ได้ เหม็นไปหมด อยากแต่จะนอน เพลีย ไม่มีแรงคอยแต่จะราก ฉันก็เลยให้แกหยุดกินยามา4 วันแล้ว แกบอกว่าดีขึ้น ฉันเลยว่าจะเอายามาคืนและแม่ก็จะไม่กินแล้วยานะ”
อ้าว.....ฉันงง มึน จะตอบยังไงดีล่ะ ก็เลยขอเวลานั่งอ่านประวัติการรักษาของยายซักครู่ จากประวัติการรักษาบอกว่ายายตรวจเจอวัณโรคปอด ผลการตรวจเสมหะพบเชื้อ สามบวกจาก สคร.9 ฯ แล้วจะทำไงล่ะ เชื้อสามบวกจะไม่กินยา กินไป 5วันหยุดยาไป4วัน ทำไงดีละทีนี้ ป่านนี้เชื้อวัณโรคคงกำลังฟื้นตัวหลังจากเมายาอยู่ 5 วัน เฮ้อ...ฉันถอนหายใจกับตัวเอง ใจเย็นๆนะเรา ต้อง สู้ๆ
ฉันคิดว่ายายยังไม่เข้าใจโรคที่ตัวเองเป็น และญาติก็พร้อมที่จะทำตามความต้องการของผู้ป่วย เพราะความสงสารแม่ ฉันคิดว่าลูกสาวน่าจะเป็นกำลังสำคัญในการให้กำลังใจยายในการกินยาเพราะสังเกตว่าป้ารักและเป็นห่วงยายมาก
“เอาละยาย ฟังหมอนะคะ ป้าด้วยนะ หมออ่านประวัติยายดูแล้วนะ ยายตรวจเจอวัณโรคที่ศูนย์วัณโรคใช่ไหม? สองแม่ลูกพยักหน้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “แสดงว่ายายยังไม่เคยเจอ กับหมอที่ห้องนี่ใช่ไหมคะ? ยายพยักหน้า
“ ยาย โรคที่ยายเป็นอยู่นะ รู้มั้ยว่าเป็นโรควัณโรค”
“รู้จ้าหมอ พ่อฉันก็เป็น แล้วก็ตายตั้งแต่ฉันเด็กๆ รักษาเป็นหลายปีๆก็ไม่หาย ฉันก็แก่แล้วเดี๋ยวก็ตาย ช่างมันกินยาก็ราก เหนื่อย เพลีย กินข้าวไม่ได้” ยายบอกฉันด้วยสายตาที่ยอมรับสภาพ
“ยาย ฟังหมอนะ วัณโรคที่ยายเป็นกินยาแค่หกเดือนก็หายแล้ว แต่ยาที่ยายกินมันจะมากหน่อยในช่วงสองเดือนแรก และโรควัณโรคที่ยายเป็นนะมันติดเชื้อที่ปอดของยาย มันเลยทำให้ยายเหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง และเวลาที่ยายกินยานะหมอให้กินก่อนนอนใช่ไหมจ๊ะ เพราะอยากให้ยายกินยาแล้วนอนพักผ่อน ยาวัณโรคอาจทำให้ยายเพลีย ร่างกายของยายอยากพักผ่อน และยาก็กำลังฆ่าเชื้อโรคในปอดยายอยู่ หมอจะวาดรูปให้ดู” ฉันวาดรูปปอดให้สองแม่ลูกดู เป็นรูปปอดของยาย(ตามฟิล์ม X-Ray ที่มีรอยโรคของวัณโรคอยู่)
“ยาย นี่คือปอดของยายนะและนี่คือรอยแผลที่ปอดยาย ที่วัณโรคมันเข้าไปทำลาย และตอนนี้ยาที่ยายกินมันกำลังเข้าไปล้อม และฆ่าเชื้ออยู่แต่ยายกินไป 5 วันก็หยุดยา ทำให้ตอนนี้เชื้อวัณโรคกำลังฟื้นตัว และมันอาจจะดื้อยาได้ ยายคะโรคที่ยายเป็นรักษาหายได้โดยกินยาแค่ 6 เดือนเท่านั้น มันไม่เหมือนยาเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ต้องกินยาตลอดชีวิต และหมอรู้ว่ายายยังแข็งแรงอยู่เลย อย่าพึ่งท้อนะ มาช่วยกัน หมอช่วยยาย ยายก็ต้องช่วยหมอด้วยนะ มาสู้โรคที่ยายเป็นด้วยกัน หมอรับรองยายกินยาประมาณ เดือนกว่าๆ ยายจะดีขึ้น เพราะตอนนี้ร่างกายยายที่ต่อสู้กับเชื้อโรคมานานได้ยามาช่วยให้ร่างกายมันเลยกำลังพักผ่อนเพื่อให้ฟื้นตัว หมอมียาให้ยายรักษาโรค แต่ยายต้องช่วยหมอหน่อยโดยยายต้องกินยา หมอรู้ว่ายาที่ยายกินมันเยอะและเม็ดใหญ่ เรามาแก้ปัญหาเรื่องยากันก่อนนะ” สายตาของสองแม่ลูกสองมาที่ฉันด้วยความสนใจและตั้งใจฟัง(เอาละ...มาแล้วยุ้ยเอ๋ยยายเริ่มคล้อยตามแล้วใจมาแล้ว สู้ต่อเอาให้อยู่หมัดเลย)
“ยายกินยาก่อนนอนใช่ไหม” ยายพยักหน้า “ยายกินข้าวกี่โมง แล้วนอนกี่โมง”
“กินข้าวประมาณ ทุ่ม แล้วสักพักก็นอนเลยหมอ” ยายตอบ (นั่นเองที่อาจเพราะสาเหตุที่กินข้าวอิ่มๆ แล้วมากินยากินน้ำอีก ไม่อาเจียนได้ไงละยายฉันนึกในใจ
“ยายคะ เอาแบบนี้นะ ยายกินข้าวเย็นประมาณ หกโมงเย็นได้ไหม แล้วจากนั้นประมาณ หกโมงครึ่งกินยาวัณโรคไปครึ่งหนึ่งก่อน แบบว่าแบ่งกินนะและตอนยายนอนก็กินยาที่เหลือก่อนนอน” ฉันเปิดซองยายายแล้วทำตัวอย่างการแบ่งยาของยาย ให้ยายและลูกสาวดู ทั้งสองแม่ลูกยิ้มออกมา
“ถ้าแบ่งกินก็ดีหน่อยนะหมอ แม่เค้าจะได้กลืนได้ ตอนแรกไม่บอกว่าแบ่งได้นะ” คำพูดตัดพ้อนิดๆ
“เอ่อ... ที่จริงยามันต้องกินในเวลาเดียวกัน เพราะฤทธิ์ของยาจะได้ทำงานได้ดี แต่การแบ่งกินยาของยายจะช่วยให้หลังกินยายายไม่อาเจียน ยายลองใหม่นะเริ่มใหม่นะลองกินแบบที่หมอบอกนะคะ หมออยากเห็นยายสู้อีกครั้งนะ หมอคิดว่าประมาณเดือนกว่าๆ ยายจะเดินมาหาหมอเองเลยไม่ต้องนั่งรถเข็นมาแล้ว เชื่อหมอนะ” ฉันจับมือยายไว้เพื่อสื่อกำลังใจไปถึงยาย ยายพยักหน้า ลูกสาวยิ้มรับ “ ได้หมอฉันจะลองอีกที แล้วที่ฉันกินข้าวไม่ได้ล่ะทำไงละหมอ” ยายยิงคำถามต่อ
“ยายคะ เอาแบบนี้นะเรื่องกินข้าวไม่ได้นะเรื่องเล็กมาก ปกตินอกจากข้าวแล้วยายชอบกินอะไรคะ” ยายมองหน้าฉัน “ อือ ก็นม ขนมจีน ผลไม้” ยายตอบ ฉันยิ้ม “ดีจ้ายาย หมอไม่ห้ามเรื่องกินเลยนะยาย ยายกินอะไรก็ได้ที่ยายอยากกิน กินให้ร่างกายแข็งแรง จะเป็นนม น้ำผลไม้ ผลไม้ ถ้ายายไม่อยากกินข้าวให้กินอย่างอื่นแทน เช่นก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน นม ได้หมด ขนาดหมอเองกินข้าวทุกวันหมอยังเบื่อเลย แสดงว่าเวลาที่ยายกินข้าวไม่ได้ยายยังกินอย่างอื่นได้อยู่ใช่ไหมคะ” ยายพยักหน้า (เอาหละ....ยายยังกินอย่างอื่นได้ ใจมาละอย่างน้อยก็มีอย่างอื่นทดแทนทำให้ร่างกายยายยังแข็งแรงได้อยู่ ฉันนึกกับตัวเอง) “ยายวันนี้ยายชั่งน้ำหนักหรือยังคะ วันนี้หนักกี่กิโลคะ” “36 กิโลจ้าหมอ” ลูกสาวตอบแทน “ยายมาเดือนหน้าหมอขอ 37 กิโลนะคะ ถ้ายายกินยาไม่มีขาดหมอรับรองว่ายายน้ำหนักจะขึ้น” (แน่ใจหรือ...ถ้ายายน้ำหนักไม่ขึ้นทำไงละทีนี้ เอาล่ะจูงใจ เสริมแรงยายไปก่อนเผื่อยายแกจะมีกำลังใจกินยาต่อ)
หลังจากนั้นฉันก็คิดวิธีเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับยายอีกอย่างหนึ่ง “ยายวันนี้หมอให้แก้วน้ำยายหนึ่งใบนะคะ เอาไว้ใส่น้ำเวลากินยา ยายได้คนเดียวเลยนะ เวลากินยายายจะได้นึกถึงว่าหมอส่งกำลังใจมาถึงยายตลอดเวลา และยายต้องช่วยหมอด้วยการกินยานะคะ อย่าหยุดยาเอง ถ้ามีอะไรกลับมาหาหมอได้มาปรึกษากันนะ หมออยู่ห้องนี้ตลอด มาหาได้นะคะ ยายต้องสู้ๆนะคะแค่หกเดือนเอง หมอก็จะดูแลยายตลอดการรักษาค่ะ” ทั้งสองแม่ลูกยิ้มรับ “ได้หมอ ฉันจะลองอีกทีนะ”
เย้ๆๆ ......สำเร็จรู้สึกดีๆยังไงไม่รู้แฮะ ภูมิใจเล็กๆขึ้นมาเลย ใจมาแล้วเรา มาคอยดูกันนะว่ายายจะเป็นยังไงต่อฉันบอกกับตัวเอง และหวังว่ากำลังใจจากฉันจะส่งไปถึงยายนะ สู้ๆๆ
ผู้เขียน
พัชนียา ทองวงศ์
โรงพยาบาลบางกระทุ่ม
ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ
เรียนวิชาวัณโรคผ่านวรรณกรรม
น่าจะเขียนโรคอื่นอีกนะครับ
อย่าประมาท น่ะครับ ผู้สูงอายุ ที่เป็นวัณโรค และ ทานยาวัณโรค บางคนเบื่อข้าว แล้วดีขึ้น บางคนเบื่อข้าว จุกแน่น ทานยาต่อ ยิ่งทนยาไม่ได้ก็มีบ่อย
อาจจะลอง ให้ ทาน ขมิ้นชัน และ บอระเพ็ด อย่างละ 1-2 เม็ด เช้า เย็น ก่อนอาหาร ทั้งช่วยลดอาการแน่นท้อง และ ลดโอกาสเสี่ยงทนยาไม่ได้
อินเดีย วิจัยแล้ว ว่า มีประโยชน์คุ้มค่า แต่เรา ประเทศไทย ค่อยๆ สังเกตุ หาประสบการณ์ว่า จะแนะนำ สมุนไพร ควบคู่กับ ยาวัณโรค อย่างไร เช่น ทานกี่ชนิด ทานมากเพียงใด กี่เม็ด ต่อวัน ทานนานเพียงใด กี่เดือน จึงจะ พอดี พอใจ แก่ทุกฝ่าย
ขอเป็นอีก 1 กำลังใจที่ติดไปกับแก้วน้ำของยาย
ขอให้ยายกินยาได้ครบ 6 เดือนและกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม สู้ๆค่ะ
เป็นคุณหมอที่น่ารักมากค่ะ คุณพ่อเป็นอยู่ค่ะ อยากให้คุณหมอวัณโรคเก่งจิตวิทยาแบบนี้กันทุกคนเลย คนไข้จะได้ขยันทานยาและหายเร็วๆๆ
เป็นหมอที่น่าชื่นชมมากคะอยากให้มีหมอแบบนี้เยอะๆแต่ความจิงแทบไม่มี
นานมาแล้วเคยต่อสู้กับโรคนี้.กินยาที่ว่าอยู่สองปี..หมอบอกว่าแก่แล้วก็อาจจะกลับมา..นะโรคนี้ หาก..วัณโรค..ดื้อยา..สมัยใหม่วันนี้..หมอฝรั่ง..หันมาใช้..พืช..ที่เรียกกันว่า..โกฐจุฬาลัมภา....กัน...ค่ะ..
เข้ามาศึกษาข้อมูลค่ะ เพราะตอนนี้ลูก5ขวบเป็นวัณโรค ติดจากพ่อ ค่ะ ต้องกินยาตัวเดียวกันทั้งสองคนไม่รู้ร่างกายเด็กด้านยาอาการเป็นอย่างไร สงสารลูกมากเลยค่ะ