หน้าแรก
สมาชิก
PHITSANUWAT TUM S...
สมุด
ทุ่งนา สายลม กอ...
กุ้ง(ความทรงจำเก่...
PHITSANUWAT TUM SAWATDEE
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
กุ้ง(ความทรงจำเก่าๆจากลิ้นชัก)
มีคนบอกว่าคนเรานั้นเก็บความทรงจำไว้ต่างๆไว้มากมายซึ่งความทรงจำของคนเรานั้นจะถูกเก็บไว้เหมือนกับลิ้นชัก แต่ละชั้นก็จะมีความทรงจำแตกต่างกันไป ซึ่งลิ้นชักความทรงจำของเรานั้นจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อเราความทรงจำใหม่ๆเข้ามา ความทรงจำเก่าๆของเรานั้นก็จะถูกทับด้วยลิ้นชักความทรงจำใหม่ แล้วกล่องความทรงจำเก่าๆของเราก็จะลึกลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าความทรงจำของเราจะมีมากสักเท่าไหร่แต่ความทรงจำเก่าๆของเราก็ยังไม่เลือนหายไปไหน แต่มันยังคงอยู่ในซอกใดซอกหนึ่งหรือมุมใดมุมหนึ่งในความทรงจำของเรา มันคงรอเวลาที่จะกลับมาโลดแล่นให้เราได้มีความสุขเหมือนกับเราได้ดูละครย้อนยุคที่มีตัวละครเป็นเด็กหญิงเด็กชายตัวเล็กๆมาแสดงให้เราได้ดู บางครั้งดูไปอมยิ้มไป ...............
กุ้ง
วันนี้อากาศแจ่มใสมากบนท้องฟ้าเป็นสีฟ้าครามมองดูราวกับว่ามีน้ำทะเลขนาดใหญ่ลอยได้อยู่เหนือศีรษะของเราแถมยังมีก้อนเมฆสีขาวรูปร่างต่างๆมองดูราวเหมือนกับมีคนไปเล่นน้ำทะเลบนท้องฟ้าทำให้เพลินไปกับการนั่งดูน้ำทะเลลอยได้อยู่เป็นพักใหญ่ๆเลยทีเดียว แถมบางครั้งก้อนเมฆก็เปลี่ยนรูปร่างได้เองยิ่งทำให้น่าสนุกและน่าตื่นเต้นเพิ่มมากขึ้น.....และนั่นมันก็เป็นเหตุให้ตัวของผมเองคิดถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านมา คิดถึงคนที่เคยพูดคุยเคยรู้จักและเพื่อนสมัยเรียนชั้นประถม.....
มีคนบอกว่าคนเรานั้นเก็บความทรงจำไว้ต่างๆไว้มากมายซึ่งความทรงจำของคนเรานั้นจะถูกเก็บไว้เหมือนกับลิ้นชัก แต่ละชั้นก็จะมีความทรงจำแตกต่างกันไป ซึ่งลิ้นชักความทรงจำของเรานั้นจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อเราความทรงจำใหม่ๆเข้ามา
ความทรงจำเก่าๆของเรานั้นก็จะถูกทับด้วยลิ้นชักความทรงจำใหม่ แล้วกล่องความทรงจำเก่าๆของเราก็จะลึกลงไปเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าความทรงจำของเราจะมีมากสักเท่าไหร่แต่ความทรงจำเก่าๆของเราก็ยังไม่เลือนหายไปไหน
แต่มันยังคงอยู่ในซอกใดซอกหนึ่งหรือมุมใดมุมหนึ่งในความทรงจำของเรา
มันคงรอเวลาที่จะกลับมาโลดแล่นให้เราได้มีความสุขเหมือนกับเราได้ดูละครย้อนยุคที่มีตัวละครเป็นเด็กหญิงเด็กชายตัวเล็กๆมาแสดงให้เราได้ดู
บางครั้งดูไปอมยิ้มไป
...............
อากาศช่วงเดือนกุมภาพันธ์อากาศที่บ้านเริ่มจะร้อนแล้วแสงแดดเจิดจ้าส่องความอบอุ่นมายังท้องน้ำอันใสสะอาดลมพัดเอื่อยๆมาเป็นระยะๆกระทบกับแม่น้ำทำให้เป็นเกลียวคลื่นลูกเล็กเรียงกันไปกระทบฝั่งและหาดทราย
เด็กๆ 5
คนกำลังเดินพูดคุยกันมาอย่างสนุกสนานกำลังเดินมายังแม่น้ำ เด็กชายเสือโตที่สุดในกลุ่มมีน้องชื่อเด็กชายอ่ำ
เรียนห้องเดียวกับเด็กหญิงนิดและเด็กหญิงแจ็ค
น้องชายของเด็กหญิงนิดอายุน้อยที่สุด ชื่อเด็กชายเบ้
ทั้ง 5 คนในมือจะถือสวิงคนละอันและมีข้อง สำหรับใส่กุ้งหอยปูปลา
เพราะว่าวันนี้เด็กเขาชวนกันไปช้อนกุ้งกัน
“
พี่เสือวันนี้เราจะไปช้อนกุ้งที่ไหนกัน
”
อ่ำถามพี่ชาย
เสือหันมายิ้มให้น้องชายแล้วพูดว่า
“
วันนี้พวกเราจะพากันไปช้อนที่ แก่งใต้ โน้นเราต้องเดินเลยไร่ตาแปลกไปก็จะถึงแล้ว
”
เด็กทั้ง 5 คน เดินทางมาได้ไม่นานนักก็มาถึงไร่ของตาแปลก บริเวณไร่เป็นทุ่งหญ้ากว้างและมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งสูงพอสมควร ใบสีเขียว มีลูกสีเขียวและสีม่วงเข้ม พอเด็กๆเห็นก็พากันวิ่งกรูเข้าไปเสือจึงตะโตนบอกว่า
“
พวกเอ็งไม่ต้องรีบกันหรอกตอนกลับค่อยแวะมาขึ้นเอาก็ได้ แต่ตอนนี้รีบไปช้อนกุ้งดีกว่าเดี๋ยวคนอื่นช้อนไปก่อนแล้วพวกเราจะไม่ได้กุ้งนะ
”
เด็กหญิงแจ๊คตะโกนออกมาเสียงดังทันที
“
พวกเราอยากจะกินหมากเก็น ถ้ารีบก็ไปก่อนเลย เดี๋ยวพวกเราจะตามไป
”
“
ถ้าอย่างนั้นกูไปก่อนนะ ถ้าพวกมึงได้กุ้งน้อยแล้วอย่ามาว่ากูไม่เตือน
”
เสือกันน้องจึงเดินตรงไปยังท่าน้ำพอเดินลงไปจะเห็นแม่น้ำซึ่งเป็นแม่น้ำสายที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำแห่งนี้มาช้านาน วันนี้ก็เช่นกัน อากาศแจ่มในท้องฟ้าโปร่ง มีก้อนเมฆสีขาวรูปร่างต่างๆลอยไปลอยมาเต็มท้องฟ้า พื้นน้ำใสสะอาดเห็นปลาตัวเล็กตัวใหญ่ลอยไปลอยมามองดูแล้วอยากจะลงไปเล่นน้ำให้ชุ่มช่ำเหมือนปลาเหล่านั้น ลมพัดเย็นเอื่อยๆเห็นคลื่นน้ำเป็นระลอกๆไหลผ่านไปยิ่งมองยิ่งอยากจะลงไปแหวกว่าย
….
“
อ่ำไปทางโน้นนะตรงที่มันมีน้ำตื้นๆ ไปช้อนหาแมงอี่นิ่ว ส่วนพี่จะไปช้อนกุ้งตรงน้ำไหลเอง
”
“
วันนี้จะช้อนแมงอี่นิ่วไปให้แม่หมกใส่ไข่อร่อยๆให้กินตอนเย็น
”
( คำแมงอี่นิ่ว คือ ตัวอ่อนของแมลงปอ ก่อนที่จะลอกคราบไปเป็นแมลงปอ
”
(
“
ดีเหมือนกันตอนเย็นจะได้กินแจ่วกุ้งกับหมกแมงอี่นิ่วคงจะอร่อยน่าดู พวกนั้นมันมัวแต่พากันเล่นอยู่
เรารีบช้อนเร็วๆวถ้าแยอะแล้วจะได้กลับก่อนพวกมัน
”
การช้อนกุ้งนั้นไม่ยากเลยก่อนอื่นเราจะต้องไปบริเวณที่มีก้อนหิน ซึ่งก้อนหินนั้นจะต้องเป็นก้อนหินขนาดกลางไปถึงใหญ่เพราะว่ากุ้งตอนกลางวันจะหลบอยู่ซอกก้อนหินแต่ตอนกลางคืนกุ้งจะออกมาลอกคราบและหาอาหารกิน
เราจะตั้งสวิงไว้ระหว่างขาของเราซึ่งสวิงจะมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมแล้ววางไว้ตรงหน้าก้อนหิน จากนั้นเราก็ทำการเอาก้อนหินออกแล้วใช้มือกวักหรือตวัดตัวกุ้งที่อยู่อยู่ใต้ก้อนหินให้เข้ามาอยู่ในสวิงของเราแต่จะต้องทำเร็วๆถ้าทำช้ากุ้งจะหนีไปก่อน เสือกับน้องช้อนกุ้งกับแมงอี่นิ่วได้สักพักพวกเด็กทั้ง 3 คนก็เดินลงมา พร้อมกับเอาร้องเท้าสอดเข้ากับสายข้องแล้วผูกติดกับเอว เป็นการป้องกันไม่ให้รองเท้าหาย เสือกับน้องก็ทำเช่นกัน แล้วทั้งสามก็ลงมือช้อนกุ้งโดยการช้อนกุ้งนี้จะต้องช้อนจากข้างล่างแล้วค่อยเดินขึ้นมาเรื่อยๆ
“
เบ้ มึงไปช้อนกับบักอ่ำตรงน้ำที่มันไม่ลึกนะ
เดี๋ยวพี่จะไปตรงน้ำไหลที่มีก้อนหินเอง
”
แล้วนิดกับแจ็คก็พากันตรงไปหาเสือที่กำลังช้อนกุ้งอยู่
“
ได้เยอะไหม
”
แจ๊คร้องถามเสียงดัง
เสือไม่ตอบได้แต่ยิ้มแล้วก็ก้มหน้าก้มตาช้อนกุ้งต่อไป ดวงตะวันเริ่มทอแสงอ่อนสาดส่องลงมาลงมากระทบกับผืนน้ำที่มีเกลียวคลื่นเกิดเป็นแสงระยิบระยับ เด็กทั้ง 5 คน เริ่มจะอ่อนแรงกับการช้อนกุ้งและแมงอี่นิ่ว อ่ำกับเบ้ตอนนี้กำลังเล่นน้ำกันสนุกสนานอยู่ข้างๆริมฝั่ง โดยวางข้องและวิงไว้ในน้ำใกล้ๆฝั่ง
“
ได้เยอะหรือยัง
ทำไมพากันเล่นอยู่ เดี๋ยวก็จะได้กลับบ้านแล้ว
”
เสือตะโกนบอกอ่ำกับเบ้
“
พี่เสืออ่ำได้อี่นิ่วทรายด้วย
เอาไปหมกกับไข่ คงจะได้สัก 2 หมกใหญ่
”
อ่ำตะโกนบอกพี่
“
นิด กับ แจ๊ค
พวกมึงได้หลายหรือยัง กลับบ้านเถอะใกล้มืดแล้ว เดี๋ยวแม่มาจากไร่ไม่เห็นจะเป็นห่วง
”
เสือบอก
แล้วเด็กๆทั้งหมดก็พากันขึ้นจากน้ำเพื่อจะกลับบ้าน
และก่อนที่จะกลับบ้านสิ่งที่จะต้องทำคือจะต้องแลกกันดูว่าใครได้มากได้น้อย
“
โอ้โห
ทำไมได้เยอะเลยพี่เสือเสือ แล้วบักอ่ำได้เยอะกันกันไหม
”
แจ๊คพูดเสียงดังแล้วก็หันมาดูที่ข้องของตัวเองก่อนที่จะทำหน้ามุ่ย
“
มึงได้น้อยเพราะว่ามัวแต่เล่นไม่ได้ตั้งใจช้อน
”
นิดพูด
“
ไม่เป็นไรหรอกหรอก กูจะแบ่งให้มึงเอง
เพราะว่ากูกับน้องสองคนก็ได้เยอะพอสมควรไม่ต้องเสียเวลามาช้อนอีกนี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว เดี๋ยวเราไปอาบน้ำตรงบริเวณตื้นๆ ดีกว่าจะได้ล้างสวิงและล้างตัวด้วย
”
เสือหยิบกุ้งในข้องของตัวเองให้แจ๊ด 1 หยิบมือ แล้ววางลงในข้องของแจ็ค อ่ำมองตามด้วยความเสียดาย
กุ้งตัวใหญ่ที่พี่อุตส่าห์หามาได้ แล้วเด็กๆทั้งหมดก็เดินไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วพากันเดินกลับบ้าน
ระหว่างเดินกลับบ้านพวกเด็กเดินกลับอีกทางเพราะจะได้เก็บผักไปกินกับแจ่วกุ้งผักที่ว่านี้มี 2 ชนิดที่นิยมกินกัน คือผักกูด และผักแดง
ผักกูดที่ริมน้ำแถวบ้านของเสือนั้นไม่เหมือนกับผักกูดที่ขายตามตลาด ที่ขายตามตลาดจะมีขนาดใหญ่แต่ที่บ้านของเสือจะมีขนาดเล็กกว่า จะชอบขึ้นอยู่ตามริมฝั่งใบมีสีเขียวอ่อนแหลมตรงยอดจะงอม้วนเข้าเหมือนกับเลข หนึ่ง ไทย ส่วนผักแดงนั้นจะเป็นเครือเถาว์จะมีหลังจากน้ำลดจะเกิดตามฝั่งเหมืนกันแต่จะอยู่ข้างบนต้นกอไคร้ไม่ได้อยู่ข้างล่างชื่อจริงของผักแดงเสือจำไม่ได้ว่าชื่ออะไรแต่เสือจะเรียกตามลักษณะใบอ่อนที่กินได้จะมีสีแดงออกน้ำตาลรสชาติจะออกมันๆ ถ้าใบแก่จะมีสีเขียว
( กอไคร้ คือ ต้นไม้ที่จะเกิดอยู่ตรงบริเวณที่มีลักษณะเป็นเกาะกลางน้ำหรือมีเนินดิน กอไคร้นี้เป็นพืชที่มีใบแหลมสีเขียวเป็นพุ่มเล็กพุ่มและมีความอดทนสูงมากเวลาน้ำหลากน้ำจะท่วมหมดเป็นเวลาหลายเดือนแต่พอเวลาน้ำลดได้ไม่ได้เจ้ากอไคร้ก็จะแต่ใบสวยงามออกมารับแสงอาทิตย์ได้อย่างน่าประหลาดใจ )
ระหว่างเดินทางกลับบ้านเด็กๆพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนานด้วยความเพลิดเพลินและดีใจที่เย็นนี้จะได้กินอาหารที่ตนเองเป็นคนหามากับมือ ของตนเอง
ค่ำวันนั้น แม่ทำแจ่วกุ้งให้เสือกับอ่ำกิน ทั้งสองกินกันอย่างอร่อย
อ่ำใช้มือล้วงไปในกระติบข้าวเหนียวร้อนๆและจิ้มลงในถ้วยแจ่วกุ้งส่งเข้าปากและหยิบผักกูดและผักแดงใส่ตามเข้าไป เคี้ยวตุ้ยๆเติมปาก
“
กินคำน้อยๆก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอตายกันพอดี ถ้าอร่อยมากวันหลังแม่จะพาไปช้อนเองจะได้เยอะๆ
”
แม่พูดพลางส่งยิ้มให้เสือที่กำลังจ้องมองน้องชายที่พูดไม่ได้เพราะข้าวเต็มปาก
“
ส่วนแม่งอี่นิ่วแม่จะทำหมกใส่ไข่ไว้ให้กินตอนเข้าก่อนไปโรงเรียน
”
แม่พูดแล้วก็ลุกไปยังครัวจัดล้างแมงอี่นิ่วให้สะอาดแป็บเดียวแม่ก็ทำเสร็จห่อด้วยใบตองกลัดด้วยก้านมะพร้าวเรียบร้อยแล้วนำไปย่างบนเตาไฟ เพียงไม่นานกลิ่นหอมของหมกแม่งอี่นิ่วก็โชยมาทำให้น้ำลายไหลอีกรอบจริงๆ
ตอนเช้าหลังจากที่ล้างหน้าแต่งตัวที่จะไปโรงเรียนแม่เรียกให้เสือและน้องมากินข้าวเสือรีบมากินข้าวเพราะกลิ่นหอมของหมกยังหอมฉุยมาแต่ไกล
เพราะแม่น้ำไปอุ่นย่างไฟอีกรอบก่อนจะเอาให้เสือกับน้องกินขณะที่กำลังกินข้าวอยู่นั้นแม่ก็ยกมะขามหวานใส่จานมาให้เสือถามแม่ด้วยความสงสัย
“
แม่เอามะขามหวานมาจากไหน บ้านเราไม่มีมะขามหวาน
”
“
เมื่อเช้ามืดนี้แจ็คมันวิ่งเอามาให้ตั้งแต่เช้ามันบอกว่าแม่มันให้เอามาให้ และขอบใจที่เสือแบ่งกุ้งให้มันเมื่อวานนี้ ลูกเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น แม่ดีใจที่ลูกของแม่เป็นคนดีเมื่อโตขึ้นมันจะเป็นนิสัยติดตัวของเราไปตลอดนะลูก
จำคำของแม่สอนไว้ให้ดี
”
แม่พูดเสร็จแล้ววางจานมะขามลง
เสือได้แต่ยิ้มและเข้าไปกอดแม่ และบอกแม่ว่า
“
ผมจะตั้งใจเรียนและจะเป็นคนดีเชื่อฟังพ่อแม่และครูครับ
”
เสือรู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาเดินไปโรงเรียนในวันนั้นรู้สึกว่ามันเป็นวันที่มีความสุขมากเหลือเกิน...........................
เขียนใน
GotoKnow
โดย
PHITSANUWAT TUM SAWATDEE
ใน
ทุ่งนา สายลม กองฟาง แม่น้ำและความทรงจำ
คำสำคัญ (Tags):
#งานเขียน
#บทความ
#บ้านๆ
#วรรณกรรมสำหรับเยาวชน
#เรื่องสั้น
หมายเลขบันทึก: 288503
เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2009 22:40 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:19 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
PHITSANUWAT TUM S...
สมุด
ทุ่งนา สายลม กอ...
กุ้ง(ความทรงจำเก่...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท