"สายใยโลกกว้าง เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและชุมชนสู่การพึ่งตนเองที่มีศักดิ์ศรี''
ในท่ามกลางความสับสนและวุ่นวายของสังคม ที่มีการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ถูกกระทำโดย ไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้จึงมีอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มเหล่านั้นมักเป็นกลุ่มที่สังคมเพิกเฉยในการช่วยเหลืออันได้แก่ กลุ่มคนรากหญ้า(grass root) กลุ่มคนชายขอบ ชนกลุ่มน้อย ผู้ใช้แรงงาน และแรงงานนอกระบบในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น คนเหล่านี้ จะปรับตัวและอยู่อย่างไร โดยเฉพาะในสังคมสารสนเทศ ยุคนี้
หากมองทั่วไป ส่วนใหญ่มักให้ความเห็นในมางที่การพัฒนาสังคมสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นเรื่องที่ดี และยกระดับสังคม การรับรู้ได้ดีขึ้น ซึ่งก็จริง แต่ยังยอมรับไม่ได้ง่ายนัก เพราะสถานการณ์เวลานี้ เมื่อมองสังคมไทย ยังเห็นว่ามีช่องว่างของข้อมูลข่าวสารมากมายเหลือเกิน คำถามที่ตามมาคือ
ทำไม คนที่ด้อยโอกาสทางสังคม จึงไม่ได้รับการพัฒนาศักยภาพ ให้ทัดเทียมหรือใช้ประโยชน์ จากเทคดนโลยีที่ก้าวหน้า เพื่อการเรียนรู้ที่รวดเร็วกว้างขวางเหล่านั้น
ทำอย่างไร รัฐหรือสังคม จึงจะลดการเอารัดเอาเปรียบด้านข้อมูลข่าวสาร และหันมาดูว่าผู้คนที่ทุกข์ยากและขาดโอกาสเหล่านั้น จะหนุนเสริมเขาอย่างไร
ถึงเวลาหรือยัง ที่จะฝ่าวงล้อม ความจำกัดและการสับสนของสังคม ด้วยการเปิดโลกกว้างด้วยเทคดนโลยีสารสนเทศ ลงสัมผัสและให้คนจน คนด้อยโอกาสเข้าถึง และได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ไม่เว้นบนเวปไซด์ หรือที่ใดๆ ก็ตาม
การจัดการความรู้ จะมีความหมายหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่การแปล การอธิบายที่ชาญฉลาดอยู่ข้างเดียว เป็นส่วนใหญ่ แต่น่าจะมีความหมายถึงการที่คนด้อยโอกาสและผู้เสียเปรียบทั้งหลายบอกกับตนเองได้ว่า เขามีเกียรติและศักศรีเพิ่มขึ้นแล้วในการมีชีวิตต่อไป ร่วมกับผู้คนในสังคม
เมื่อเวลานั้นมาถึง สายใยโลกกว้าง เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและชุมชนสู่การพึ่งตนเองที่มีศักดิ์ศรีคงจะเป็นจริง เมื่อใดหนอ ใครละ จะตอบคำถามนี้