ขอเล่าต่อนะครับ...หลังจากเดินทางมาถึงที่พักชื่ิอโรงแรม traders ครับซึ่งอยู่ใกล้กับ Landmark ของเกาะปีนัง คือ ตึกคอมต้า ก็นั่งพักเหนื่อยสักพักครับ แล้วรีบออกไปหาอะไรทาน พอออกมาจากที่พักก็ลองเดินหาอะไรที่น่า่ทาน ไม่ไกลนักก็พบกับร้านอาหารอินเดียซึ่งขาย Nasri Kandar ซึ่งน่าจะเป็นพวกข้าวแกง และ พวกโรตีครับ
ถ่ายจากห้องพักยามเย็น
พอรู้ว่าเป็นอาหารอินเดีย จากที่ทราบมาคนอินเดียจะกินโรตีกับแกงครับ ก็เลยจัดแจงสั่งโรตี กับ แกงกะหรี่ครับ โรตีที่ทานกับแกงจะไม่เหมือนโรตีบ้านเราที่ไว้ทานเป็นของว่าง แต่จะมีลักษณะนุ่ม เหนียว ไม่หวานครับ ทานกับแกงได้เข้ากันดี ผมทานโรตีไปสองแผ่น บวกกับ ข้าวและแกงอีกสองสามอย่างที่สั่งมาเพิ่ม อิ่มเอาเรื่องครับ
โรตีกับแกงรสอร่อยครับ
พอทานเสร็จก็ไปเดินเล่นต่อที่ตึกคอมต้าที่มีห้างสรรพสินค้าอยู่ด้วย สินค้าก็เหมือนห้างสรรพสินค้าทั่วๆไปครับ พอเดินไปสังพักก็เจอกับแผนที่ของเกาะปีนังที่ไว้แจกนักท่ิงเที่ยว เลยหยิบมาประมาณ2-3แบบครับ เพื่อไว้เป็นguideline สำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้นครับ
บรรยากาศบนท้องถนนยามค่ำ
พอมาถึงที่พัก ศึกษาสถานที่น่าสนใจก็ได้ข้อสรุปว่าพรุ่งนี้เราจะไป Kek Lok Si ครับซึ่งเป็นวัดจีน เพื่อไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมครับ แล้วก็อาบน้ำดูทีวีสักพักแล้วรีบเข้านอนครับ
วันรุ่งขึ้นเรารีบตื่นแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัว แล้วรีบไปรอรถประจำทางครับ รถประจำทางที่นี่เรียกว่า Rapid bus ครับก็เหมือนกับรถปรับอากาศบ้านเราแต่คันจะไม่ใหญ่มากครับ ค่าโดยสารก็ตกประมาณ 1.7-2.4 RM ครับ ซึ่ง 1 RM จะประมาณ 10 บาทครับ บนรถเมล์มีป้ายห้ามที่น่ารักดีครับ คือ ห้ามนำทุเรียนขึ้นรถครับ เพราะกลิ่นอาจรบกวนเพื่อนร่วมทางได้ครับ
บรรยากาศบนรถเมล์ยามเช้า
หลังจากรถสายที่เรารอมาถึงก็รีบขึ้นไปครับ เราไม่ค่อยแน่ใจว่าต้องทำอย่างไร พอขึ้นไปก็บอกที่หมาย คนขับก็จะบอกราคาครับ หลังจากนั้นผู้โดยสารก็จะหยอดเงินที่เตรียมไว้ใส่กล่องเก็บเงินครับ จะไม่มีการทอน ไม่มีกระเป๋ารถ เป็นความรับผิดชอบที่ผู้โดยสารต้องเตรียมเงินให้พอดี และจากนั้นคนขับก็จะฉีกตั๋วให้ครับ
เราใช้เวลาประมาณ 45 นาทีผ่านส่วนเมืองปีนัง ลัดเลาะขึ้นเนินเขาไม่สูงนัก ถนนหนทางไม่กว้างมากนัก บ้านและที่ดินที่นี่ราคาค่อนข้างแพงครับเนื่องจากมีที่จำกัด ถ้าบ้านแถบชานเมืองส่วนใหญ่ก็ประมาณชั้น สองชั้นครับ คนที่พอจะมีเงินก็จะบ้านใหญ่หน่อย หรือว่าซื้อเป็นคอนโดมิเนียมหรู รถส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลครับ มอเตอร์ไซค์กับจักรยานมีบ้างแต่ไม่มากครับ ที่ปีนังถ้าใครมีรถและนำไปจอดในที่สาธารณะจะต้องเสียเงินทุกที่ครับ จะมีคบของรัฐคอยเก็บพร้อมให้ใบเสร็จ หรือว่าเป็นเครื่องหยอดเหรียญแบบอัตโนมัติครับ
พอมาถึงทางขึ้นวัด ก็ต้องเดินเท้าอีกประมาณ 15-20 นาที่ครับเพราะวัดอยู่บนเขาครับ สองข้างทางขึ้นก็เต็มไปด้วยร้านค้าครับ ขายของที่ระลึก และพวกเสื้อผ้า พอขึ้นไปถึงก็เจอเจดีย์สีขาวตั้งตระหง่านครับ
เจดีย์ขาวสูงเสียดฟ้าครับ
รูปปั้นหน้าศาลา
หลังจากนั้นก็เข้าไปในศาลาไปไหว้พระครับ ผู้ที่มาไหว้สักการะจะมีทั้งจุดธูป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นจุดเทียนในกระถางแก้วถวายครับ มีทั้งขนาดเล็กกลางใหญ่ ราคาก็น่าจะมีตั้งแต่ประมาณ 2-10 RM ครับ
จุดเทียนไหว้สักการะพระพุทธรูปครับ
แวะไหว้พระที่ศาลาใหญ่
หลังจากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆครับก็จะเจอศาลา เทพต่างๆ พระพุทธรูป ให้ไหว้สักการะได้ตลอดทางครับ พอเดินไปถึงร้านขายของที่ระลึกของวัดซึ่งอยู่กลางๆทาง เราก็ต้องซื้อตั๋วเพิ่มเพื่อขึ้นรถกระเช้าไปไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิมครับ ค่าโดยสารไป-กลับอยู่ที่ประมาณคนละ 4 RM ครับ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 5 นาทีครับ
พระพุทธรูปรอบศาลาที่ต้องผ่านไปขึ้นกระเช้า
ถ่ายจากกระเช้า
พอขึ้นไปถึงก็จะเจอลานกว้างๆครับ มีเจ้าแม่กวนอิมองค์สีขาวอยู่บนหลังคาศาลาที่พักด้วยครับ พร้อมกับมีศาลาใหญ่ให้คนเข้าไปกราบสักการะ
ศาลาใหญ่อีกที่ครับ
แต่ที่สำคัญ คือองค์เจ้าแม่กวนอิมที่สูงใหญ่มากๆครับ น่าจะมากกว่าตึก 10 ชั้นจากประมาณด้วยสายตา แต่ช่วงนี้ทางวัดทำการต่อเติมศาลามีหลังคาอยู่ครับ ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้างๆองค์เจ้าแม่กวนอิมมีเทพองครักษ์สององค์ด้วยครับ
องค์เจ้าแม่กวนอิม
ถ้าต่อเติมหลังคาเสร็จแล้วจะประมาณนี้ครับ
สาวไทยที่ไปกับผมครับ
วันนี้ขอแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป น่าจะมีตอนต่อไปอีกครับ...