การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กำลังเป็นที่นิยมโดยทั่วไป การท่องเที่ยวและพักโฮมสเตย์ เป็นที่ ๆ ผู้เขียนชอบไปพัก เพราะได้เห็นวิถีชีวิตของชุมชน ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แม้ว่าจะถูกดัดแปลงไปบ้าง แต่ความงดงาม ความเรียบง่ายก็ยังคงมีอยู่ คราวนี้มีโอกาสดีได้ไปเที่ยวที่ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พักที่โฮมสเตย์บางน้ำผึ้ง ในช่วงวันที่ 7-9 สิงหาคม 2552
ผู้เขียนออกจากนนทบุรี ช่วงบ่ายจัด ๆ ของวันที่ 7 สิงหาคม 2552 สะพายเป้ขึ้นแท๊กซี่พร้อมคุณวิไลพร ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงพระประแดง โทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่อาภรณ์ พานทอง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ม.3 บ้านบางน้ำผึ้ง (เบอร์โทรศัพท์ 089-8072501) เพื่อถามทางที่จะไปบ้านพัก ผู้ใหญ่อาภรณ์ให้พวกเราพักที่บ้านของผู้ใหญ่เอง พักได้ 4-6 คน เราพักวันแรก 2 คน เช้าอีกวันแดงและแจ้ ทีมท่องเที่ยวไปไหนไปกัน สบาย ๆ ทัวร์ ตามมาสมทบ
ทางเข้าบ้านผู้ใหญ่อาภรณ์ ต้องเดินไปตามถนนเล็ก ๆ ระยะทางประมาณ 800 เมตร ข้างทางร่มรื่น ต้นไม้เยอะ มีขอบกั้นถนนข้างเดียว พาหนะที่เหมาะสมคือจักรยานและมอเตอร์ไซด์ คนที่นี่ขับกันสบาย ๆ เพราะเคยชิน ในอดีตใช้เรือเป็นพาหนะ ผู้ใหญ่อาภรณ์บอกว่า จะสร้างถนนกว้าง ๆ ให้รถยนต์เข้ามาก็ได้ แต่ต้องการอนุรักษ์เลยทำถนนแบบนี้
ภาพขวาบน จะเห็นขอบถนนมีร่องอยู่ เป็นขอบปูนที่กั้นเป็นกำแพงไม่ให้น้ำจากแม่น้ำไหลเข้ามา
บ้านของผู้ใหญ่อาภรณ์ อยู่ใกล้กับท่าเรือ คราวหน้าคราวหลังมาทางเรือจะสะดวกและรวดเร็วกว่า ภาพล่างขวา เป็นทีมตะลอนทัวร์ ผู้ใหญ่อาภรณ์ยืนติดกับหนุ่มแจ้
ท่าเรืออยู่ห่างจากบ้านผู้ใหญ่อาภรณ์ 200-300 เมตร ได้มานั่งชมวิว มีเรือแล่นผ่านไปมา หนีความจำเจจากภาพรถติดบนถนน
เรือที่ใช้ข้ามฟากมี 2 แบบ แบบแรกภาพบนเป็นเรือเหมา คิดคนละ 20 บาท นั่งข้ามฟากไม่ถึง 5 นาที ไปคนเดียวก็รับ ส่วนแบบที่สองภาพล่างน่าจะเรียกเรือเมล์ เป็นเรือโดยสารทั่วไป คิดคนละ 10 บาท หากไม่มีคนขึ้นหรือลงที่ท่า เรือก็ไม่เข้ามาจอด
ได้พบกับ ป้ามะลิ ประธานโฮมสเตย์บางน้ำผึ้ง ป้ามะลิมีบ้านสองหลังหลังแรกเป็นบ้านโบราณ อยู่ห่างจากชุมชนหน่อย พวกเราเข้าไปดูแล้ว บอกว่า แฮะ...แฮะ...โบราณมาก ไม่กล้าไปพัก ส่วนหลังที่สองอยู่ใกล้กับศาลาท่าน้ำที่กล่าวถึงข้างต้น
ภาพขวาบน ป้ามะลิยืนตรงกลาง ภาพที่เหลือเป็นบ้านโบราณบ้านหลังแรกของป้ามะลิ
บ้านหลังอื่น ๆ บ้านหลังที่สองของป้ามะลิ ภาพขวาล่างค่ะ
เก็บภาพต้นไม้ ดอกไม้มาฝากค่ะ
ผู้ใหญ่อาภรณ์ บอกว่าโฮมสเตร์บางน้ำผึ้งผ่านการประเมินการเป็นโฮมสเตร์แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย (เราก็ไม่ห่วงเพราะพักบ้านผู้ใหญ่...ใครนะจะกล้าล้วงคองูเห่า)
ผู้ใหญ่อาภรณ์เป็นคนที่นี่ อดีตเคยเป็นครูมาก่อน แต่ลาออกเพื่อมาดูแลพ่อแม่เพราะเป็นลูกสาวคนโต ผู้ใหญ่บอกว่าคนที่นี่ต้องการอนุรักษ์ถิ่นเดิมไว้ จึงไม่มีการสร้างถนนเข้ามา ยังเป็นถนนคนเดินอยู่ เดิมที่นี่เป็นสวนส้ม ผู้ใหญ่เล่าด้วยแววตาที่สดใสเมื่อพูดถึงอดีตว่า สวนส้มที่ปลูกแถบนี้อร่อยมาก (เหมือนส้มบางมด) สมัยเป็นเด็ก หากส้มลูกไหนไม่อร่อยจะไม่กินเลย แต่เดี๋ยวนี้ปลูกส้มไม่ได้แล้ว ต้องปลูกอย่างอื่นแทน ที่เที่ยวที่ผู้ใหญ่แนะนำให้ไปในวันรุ่งขึ้น ได้แก่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งและวัด
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อยู่ห่างจากที่พักไม่มากนัก เดินไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็ ถึง มีผู้คนและของที่นำมาขายมากมาย
ระหว่างทางที่ชมตลาดน้ำเจอบ้านทรงไทย มีป้ายเชิญให้เข้าไปชม มีกาแฟขายก็เลยเดินเข้าไปดู
นำข้อคิดที่ได้จากบ้านหลังนี้มาฝากค่ะ
ของที่ระลึกจากต้นตีนเป็ด
เดินทะลุตลาดน้ำก็ไปเจอกับวัด ที่นี่มีบริการชมวัด 12 วัดในครึ่งวัน มีรถตู้นำเที่ยวโดยไม่คิดเงิน เป็นบริการของทาง อบต. ผู้ใหญ่อาภรณ์เล่าให้ฟังว่า เดิมจัดให้ชม 9 วัด แต่ทาง อบต.ที่มีวัดที่นอกเหนือจาก 9 วัดนี้ ขอเข้าร่วมด้วย จึงเพิ่มเป็น 12 วัด
รถตู้นำเที่ยว เที่ยวสุดท้าย 9 โมงเช้า เราไปถึงรถเพิ่งออกไป เลยต้องรอ สุดท้ายทางผู้จัดจัดให้ไปกับรถสองแถว เพราะมีคนมารออยู่รวมทั้งกลุ่มเราด้วย 10 กว่าคน รถตู้หากรอคงอีกนาน แต่ละคนก็ยินดีไม่มีปัญหา โดยเฉพาะทีมเราชอบลุยอยู่แล้ว
ผู้เขียนเพิ่งไปอยุธยา เที่ยว 14 วัดเกือบ 2 วันเต็ม มาครั้งนี้เที่ยว 12 วัดใน 3-4 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็ลงไปไหว้พระอย่างเดียว เพราะต้องทำเวลา วัดที่ไป เช่น วัดบางขมิ้น วัดจากแดง วัดป่าเกด วัดบางกระสอบ วัดราษฎร์รังสรรค์ เป็นต้น
ทั้ง 12 วัดที่ไป มีเพียง 2 วัดเท่านั้นที่มีไกด์ แห่งแรกเป็นนักเรียน แห่งที่สองเป็นเจ้าหน้าที่จาก อบต. ผู้เขียนคิดว่า วัดสำคัญน่าจะมีไกด์ จะได้ให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวด้วย
เจอโปสเตอร์ ข้อความน่าสนใจเลยถ่ายภาพมาฝากให้ดูกันเล่น ๆ ค่ะ
ดอกไม้จากสถานที่ท่องเที่ยวตามวัดต่าง ๆ
ตกเย็นกลับมานั่งกินข้าวที่ศาลาที่ทำเป็นห้องประชุมด้วย อยู่เยื้องกับบ้านผู้ใหญ่อาภรณ์ อาหารเป็นอาหารเพื่อสุขภาพตามที่พวกเราร้องขอ คือ มีผักน้ำพริกกับปลาทู แม่ครัวแถมแกงจืด...ให้อีก 1 ถ้วยใหญ่ กินกันอิ่มแปร้
ตกกลางคืนได้นั่งเรือออกไปดูหิ่งห้อย สนนราคา คิดเหมา 2 คน 150 บาท, 3 คน 200 บาท, 4 คนคิดคนละ 50 บาท หิ่งห้อยมีเยอะมาก แต่ห้ามถ่ายภาพเลยได้แต่ภาพจากโปสเตอร์มาฝากให้ดูกัน...แบบว่า ใครอยากเห็นของจริงต้องไปดูเองค่ะ
ตอนเช้าประมาณ 6 โมงกว่า ๆ หากตื่นทัน มีบริการเตรียมอาหารให้ใส่บาตรด้วยค่ะ
ค่าบริการบางน้ำผึ้งโฮมสเตย์สนนราคาหัวละ 350 บาทต่อวัน รวมอาหารเช้าอาหารเย็นและอาหารที่ใส่บาตร
เสียดายที่ต้องรีบกลับ ยังไม่ได้ปั่นจักรยานท่องเที่ยวให้ทั่ว แต่แค่นี้ก็ทำให้มีพลังเพียงพอที่จะกลับไปทำงานได้เต็มที่แล้วค่ะ
สวัสดีค่ะ
หนูแอน
โอโห พี่ น่าไปเที่ยวมากๆๆๆ เห็นภาพแล้วอยากไปๆๆๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลยครับ
ติดตามหนอนจิ๋งมาเที่ยวบ้านผู้ใหญ่อาภรณ์
อันอาภรณไดไดไปมาสารพัด
ไม่มีสมบัติเป็นโฮมสเตย์ที่ให้หลง
ถึงแต่งงามตามสมัยไม่มั่นคง
อยู่ยืนยงเหมือนบ้านท่านอาภรณ์
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ
มาเยี่ยม มาเที่ยวตามภาพ ขอบคุณครับ
บรรยากาศโฮมสเตย์บางน้ำผึ้งชอบมากเพราะชอบลักษณะนี้และถ้ามีตลาดน้ำด้วยก็สุดยอดอีกโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างมากกับข้าราชการพลเรือนดีเด่นปีพ.ศ.2553ของดร.สุดารัตน์
แอบมาเก็บตก ภาพบรรยากาศท่องเที่ยวกับพี่หนุ่ยค่ะ
บ้านเรือนไทย น่าอยู่ น่าพักมากๆ ขอบคุณค่ะ
พี่หนุ่ยค่ะ อยากไปตลาดบางน้ำผึ้งมากแต่เห็นพี่บอกมีรถตู้น่ะ ขึ้นที่ไหนค่ะ และออกกี่โมงไปสิ้นสุดปลายทางที่ไหนค่ะ บ้านน้องอยู่แถวนนท์น่ะค่ะ
รบกวนด้วยน่ะค่ะ (อยากไปมากเลย..จะพาคุณแม่ไปเที่ยวน่ะค่ะ)
สวัสดีค่ะ
รถตู้จอดรออยู่ที่วัดแล้วค่ะ นั่ง Taxi หรือ เรือ ตามที่แนะนำข้างบน ไปลงที่วัด แต่ต้องไปเร็วหน่อยถึงวัดก่อน 8 โมงเช้าก็จะดี
สงสัยต้องการข้อมูลเพิ่มเติมถามที่ผู้ใหญ่อาภรณ์ตามเบอร์ที่เขียนไว้ให้แล้ว ขอให้มีความสุขกับการไปเที่ยวกับคุณแม่นะค่ะ