การป้องกันกำจัดวัชพืช
หลักการป้องกันกำจัดวัชพืช
1. การป้องกัน (prevention)เป็นการป้องกันไม่ให้วัชพืชจากที่อื่นแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่หนึ่ง ๆ
2. การควบคุม (control) เป็นการลดผลเสียหายจากวัชพืชที่เกิดแก่พืชปลูกให้มากที่สุด
3. การกำจัด (eradication) เป็นการทำลายให้หมดสิ้น คือ ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของวัชพืชในพื้นที่นั้นหมดสิ้นไป เพื่อป้องกันการแพร่กระจายและขยายพันธุ์
วิธีการป้องกันกำจัดวัชพืช
วิธีกล (mechanical control)
1.1. การใช้แรงงานคน
การใช้แรงงานคน
- การปลูกพืชที่มีเนื้อที่ปลูกขนาดเล็ก
- การปลูกพืชที่ต้องการการดูแลแบบพิถีพิถัน
- สภาพที่แรงงานหาง่ายและราคาถูก
- สภาพที่ต้องการความปลอดภัย (จากสารพิษตกค้าง)
- สภาพที่วัชพืชไม่ร้ายแรงและไม่หนาแน่น
1.2. การใช้แรงงานสัตว์
เป็นการใช้แรงงานจากสัตว์ใหญ่ในการลากจูงอุปกรณ์ต่าง ๆ พวกไถ และคราด ในการไถพรวน หรือคราดเศษวัชพืช ข้อจำกัดคือ ในสภาพที่มีพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่จะไม่สามารถทำได้ทันเวลา
1.3. การใช้เครื่องทุ่นแรง
เป็นการใช้เครื่องมือในการไถพรวนต่าง ๆติดกับรถแทรกเตอร์หรือรถไถเดินตาม เพื่อทำลายวัชพืชโดยการฝังหรือกลบกล้าต้นวัชพืชลงไปในดิน หรือพลิกเอารากวัชพืชขึ้นมาทำให้ต้นวัชพืชแห้งตาย
1.4. การใช้ไฟเผา
เป็นการกำจัดวัชพืชทุกชนิดในพื้นที่ที่ไม่มีพืชปลูก ช่วยลดปัญหาการงอกของเมล็ดวัชพืชที่อยู่ในดินได้ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อพืช
1.5. การใช้วัสดุคลุมดิน
อาศัยหลักการบดบังแสงเพื่อให้วัชพืชไม่สามารถเจริญเติบโตหรืองอกได้ วัสดุที่ใช้ เช่น ฟางข้าว ใบไม้ กาบมะพร้าว ใบอ้อย ขี้เลื่อยกระดาษ พลาสติก นอกจากลดปัญหาวัชพืชแล้วยังช่วยรักษาความชื้นในดิน ลดแรงปะทะของน้ำฝน และเพิ่มอินทรียวัตถุในดินในกรณีที่เป็นวัสดุธรรมชาติ
วิธีเขตกรรม (cultural control)
เป็นการปฏิบัติในแปลงปลูกเพื่อลดปัญหาการแก่งแย่งแข่งขันของวัชพืชทางอ้อม
2.1. การทดน้ำระบายน้ำ นิยมใช้ในการทำนาดำ วัชพืชหลายชนิดเมื่อถูกน้ำท่วมขังในระยะหนึ่งก็จะตายลง
2.2 การปลูกพืชคลุมดิน
- มีการเจริญเติบโตดีสามารถคลุมผิวดินได้รวดเร็ว เติบโตเร็วกว่าวัชพืช สามารถคลุมดินได้ก่อนวัชพืชเติบโต
- เป็นพืชที่ไม่ทำให้เกิดผลเสียหายแก่พืชปลูกไม่แก่งแย่งกับพืชปลูกมากนัก และเพิ่มความสมบูรณ์ของดิน
- มีอายุการเจริญเติบโตที่ยาวนาน มีอายุข้ามปี ไม่มีปัญหาเรื่องแห้งตายในฤดูแล้ง (ทำให้ไฟไหม้)
- ไม่เป็นแหล่งอาศัยของศัตรูพืช
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อม
2.3 การปลูกพืชหมุนเวียน
เป็นการปลูกพืชต่างชนิดสลับกันไปในรอบปีการเพาะปลูก เพื่อช่วยลดการแก่งแย่งของวัชพืช เพราะว่าการปลูกพืชต่างชนิดกันจะมีวิธีการเพาะปลูก การดูแล การจัดการที่ต่างกัน ทำให้วัชพืชมีความแตกต่างกัน
2.4 การปลูกพืชแซม
เป็นการใช้หน้าดินให้เป็นประโยชน์และลดปัญหาวัชพืชไปในตัว โดยพืชแซมควรมีลักษณะดังนี้
- มีอายุการเจริญเติบโตที่ให้ผลผลิตไม่ยาวนาน
- มีการแตกกิ่งก้านสาขาไม่มาก
- มีระบบรากไม่แผ่กว้าง หรือลึกจนเกินไป
- มีลำต้นไม่สูง
- ไม่มีผลกระทบต่อพืชปลูกทั้งทางตรงและทางอ้อม
- มีตลาดรองรับการจำหน่ายผลผลิต
ชีววิธี (biological control)
เป็นการใช้สิ่งมีชีวิตในการจัดการวัชพืช (แมลง จุลินทรีย์ สัตว์) วิธีนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะควบคุมวัชพืชให้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการลดปริมาณวัชพืชในระดับหนึ่ง ที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหาย
3.1 การใช้แมลงในการควบคุมวัชพืชใช้ผีเสื้อแคคตัส ควบคุมกระบองเพชรในออสเตรเลีย
ด้วงเจาะเมล็ด Acanthoscelides puniceus และ Acanthoscelides quadridentatus นำมาจากออสเตรเลียเพื่อควบคุมไมยราบยักษ์
3.2 การนำจุลินทรีย์มาควบคุมวัชพืช
นำเอาจุลินทรีย์เชื้อสาเหตุโรคพืชบางชนิดมาควบคุมวัชพืช เช่น Alternaria eichhornia , Myothecium roridum และ Rhizoctonia solani มาควบคุมผักตบชวา
3.3 การนำสัตว์มาควบคุมวัชพืช
เป็นการนำสัตว์มาควบคุมการแพร่ระบาดของวัชพืช เช่น การนำหอยทาก Marisa cornuarietis มาควบคุม สาหร่ายพุงชะโด
การใช้สารเคมี (chemacal control)
การใช้สารเคมี หรือที่เรียกว่า สารกำจัดวัชพืช (herbicide)
วิธีการผสมผสาน (integrated control)
นำเอาวิธีการกำจัดวัชพืชแบบต่าง ๆ มาใช้ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้เกิดความปลอดภัย ลดต้นทุน และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เรียกว่า การป้องกันกำจัดวัชพืชแบบผสมผสาน (integrated weed control)
อ่านแล้วเป็นแนวคิดที่ดี ขอบคุณที่เสนอความรู้
ก็ดีนะให้ความรู้ดีมาก