เมื่อลูกหลานชาวไร่ชาวนาทิ้งไร่นาไปเป็นกรรมกร


 

 

เมื่อลูกหลานชาวไร่ชาวนาทิ้งไร่นา
ไปเป็นกรรมกร


click to comment

     

  ที่เพชรบุรีชาวไร่ชาวนาเขาคุยให้ฟังว่า "หมดคนรุ่นฉันแล้ว จะไม่มีคน ทำไร่ ทำนา และขึ้นตาล แล้ว"

       ลองถามเขาต่อว่าทำไม  เขาก็ว่า "ลูกหลานฉัน มันเรียนหนังสือจบมัธยม จบปริญญา มันทำไร่ ทำนา ขึ้นตาลไม่เป็นหร็อก"

       "นอกจากมันทำไม่เป็นแล้ว  มันยังไม่อยากทำอีกด้วย  การทำไร่ ทำนา ขึ้นตาล มันต้องลำบากตรากตรำ ต้องเป็นคนทนแดด ทนฝน อย่างพวกฉัน มันคุ้นเคยมาตั้งแต่เล็ก ๆ หลังฉันมันไม่กล้วฟ้า กลัวฝน ตีนมือมันก็ไม่กลัว ขี้แก้ ไม่กลัวด้ามจอบ ด้ามเสียม หรือ ตาพะอง" เขาร่ายยาวให้ฟังอย่างมีเหตุผล

      "ที่สำคัญ ฉันเองก็ไม่สนับสนุนให้มันทำ จะทำไปทำไม เวลาทำก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด สุดท้าย ยังต้องขาดทุนเป็นหนี้ เป็นสินเขาอีก ยิ่งทำ ยิ่งจน พ่อค้า แม่ค้า เจ้าของโรงสี รวยเอา ๆ จะลำบากเพื่อให้คนอื่นเขาร่ำรวยอยู่ทำไม ให้มันไปเป็นลูกจ้างเขาในเมือง ทำงานปูน ทำงานโรงงาน ไปเดินกอล์ฟ เป็นบ๋อยอยู่ตามโรงแรม ไปค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆแถบชายทะเล ยังจะดีกว่าทำไร่ทำนา  อย่างฉันนี่ถ้าไม่ติดว่าอายุฉันมันปูนนี้เข้าไปแล้ว ฉันก็จะไปรับจ้างเขากินเหมือนกัน แก่แล้ว ไปทำงานแบบนั้นฉันอายเขา ฉันเลยต้องทน ๆทำไป ...
       ...ยังไง ๆ คนอย่างพวกเรา มันเกิดมาเป็นขี้ข้าเขาอยู่แล้ว  ขอให้ลูกหลานฉันมันสบายบ้างเถอะ  ไปเป็นลูกจ้างเขาได้วันละ  170  ถ้ามี OT ก็ได้อีกชั่วโมงละ  30 บาท วันไหนมี OT จะได้เพิ่มอีก  60 บาท เดือน ๆหนึ่งได้ราว ๆ 5 ถึง 6 พันบาท ถ้าได้ปริญญาก็ทำงานสบายขึ้นหน่อย ยิ่งถ้ามันเป็นคอมฯเขาให้เงินเดือนมันเป็นหมื่น มันก็สบายกว่าทำไร่ ทำนา หลายเท่า  ไม่ต้องลงทุน ได้แน่ ๆทุกเดือน ทำงานในร่ม ไม่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ครูว่า ฉันคิดผิดหรือคิดถูก
"เขาสาธยายต่ออีกยืดยาว แล้วทิ้งคำถามสุดท้ายไว้ให้ผมกลับมาคิดต่อจนปวดหม็อง ก็ยังตอบไม่ได้

        "...ครูว่า ฉันคิดผิดหรือคิดถูก"

 


click to comment

 


 

paaoobtong
18/08/52
9:53

 

       

 

หมายเลขบันทึก: 288613เขียนเมื่อ 18 สิงหาคม 2009 09:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • สังคมมันเปลี่ยนไปจริงๆๆด้วยครับ
  • ไปโทษชาวบ้านก็ไม่ได้
  • แต่ผมยังชอบทำสวนทำไร่อยู่ครับ
  • คิดถึงอาจารย์ครับ
  • http://gotoknow.org/blog/yahoo/255948
  • http://gotoknow.org/blog/yahoo/255178

สวัสดีค่ะ

  • อาจารย์สบายดีนะคะ
  • อ่านบันทึกของอาจารย์แล้ว..ก็เหมือนกับคนในชุมชนของโรงเรียนที่ครูคิมอยู่ค่ะ
  • คิดแบบเดียวกันเลยค่ะ

สวัสดี ครับ

อาจารย์

P paaoobtong

การศึกษา ช่วยให้คนรู้สึกถึง ความมีค่าในตัวตนสูงขึ้น

การศึกษา ช่วยประคับประคอง ให้คนคิดได้

แต่การศึกษา อาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลง คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ได้...ผมเชื่อของผมอย่างนี้

อาจเป็นเพราะ การปลูกฝัง จิตใจคน ด้วย จิตสำนึกที่ดีนั้น ต้องใช้เวลา.... ความคิด เปลี่ยน.... เวลาเปลี่ยน

ทุกวันนี้ ....ผมอาจทำสวนสู้พ่อไม่ได้ ....

แต่ผมก็ซึบซับ  ความคิดของพ่อไว้เยอะ ครับอาจารย์

พ่อ บอกว่า...ต้นไม้ คือชีวิต ของพ่อ

              ...เมื่อพ่อลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว....

              ...ลูก ก็จะยังคงได้เห็น พ่อ อยู่....

ผมมีเวลา ผมก็จะเข้าสวน ทำเท่าที่ผมทำได้ มีความสุข ครับ อาจารย์

เอาลองกองมาฝาก อาจารย์ ครับ

สวัสดีอาจารย์ขจิต ครูคิม และคุณแสงแห่งความดี

  • ผมมาคิดถึงว่า เมื่อไร่นาไม่มีคนทำ แล้วใครจะเป็นคนผลิตข้าวปลาอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ 
  • คนผลิตก็คงเปลี่ยนมือไป จากเกษตรกรรายย่อยแบบปัจจุบันไปเป็นเกษตรกรรายใหญ่ที่อยู่ในรูปของกลุ่มทุน ที่เป็นบริษัท ใช้เครื่องมือเครื่องจักร หรือเทคโนโลยี่เข้ามาช่วยในการผลิต
  • ลูกหลานชาวไร่ชาวนาในปัจจุบัน  ก็คงแปลงโฉมเป็นกรรมกรกันเต็มตัว  พวกหนึ่งคงเป็นกรรมกรอยู่ในโรงงาน  ส่วนอีกพวกหนึ่งคงเป็นกรรมกรอยู่ในฟาร์มของบริษัทต่าง ๆที่ได้รับสัมประทานดูแลการผลิตผลิตผลการเกษตรชนิดนั้น ๆ
  • ถ้าสภาพการณ์เป็นอย่างปัจจุบัน ผมคิดว่าลูกหลานไทยที่จะมาเป็นกรรมกรอยู่ในฟาร์มก็คงมีจำนวนน้อย คงเป็นแรงงานต่างด้าวมากกว่า 
  • งานกรรมกรในโรงงาน และในฟาร์มต่าง ๆจะมีสักเท่าไร จะเพียงพอต่อกำลังแรงงานที่มีอยู่ในประเทศหรือเปล่า ปัญหาการว่างงานจะมีมากไหม ปัญหาทางสังคมอื่น ๆจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  คุณภาพชีวิตของคนในประเทศจะเป็นอย่างไร ความเหลื่อมล้ำทางสังคมของคนต่างชั้นกันในสังคมจะมีมากไหม อย่างไร ภาพในจินตนาการของผมไม่สวยสดงดงามเลย
  • ผมคิดว่ารัฐต้องมีวาระแห่งชาติในเรื่องของการวางระบบของการบริหารจัดการประเทศของเราโดยเร่งด่วน  จะปล่อยให้ต่างคนต่างคิด ต่างฝ่ายต่างดิ้นรนกันไปคนละทิศละทางแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ได้
  • การเมืองจะเอาอย่างไร เศรษฐกิจจะเอาอย่างไร  และสังคมวัฒนธรรมจะเอาอย่างไร ทั้งหมดต้องประสานสอดคล้องกัน มีเป้าหมาย และวิธีการที่ชัดเจน สอดคล้องกัน  วันนี้พูดได้ว่าเราไม่มีคำตอบในเรื่องเหล่านี้ในระดับชาติ ไม่มีใครตอบได้  นายกฯก็ตอบไม่ได้ นายกร ก็ตอบไม่ได้
  • แต่มีข่าวว่ามีการดึงต่างชาติมาลงทุนในไทย  ต่างชาติมาคว้านซื้อที่ดินในไทยเพื่อการลงทุนทางการเกษตรและอุตสาหกรรม ในขณะที่รัฐบาลก็ชูนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง  ในขณะที่การเมืองมีความขัดแย้งในระดับสถาบัน  เงินกู้หลายแสนล้านยังไม่เห็นทางว่าจะใช้เงินเหล่านี้เพื่อมาทำอะไรที่ชัดเจน นี่คือภาวะของความปั่นป่วนไร้ทิศทาง
  • ชาวบ้านที่อยู่ล่างสุดของประเทศมีทางออกสำหรับตนเอง อย่างที่ผมบันทึกไว้ข้างบน แล้วเขามีคำถามถามผมว่าเขาคิดถูกหรือผิด
  • ผมไม่มีปัญญาจะตอบคำถามยอดยากข้อนี้ของชาวบ้านเขาเลย
  • แต่ผมว่ารัฐต้องมีคำตอบ

paaoobtong
18/08/52
20:20

เรียนท่านอาจารย์ที่เคารพ

ครูต้อยว่ารัฐคงมีคำตอบแหละค่ะ

จะตอบแบบไหนที่คนทั้งประเทศฟังแล้วพอใจ

ส่วนความสูญเสียที่แท้จริงเป็นอย่างไร ผลเป็นอย่างไร

รัฐคงมีวิธีอุบอิบได้ค่ะ

ตอนนี้ต้องฝึกกินข้าวน้อยๆ ให้ท้องมันชิน

ว่าจะหัดปลูกข้าวในกระป๋องสีดูสักที

ไอ้ครั้นจะปลูกที่ป่าชายเลนก็เค็มเกินไป

หากปลูกได้ละก็ชาวคอนโดคงยิ้มน้อยใหญ่

  • อ.ค่ะ มีญี่ปุ่นมาทำนาเกลือ เค้าทดลองเอาผ้าพลาสติกปูลงไปในบ่อ
  • แล้วก็เอาน้ำทะเลใส่ ปล่อยทิ้งให้แสงแดแผดเผาจนแห้ง
  •  แล้วเอาเข้าเครื่องอบ
  • แห้งดีแล้วแพ็คเกลือเม็ดงามขาวสว่างวาบๆ
  • ลงกล่องหอบกลับไปญี่ปุ่น แล้วก็ไม่มาอีกเลย
  • ป่านนี้คงทำนาเกลือที่ญี่ปุ่นสำเร็จไปแล้ว
  • เพื่อนชาวต่างประเทศแถวบรูไนของพี่ชาย
  • ขอให้พี่ชายหาครูไปสอนเขาทำนากุ้ง
  • เขาว่าบ้านเขามีทะเล แต่เขาทำนาเลี้ยงกุ้งไม่เป็น
  • ชาวนากุ้งเราก็หาไอ้ที่จบปริญญษด้านทำนากุ้งไม่ได้อีก
  • โครงการนี้ก็เลยพับไป
  • รอรัฐบาลผลิตคนจบปริญญาด้านการเลี้ยงกุ้ง
  • แล้วค่อยมาติดต่อใหม่
  • ขอบคุณค่ะ

เป้นชาวนาหนะ ดีแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท