สุดทางแห่ง .. ความทุกข์


ข้าพเจ้าทำงานในสายอาชีพที่พบเจอแต่ความทุกข์ ความเศร้า   ในสายอาชีพนี้ข้าพเจ้าได้พบเห็นการเกิด การแก่ การเจ็บและการตาย อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน    งานการของเราคือการรักษาดูแลคนเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งเป็นความเจ็บป่วยทางร่างกาย ที่มักมีการเจ็บป่วยทางด้านจิตใจและอารมณ์ตามมาด้วยเสมอ   กายป่วยใจก็ป่วย   และเมื่อใจป่วย กายก็ป่วยด้วย

ความทุกข์ความเศร้าจากการเป็นโรคอะไรบางอย่าง  มีให้เห็นได้หลายๆแบบ  และที่ทำให้เรารู้สึกเศร้าไปด้วยทุกครั้งก็คือการรักษาพยาบาลคนไข้ที่เจ็บป่วยมากมายจนไม่อาจเยียวยารักษาได้  เราได้แต่ช่วยประคับประคองอาการไว้ ไม่ให้เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้  คนไข้กลุ่มดังกล่าวคือคนไข้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย  คนไข้ที่เป็นโรคเรื้องรังอะไรบางอย่างและรักษาไม่หาย  เดินเข้าออกโรงพยาบาลทุกวัน ทุกสัปดาห์  จนคนไข้บางคนเบื่อหน่ายการมาโรงพยาบาล เบื่อหน่ายชีวิตตนเอง   ในขณะเดียวกันทีมผู้รักษาก็มีอาการเบื่อหน่ายในการพบเจอคนไข้แบบนี้  ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาขาดจริยธรรมแต่ที่พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายเพราะเกิดความรู้สึกสิ้นหวัง และรู้สึกเหมือนตัวเองล้มเหลวที่ไม่อาจช่วยคนไข้ได้มากไปกว่านี้ 

"ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ "  คือคำกล่าวของพระพุทธองค์ที่เราต่างคุ้นเคยดี  แต่เราไม่ได้ตระหนักรู้อย่างแท้จริงว่า  ลาภอันประเสริฐนี้  มันสำคัญอย่างไร  จนวันหนึ่งที่เราหายใจเองไม่ค่อยได้ต้องพึ่งพา Oxygen  พึ่งพาการใส่ท่อช่วยหายใจ  พึ่งพาเครื่องช่วยหายใจ  จนวันหนึ่งเราเดินไม่ได้ กินเองก็ไม่ได้  ต้องใส่สายให้อาหารทางจมูก  เมื่อเริ่มมีสายน้ำเกลือ  สายอะไรต่างๆ  ติดระโยงระยางกับร่างกายนั่นแหละ ผู้คนทั้งหลายจึงเริ่มจะคิดได้และคิดออก   และเมื่อถึงตอนนั้นเราจะพบว่า  เงินทองอันมากมายก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนอะไรๆให้ดีขึ้นมาได้  เงินเป็นสิบๆล้านในธนาคารก็ไม่อาจซื้อหรือช่วยต่อชีวิตให้ดีเหมือนเดิมได้เมื่อเวลานั้นมาถึง

ข้าพเจ้าเคยดูรายการทางทีวีรายการหนึ่ง   ที่มีพระอาจารย์ไพศาล  วิสาโล  มาออกรายการท่านกล่าวในรายการนั้นว่า  ทุกวันนี้คนทั้งหลายต่างก็รู้อยู่ว่าไม่มีใครหนีความตายได้  แต่พวกเขาต่างก็ยังใช้ชีวิตแบบลืมตายกัน   ข้าพเจ้าเห็นจริงตามที่ท่านว่า  เพราะเท่าที่สังเกตดู  ไม่เห็นมีใครจะเตรียมตัวเผชิญกับความตายแต่อย่างใด   แม้จะกลัวตายแต่ก็ใช้ชีวิตแบบลืมตายกันจริงๆ

 

ข้าพเจ้ามีคนไข้คนหนึ่งในความดูแล  คุณลุงเป็นมะเร็งและรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เมื่อห้าปีืี่ที่แล้ว  เมื่อไม่นานมานี้มะเร็งดังกล่าวได้ลุกลามเข้าไปยังกระดูก  แม้ว่าคุณลุงจะผ่านการรักษาไปครบทุกอย่าง  ตั้งแต่การผ่าตัด  การฉายแสง  และรักษาตามขั้นตอนที่หมอแนะนำทุกประการ  ทว่าเมื่อมะเร็งลุกลามไปไกลคุณลุงก็เข้าใจดีว่า  เกินกว่าจะรักษาเยียวยาแล้ว   ที่มีและเป็นอยู่ขณะนี้ คือการรักษาแบบประคับประคอง  และรอเวลาเท่านั้น

จิตใจและอารมณ์ของคนไข้หลายคนไม่อาจรับสภาพที่เป็นอยู่ได้  แต่คุณลุงท่านนี้รับมือกับมันอย่างสงบ  แม้จะเดินไม่ได้  ขยับพลิกตัวก็ไม่ได้  และเมื่อขยับตัวทุกครั้งจะมีอาการเจ็บปวดอย่างมากมายตามมา   แถมมีแผลกดทับจากการพลิกตัวไม่ได้ขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง แต่คุณลุงก็นอนอยู่บนเตียงอย่างสงบ ไม่ร้องครวญครางใดๆ   และยิ่งนานวันที่อยู่ดูแลรักษาไป   ท่ามกลางโรคร้ายที่กำลังลุกลามต่อไปนั้น คุณลุงกลับมีใบหน้าแจ่มใสขึ้นเรื่อยๆจนน่าประหลาดใจ  ดวงตาของคุณลุงแจ่มใสและมีประกายเสียยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้ป่วยไข้ ด้วยซ้ำ

ข้าพเจ้าถามคุณป้าผู้เป็นภรรยาว่า คุณลุงเคยทำสมาธิภาวนาไหม๊  คุณป้าบอกว่าตอนที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้คุณลุงเคยไปฝึกสมาธิภาวนาแถวอีสาน  ตอนนั้นยังเดินได้ดีเป็นปกติ   ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่าคุณลุงสืบเนื่องการปฎิบัติอย่างไร  แต่จากที่เห็นและเป็นอยู่ข้าพเจ้าว่าคุณลุงกำลังสืบเนื่องการปฎิบัติอยู่

เมื่อข้าพเจ้าถามว่า " คุณลุงตอนนี้หายใจเข้าก็รู้ว่ากำลังหายเข้า  หายใจออกก็รู้ว่ากำลังหายใจออกใช่ไหม๊ค่ะ"   คุณลุงตอบว่า " ครับ  รู้ครับ"  ในคำตอบนั้น ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจของคุณลุงจากสายตาแว่บหนึ่งที่แสดงออกมา 

มันเป็นความทุกข์ล้วนๆ ที่ปรากฏอยู่  แต่ข้าพเจ้าพบว่าคุณลุงกำลังแสดงธรรมบางอย่างให้เราทั้งหลายได้รับรู้   ข้าพเจ้าว่านี่คือที่สุดแห่งความทุกข์ของกายสังขาร  ความทุกข์ในร่างกายที่เราทั้งหลายยึดมั่นถือมั่น    ถ้าเป็นในผู้บรรลุธรรมระดับสูง  ครูบาอาจารย์จะกล่าวว่า พวกท่านเหล่านั้นจะมองดูร่างกายของตนเองที่กำลังจะตายอย่างสงบ    แต่สำหรับคนธรรมดาสามัญที่ยังยึดเหนี่ยวร่างกายและจิตใจของตนไว้  ย่อมเกิดทุกข์มหาศาล 

 แต่กรณีของคุณลุงท่านนี้ข้าพเจ้าว่าไม่ธรรมดา  เพราะคุณลุงยังสงบนิ่งได้ท่ามกลางความทุกข์อย่างที่สุดของร่างกายตนเอง    การให้ยาระงับปวดนั้นช่วยได้ไม่มากมายนัก  ยิ่งคนไข้ที่จิตใจร้อนรนกระวนกระวาย  ยาระงับปวดที่แรงที่สุดก็ไม่อาจช่วยได้เลย  แต่สำหรับคนไข้ที่รักษาจิตใจของตนเองไว้  เขาจะทนปวดได้ในระดับหนึ่ง  คุณลุงท่านนี้ก็เช่นกัน

คุณลุงกำลังอยู่ในความทุกข์  และเป็นทุกข์ที่กำลังรอเวลาให้ไปถึงที่สิ้นสุด..

วันหนึ่งข้าพเจ้าถามคุณลุงว่า    " คุณลุงอยากใส่บาตรไหม๊   โรงพยาบาลเรามีพระเดินผ่านเข้ามาบิณฑบาตร ทุกเช้า  และเดินผ่านข้างๆตึกนี้ทุกวัน  ถ้าคุณลุงต้องการเรานิมนต์ท่านให้แวะเข้ามารับบาตรได้ ท่านไม่ว่าอะไรหรอก "     คุณลุงบอกว่า       " ครับ  ผมอยากถวายผ้าอาบน้ำฝน  ถ้าใส่บาตรก็ใส่ขนมหวานคงจะดี "     พอข้าพเจ้าแจ้งเรื่องนี้กับคุณป้าซึ่งเป็นภรรยาทราบ  คุณป้าก็จัดเตรียมสิ่งของให้

ข้าพเจ้ากับกัลยาณมิตรที่สนิทกันจึงไปนิมนต์พระอาจารย์เพทายจากวัดบนดอย    พระอาจารย์เป็นผู้ที่มานำภาวนาให้สังฆะเราถึงสองครั้ง  และท่านก็เดินบิณฑบาตรผ่านเข้ามาในโรงพยาบาลทุกวันอยู่แล้ว   หลวงพี่ท่านรับนิมนต์แล้วถามถึงอาการคนไข้    เราจึงแจ้งให้ท่านทราบโดยย่อ  แล้วเช้าวันต่อมาท่านก็เดินมายังตึกคนไข้ของเราเพื่อมารับบาตร

เราไม่ได้ตระเตรียมอะไรมากมาย   เพราะเพียงหวังว่าจะให้คุณลุงได้ทำบุญใส่บาตรสักครั้งเท่านั้น  แต่เมื่อพระท่านเดินเข้ามาในตึก ทั้งคุณพยาบาล  ทั้งคนไข้เตียงข้างๆ  ทั้งญาติคนไข้ต่างกระวีกระวาดนำของเยี่ยมที่พอมีพอหาได้ในตอนนั้นมาใส่บาตรกันมากมาย    แม้กระทั่งคนไข้หลังผ่าตัดใส่ติ่งของข้าพเจ้าที่อยู่เตียงข้างๆ  ก็พยายามผืนความเจ็บปวดแผล  ลุกขึ้นมาใส่บาตรกับพระท่านด้วย เช่นกัน  

หลังรับบาตรและให้พรแล้ว  พระอาจารย์ก็ได้พูดคุยกับคุณลุง  ท่านถามว่าคุณลุงรู้สึกอย่างไร  เจ็บตรงไหนบ้าง  คุณลุงบอกว่า    " ผมมีเจ็บอยู่บ้าง  แต่ข้างในไม่เป็นไร    ผมไม่กังวลและไม่กลัวอะไร  ผมไม่ห่วงอะไรแล้ว  อันที่จริงอยากให้ถึงเวลาเร็วๆด้วยซ้ำ"    พระอาจารย์กล่าวว่า     " โยมไม่ต้องไปเร่งมันหรอก  ให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของมัน  แต่เมื่อถึงเวลาให้โยมนึกถึงสิ่งที่ดี  นึกถึงคุณความดีต่างๆ ที่เราเคยทำไว้  ให้นึกถึงวันนี้ไว้นะ "    ข้าพเจ้าได้ยินดังนั้นก็อดที่จะน้ำตาซึมไปกับคุณลุงไม่ได้

หลังจากที่พระอาจารย์เพทายกลับไปแล้ว  คุณลุงยิ้มแล้วบอกว่า  " สบายใจ  ผมสบายใจ"

บางครั้งข้าพเจ้าก็อดนึกเปรียบเทียบไม่ได้ว่า  สำหรับใครสักคนที่ชีวิตไม่มีความหวัง ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่  ไม่มีอนาคตที่จะเดินได้อีกต่อไป  และไม่อาจหายจากโรคร้ายนี้อีกแล้ว  มีแต่เพียงการนอนรออยู่บนเตียงและรอวันตายนั้น   กับคนบางคนที่ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร  แต่ใช้ชีวิตแบบสูดอากาศหายใจไปวันๆ    วิ่งหาความสุขสนุกสนานไปวันๆ  หาความร่ำรวย  หาวัตถุสิ่งของ  หาเกียรติยศชื่อเสียง  และบางคนก็ยังทุ่มเทเวลาไปทั้งชีวิตในการสร้างทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะมีและจะเป็นอะไรต่อมิอะไรมากมายนั้น  เวลาของใครกันแน่ที่เหลือน้อยกว่ากัน  และใครกันแน่ที่เห็นคุณค่าของวันเวลามากกว่ากัน    และใครกันแน่ที่ใช้เวลาที่มีอยู่ ที่เหลืออยู่ในชีวิต ได้คุ้มค่ามากกว่ากัน

คนไข้ของข้าพเจ้าคนหนึ่งกำลังเดินทางไปบนความทุกข์  บนความสิ้นหวัง  แต่กลับมีแววตาที่เปล่งประกายเหมือนตระหนักรู้ถึงคุณค่าและวันเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่    บางทีสุดทางแห่งความทุกข์ครั้งนี้ อาจไม่ใช่ความทุกข์อย่างที่หลายคนหวาดกลัวกัน ...

 

คำสำคัญ (Tags): #ความทุกข์
หมายเลขบันทึก: 290156เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2009 01:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะ

ชอบประโยคนี้จังค่ะ เรารู้อยู่ว่าเราต้องตาย แต่ยังใช้ชีวิตแบบลืมตาย

สวัสดีค่ะคุณณัฐรดา

ชอบใจเหมือนกันค่ะ  เป็นคำกล่าวของพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ค่ะ  และโดนใจมากๆ เลย

ดีจังค่ะ...

ที่ได้อ่านเรื่องราวนี้อีกครั้ง เศร้าอย่างบอกไม่ถูก กับภพชาติที่เราดำเนินอยู่ แต่ปิติ และสาธุกับคุณลุงอีกครั้งค่ะ ...

น้องวี

ตอนนี้คุณลุงก็ยังอยู่ค่ะ แต่อาการทรงๆ ทรุดๆ  เราเตรียมการเรื่อง  End of life care ให้  โดยอ่านจากหนังสือ ถามคนที่เคยไปอบรมมา  เจ้าหน้าที่ทางตึกศัลยกรรมต่าง เริ่มเรียนรู้ว่า ควรจะดูแลคุณลุงอย่างไร   คุณลุงยังยิ้มได้ค่ะ แต่บางวันก็มีความเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากจนน้ำตาไหล  พี่มองเห็นความห่วงใยและความผูกพันธ์ของทีมรักษากับตัวคนไข้   ซึ่งไม่ค่อยจะมีให้เห็นนักในปัจจุบันนี้  นับว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ

ดีจัง...

คนเราเมื่อหยุดความคิดของตัวเองลง แล้วอยู่นิ่งๆ มองช้าๆ ไปกับคนรอบข้าง

และลองนั่งไปอยู่ในใจเขาบ้าง มันทำให้เราอ่อนโยนลงจริงๆ

ขอบคุณ ตึกศย.ที่ได้ทำอะไรที่ดีงาม และให้เกียรติกับจิตวิญญาณของคนที่ใกล้ตัวค่ะ

ไม่ใช่แค่คนไข้หนึ่งคน

ดีๆๆๆ

(บางครั้งในระดับอย่างเราก็ต้องเอาจิตออกนอกตัวบ้างเพื่อพัฒนา ค.อ่อนโยนในจิตใจ)

สวัสดีค่ะ ไม่ได้เข้ามาทักทายหลายเพลา เพราะจัดการเวลาให้กับตัวเองได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีโอกาสได้กลับมาครั้งนี้ดีใจมากเลย ได้สำผัสถึงความมีน้ำใจของหมอที่มีต่อผู้ติดตาม และได้สัมผัสถึงความเข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริงของมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่สนใจจะดูแลตัวเอง และมีน้ำใจแบงปันให้กับเพื่อนร่วมทุกข์ทุกๆคน พี่ขอเป็นกำลังใจให้ทุกบทความของหมอได้รับผลประโยชน์สมดั่งปรารถนา ขอร่วมอนุโมทนากับหมอด้วยคนนะ สาธุ

ระลึกถึงเสมอ

พี่เตือน

อ่านแล้วทำให้ฮึกเหิมในการภาวนามากขึ้น

คนเราจะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้เลย

ต้องรีบเร่งภาวนา ให้สมกับคุณค่าของลมหายใจที่เสียไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท