ท.ณเมืองกาฬ
นาย ทรงศักดิ์ พิราบขาว ภูเก้าแก้ว

สุดยอดนางเอก พระเอกหนังไทยยอดนิยมในอดีต


ดารายอดนิยมในอดีต

  

สุดยอดนางเอก  พระเอกหนังไทยยอดนิยมในอดีต

 

        ผมหาภาพสวยๆ ของพระเอก นางเอก ในอดีตมาให้ชมครับ  พยายาม เรียงจากอดีตที่เก่าที่สุดมา  หากผิดพลาดประการใด ขอช่วบทักท้วงด้วยน่ะครับ  เนื่องจากผมเกิดไม่ทันครับ

วิไลวรรณ  วัฒนพานิช

แสดง เรื่องแรก สาวเครือฟ้า 2495 และได้รับตุ๊กตาทองจากการประกวดครั้งแรก ในปี 2500

เธอมีงานแสดงมาเรื่อย ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา และยังแสดงอยู่จนสูงวัยเลยน่ะครับ

รัตนาภรณ์  อินทรกำแหง

โด่งดังในบท แก่นแก้ว  เป็นนางเอกมาตั้งแต่ยุค 2495   เธอแสดง เรื่องแรกคือ เรื่อง นิทรา - สายัญ

เธอเป็นนักแสดงคุณภาพอีกคน ที่มีผลงานการแสดงมาโดยตลอดครับ

เสียชีวิตแล้วเมื่อปี 2549 ขณะมีอายุ 74 ปี

 

อมรา อัศวนนท์

เธอมาจากเวทีประกวดนางสาวไทย 2496 ได้รองอันดับหนึ่งครับ

เธอแสดงหนังไทยเรื่องแรก ปริศนา 2498และ เรื่อง เล็บครุต  ทำให้โด่งดังและได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง ในปี 2501 เป็นหนังที่โด่งดังมาก จากบทประพันธ์ของพนมเทียน

อมรา เป็นนักแสดงเจ้าบทบาท  และยังอยู่ในวงการมาอย่างยาวนาน ใน 2 ปีก่อน ยังแสดงหนังเรื่อง คน ผี ปีศาจ เลยครับ  คงพอนึกออกน่ะครับว่าเล่นเป็นตัวไหน 

เพชรา  เชาวราษฎร์

นางเอกนัยตาหยาดน้ำผึ้ง เริ่มเข้าสู่วงการจากตำแหน่งนางงาม เมษาฮาวาย  แสดงเรื่องแรก บันทึกรักพิมพฉวี  2504 โด่งดังเป็นดาราคู่ขวัญ มิตรชัย  บัญชา มาตั้งแต่ปี 2505  จนกระทั่งมิตรเสียชีวิต  เธอก็ยังมีงานแสดงในบทนางเอกคู่กับ พระเอกยอดนิยมอีกมากมาย 

จนกระทั่งเกิดปัญหาทางสุขภาพ จึงเลิกการแสดงไป

พิสมัย  วิไลศักดิ์

แสดง เรื่องแรก  การะเกด  เนื่องจากเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป  และในเรื่องมีบทต้องรำด้วย  จึงได้รับคัดเลือกเข้ามาแสดง

ปัจจุบัน ยังเป็นนักแสดงคุณภาพประดับวงการบันเทิงไทย

โสภา สถาพร

เรื่องแรก เอื้อมเดือน 2506  โสภา สถาพร รับบทนางเอกเต็มตัวในเรื่อง ศึกเสือไทย (2508) คู่กับ สมบัติ เมทะนี  

 ในระยะหลัง โสภา สถาพร มีผลงานแสดงน้อยลง ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเธอคือเรื่อง ลูกเจ้าพระยา (2520) คู่กับสมบัติ เมทะนี และ เพชรา เชาวราษฎร์  

โสภา สถาพร เสียชีวิตที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2549 ขณะมีอายุ 59 ปี

สุทิศา  พัฒนุช

รองนางสาวไทย พ.ศ. 2508 พระองค์เจ้าภานุพันธ์ยุคลแห่งอัศวินภาพยนตร์ ชักนำให้มาเป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่อง‘เป็ดน้อย’ ร่วมกับไชยา สุริยัน

สุทิศา มีผลงานรวมหนังรวมทั้งสิ้นเกือบหนึ่งร้อยเรื่อง เลยครับ

ภาวนา  ชนะจิต

ได้ฉายา "ไข่มุกแห่งเอเซีย"  เข้าวงการเล่นหนังเรื่องแรก คือแสงสูรย์ 2503 โดยประชันบทบาทกับอมรา อัศวนนท์ และ มิตร ชัยบัญชา และได้รับรางวัลดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมในการประกวดตุ๊กตาทอง
เล่นคู่กับพระเอกหลาย ๆ คน เช่น มิตร ,ไชยา สุริยัน, สมบัติ เมทะนี ฯลฯ และ เป็นดาราคู่ขวัญกับ ยอดชาย  เมฆสุวรรณ
หลังจากที่อยู่ในวงการมาเป็นสิบปีแล้ว เธอนับเป็นนางเอกคนหนึ่งที่ยังคง ความเป็นเด็กสาวไว้ ถึงแม้จะประกบคู่กับดาราที่อายุน้อยกว่า เธอก็มักจะต้องเล่นเป็นบทที่เด็กกว่าอายุจริง

อรัญญา  นามวงศ์

เข้าวงการบันเทิงด้วยการประกวดนางงาม พ.ศ.2507 เป็นรองนางสาวไทยปีที่ อาภัสรา หงษ์สกุล ครองมงกุฎ เข้าสู่วงการภาพยนตร์ เรื่องแรกคือ "แสนพยศ" แต่ที่ออกฉายก่อนและทำให้โด่งดังคือ "อีแตน" (2511) เมื่อจับคู่ สมบัติ เมทะนี เป็นคู่ขวัญคู่ใหม่ของวงการภาพยนตร์ไทยแทนที่ มิตร-เพชร
สมรสกับ เศรษฐา ศิระฉายา  นักร้องและพิธีกรชื่อดัง ปัจจุบันอายุ 60 ปี แล้วครับ ใครจะเชื่อ
นับว่าเป็นนางเอกได้ยาวนานที่สุด แสดงภาพยนตร์ ในบทนางเอก  ถึง  200 กว่าเรื่อง  มีผลงานแสดงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน

นัยนา  ชีวานันท์

เคยได้รับรางวัลจากการประกวด มิสแฟซ่า (ชื่อยี่ห้อ ยาสระผม) จนมีแมวมองจากค่าย ละโว้มาพบ ได้ทาบทามร่วมแสดงหนังกับค่าย ปรางค์สามยอด

ในเสน่ห์แห่งนัยตาที่ไร้เดียงสา ความสดใส ทำให้แจ้งเกิดบนจอภาพยนต์ เรื่อง "มันมากับความมืด" คือหนังเรื่องแรก   
และมาดังเป็นพลุแตกจากนวนิยายดัง "แหวนทองเหลือง"
ได้ชื่อว่าเป็นนางเอกหน้าหวาน  และมักจะเล่นบทเรียบร้อย  เล่นเป็นนางเอกมาตลอด  2514-2521 จนค่อยๆ เฟดไป

  เธอและเขา เหล่านี้หายไปไหน

                    คุณคิดถึงผลงานของพวกเข้าเหล่านี้บ้างหรือไม่ ?  เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลและผลงานบางส่วนมาให้คุณได้รำลึกถึง ผลงานเก่าๆที่นักแสดงชื่อดังเหล่านี้ได้สร้างชื่อและทำผลงานให้ไปเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในอดีต ซึ่งเราเชื่อว่าผลงานบางเรื่องที่พวกเขาเหล่านี้ได้สร้างขึ้นยังตราตรึงให้ความทรงจำของใครหลายๆคน

 

  

 

อดุลย์ ดุลยรัตน์ 

อดุลย์ ดุลยรัตน์ เจ้าของฉายา พระเอกแก้มสีชมพู เมื่อครั้งอดีต ฉายานี้ไม่ได้ออกมาแพร่หลายข้างนอก
จะถูกเรียกกันแต่ในเฉพาะดารานักแสดง ผู้ที่ตั้งฉายานี้ขึ้นมาก็คือ ป้าแดง รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง
พราะทุกครั้งที่อดุลย์อายหรือเขิน แก้มทั้งสองข้างของอดุลย์จะแดงเป็นสีชมพู เพราะเป็นคนพูดน้อยถ่อมตน
แถมขี้อายเลยมักจะเห็นอดุลย์  มีแก้มสีชมพูบ่อย ๆ อดุลย์คือพระเอกที่มีผลงานแสดงมากที่สุด
คือช่วง ปี พ.ศ.2500ถึง 2503

ผลงานการแสดง :
- ภาพยนตร์เรื่องแรก “ปาหนัน” พ.ศ. 2496 ภาพยนตร์ 16 มม. ผลิตโดย บริษัท ไทไตรมิตร จำกัด
- ภาพยนตร์ เรื่อง “ปรารถนาแห่งหัวใจ” กำกับโดย วิจิตร คุณาวุฒิ
- ภาพยนตร์ เรื่อง “ดรุณีสีเลือด” กำกับโดย ส. อาสนจินดา
- ภาพยนตร์ เรื่อง “เพชรตัดเพชร” พลิกบทบาทเป็นบทร้ายครั้งแรก
- ภาพยนตร์ เรื่อง “7 ประจัญบาน” กำกับโดย ส. อาสนจินดา
- ภาพยนตร์ เรื่อง โหมโรง

 

 

 

 

  

 

 

มิตร ชัยบัญชา

เป็นพระเอกภาพยนตร์ไทยที่มีผลงานในช่วงปี พ.ศ. 2500 - 2513 ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ 16 มม. มีผลงานทั้งสิ้น 266 เรื่อง  ผลงานเรื่องแรกคือเรื่อง ชาติเสือ โดยในปี พ.ศ. 2508 รับพระราชทานรางวัลดาราทอง จากภาพยนตร์เรื่อง เงิน เงิน เงิน และ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้เป็นประวัติการณ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 ภาพยนตร์เรื่อง  มนต์รักลูกทุ่ง ของ รังสี ทัศนพยัคฆ์  เป็นภาพยนตร์เพลงลูกทุ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก  สามารถทำรายได้มากกว่า 6 ล้านบาทและยืนโรงได้นานกว่า 6 เดือนในกรุงเทพ

 

 

ไชยา สุริยัน   

 

นักแสดงเจ้าบทบาท เจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม 3 ปี ซ้อน ระหว่างปี พ.ศ. 2505-2507  เข้าสู่วงการโดยการชักนำของ สุรพงศ์ โปร่งมณี และ ศิริ ศิริจินดา แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเรื่อง เห่าดง บทประพันธ์เรื่องแรกของ พนมเทียน คู่กับอมรา อัศวนนท์ ในปี พ.ศ. 2500  และ เป็นพระเอกคนแรกที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง 3 ปีซ้อน ในปี 2505 จากเรื่อง เรือนแพ, ปี 2506 จากเรื่อง ภูติพิศวาส คู่กับ เพชรา เชาวราษฎร์ และปี 2507 จากเรื่อง ธนูทอง คู่กับ พิศมัย วิไลยศักดิ์

 

 

สมบัติ เมทะนี  

 

 สมบัติ เริ่มเข้าวงการบันเทิง โดยแสดงละครทีวีเรื่อง หัวใจปรารถนา เป็นเรื่องแรกเมื่อ พ.ศ. 2503 คู่กับวิไลวรรณ วัฒนพานิช สมบัติแสดงละครทีวีอยู่ 4 เรื่องจึงหันไปแสดงภาพยนตร์ เรื่องแรกคือ รุ้งเพชร คู่กับ รัตนาภรณ์ อินทรกำแหงพ.ศ. 2504สำหรับผลงานที่โดดเด่นของสมบัติ อาทิเช่น เกียรติศักดิ์ทหารเสือ ศึกบางระจัน นอกจากจะเป็นผู้แสดงแล้ว สมบัติ ยังเคยกำกับภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ลูกสาวกำนัน แม่แตงร่มใบ น.ส.ลูกหว้า และเป็นนักร้อง มีผลงานอัดแผ่นเสียงด้วย

 

 

 

 

 กรุง ศรีวิไล

 

 เข้าสู่วงการโดยการชักนำของ ประมินทร์ จารุจารัต เล่นหนังเรื่อง"ลูกยอด" เป็นเรื่องแรกคู่กับ เพชรา นางเอกสุดฮิตในยุคนั้น ในปี2514 ซึ่งเป็นช่วงที่มิตรเสียชีวิต ทำให้บรรดาผู้สร้างหนังต่างก็พากันปั้นพระเอกใหม่กันอย่างคึกคัก และ กรุงก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น ชื่อ กรุง ศรีวิไล เป็นชื่อพระเอกในนิยายเรื่อง ลูกยอด ของอรวรรณ ที่ถูกนำไปใช้เป็นชื่อของพระเอกใหม่ไปด้วย
กรุงมีผลงานต่อมาอีกหลายเรื่อง เขาคือพระเอกหนังไทยในยุคที่เริ่มเปลี่ยนจากพระเอกหล่อ ล้ำบึก เล่นกล้ามมาเป็นพระเอก หุ่นสะโอดสะอง กรุงคือพระเอกยอดนิยมที่เล่นได้หลายบทบาท ทั้งบู๊ประเภทระเบิดภูเขา เผากระท่อม ไปจนถึงบทชีวิต บทตลกกุ๊กกิ๊ก แต่โดดเด่นที่ บทบู๊กับคาแร็คเตอร์ประเภทจอมเจ้าชู้ ขี้เล่น เจ้าสำอางค์ ที่ทำให้เขาเป็นพระเอกเจ้าเสน่ห์ ที่มีลุคที่ทันสมัยขึ้น ในยุคของกรุง เขาได้แสดงนำคู่กับนางเอกดังมากมาย เช่น เพชรา, อรัญญา, วันดี ศรีตรัง, ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์, เนาวรัตน์ ยุคตะนันท์, ธัญรัตน์ โลหะนันท์
ผลงานเด่นที่ได้รับ
รางวัลตุ๊กตาทอง ดาราประกอบชาย จากเรื่อง ชู้ ผลงานกำกับของ เปี๊ยก โปสเตอร์

 

 

ยอดชาย เมฆสุวรรณ 

   เข้าสู่วงการเมื่อดาวตลก สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยมไปพบเข้า จึงชักชวนให้มาพบกับ คุณอัมพร ประทีปเสน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไทยและปั้นให้เป็นพระเอกหนังไทยประเดิมเรื่องแรกคือ "น้ำใจพ่อค้า" และแจ้งเกิดได้สำเร็จ เขาเป็นอีกหนึ่งที่แจ้งเกิดหลังการสูญเสียของมิตร ร่วมยุคกับ กรุง ศรีวิไล, นาท ภูวนัย, ไพโรจน์ ใจสิงห์,อุเทน บุณยงค์, สิงหา สุริยงค์
  ยอดชายเป็นพระเอกสุดฮิตที่มีนางเอกคู่ขวัญคือ ภาวนา ชนะจิต มีผลงานร่วมกันหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นแนว พ่อแง่แม่งอน กุ๊กกิ๊ก ที่ดังก็ "พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ" กลายเป็นหนังฮิตที่ถูกใจต่อมาอีกหลายครั้งทั้งหนังและทีวี รวมทั้งตกเป็นข่าวรักนอกจอกันด้วย และด้วยความสูงของเขา ทำให้เขาถูกจับคู่นางเอกที่ความสูงสูสีกันอย่าง สุภัค ลิขิตกุล นางเอกที่ก้าวมาจากเวทีนางงาม ที่ถูกตั้งฉายาว่า "นางเอกก้านยาว" ทั้งสองจับคู่กันอยู่หลายเรื่อง ทั้งยังตกเป็นข่าวรักนอกจอ กันอีกด้วย  ยอดชาย เป็นพระเอกที่มีภาพเป็นชายหนุ่มเรียบร้อย เป็นอาร์ตติสท์ เป็นนักประติมากรรม เขาเป็นคนริเริ่มที่คิดปั้น หุ่นขี้ผึ้งของนักแสดงไทยในอดีต   ปัจจุบันเขากลับมาแสดงอีกครั้งทั้งในภาพยนตร์ อาทิ"บางระจัน"และละครทีวีอีกหลายเรื่อง

 

 

ไพโรจน์ ใจสิงห์  

 

 เข้าสู่วงการครั้งแรก ในบทพระเอกจากเรื่อง "ดวง" ของเปี๊ยก โปสเตอร์ ในปี พ.ศ. 2514 คู่กับ วนิดา อมาตยกุล มีสังข์ทอง สีใส เป็นตัวประกอบ ตามด้วย "คนสู้คน" ของวิจารณ์ ภักดีวิจิตร คู่กับ อรัญญา นามวงศ์ และชุมพร เทพพิทักษ์ "เพชรตาแมว" ของประดิษฐ์ กัลย์จาฤก คู่กับ นัยนา ชีวานันท์ "ลูกชู้" ของ มารุต คู่กับ สุทิศา พัฒนุช และ "สาวขบเผาะ" ของ เนรมิต คู่กับ ผึ้ง สุวรรณแพทย์ ในปี พ.ศ. 2515ไพโรจน์ ใจสิงห์ จัดเป็นนักแสดงคู่ขวัญกับ วันดี ศรีตรัง มีผลงานแสดงนำร่วมกันหลายเรื่อง ช่วงปี พ.ศ. 2516 ได้แก่ "ยอดสงสาร" "รัญจวนจิต" "สวรรค์เวียงพิงค์" "เหลือแต่รัก" "น้ำตานาง" ในช่วงที่ชีวิตการแสดงรุ่งเรือง จัดเป็นนักแสดงชั้นนำอันดับต้นๆ ร่วมกับ สมบัติ เมทะนี ยอดชาย เมฆสุวรรณ กรุง ศรีวิไล นาท ภูวนัย ช่วงหลังปี พ.ศ. 2517 จึงเริ่มตกลงมาเป็นพระรอง รับบทคู่กับ กรุง ศรีวิไล หรือ อุเทน บุญยงค์จากภาพยนตร์เรื่อง ดวง

 

 


 

จตุพล ภูอภิรมย์ 

 

 

จตุพล ภูอภิรมย์ แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่อง ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น (2520) กำกับโดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล โดยได้แสดงบทบาทที่เดิมสรพงศ์ ชาตรี จะเป็นผู้เล่น แต่บังเอิญไม่มีคิวแสดงว่าง จากภาพยนตร์เรื่องนี้จตุพลได้รับรางวัลตุ๊กตาเงิน ในสาขานักแสดงดาวรุ่ง

 

 

 

จตุพล ภูอภิรมย์ มีผลงานแสดงภาพยนตร์ประมาณ 25 เรื่อง ก่อนจะเสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี พ.ศ. 2524 เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยภาพยนตร์เรื่อง "เงาะป่า" กำกับโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และ เปี๊ยก โปสเตอร์ ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ. 2523 แต่จตุพลไม่ได้รับรางวัล เนื่องจากเสียชีวิตเสียก่อน

 

   

 


อุเทน  บุญยงค์ 

เข้าสู่วงการเมื่อปี  เล่นหนังเรื่องแรก คือเรื่อง"เขาสมิง" คู่ภาวนา ชนะจิต สร้าง,กำกับโดย เปี๊ยก โปสเตอร์ เมื่อปี 2516 - หนังเข้าฉายช่วงวันวิปโยค 14 ต.ค.2516 จึงไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังพอมีหนังเล่นเป็นพระเอกเดี่ยวอยู่ประมาณ 2 ปี ได้จับคู่กับภาวนา หลายเรื่อง จนเกือบจะเป็นดาราคู่ขวัญ แต่บังเอิญช่วงนั้น ภาวนา เป็นนางเอกดังคู่ขวัญกับยอดชาย เมฆสุวรรณ อยู่แล้ว อุเทน จึงเหมือนกับติดขัดอะไรบางอยางอยู่เรื่อย ไม่มีผลงานที่โดดเด่นมากนัก เล่นหนังมาทั้งหมด ไม่น่าจะเกิน 50 เรื่อง ในระยะเวลา 10 ปี ปี 2517 - อุเทน ก็ไปเรื่อยๆในฐานะพระเอกดาวรุ่งดวงใหม่ มียอดชาย เมฆสุวรรณ มาแรงมากเป็นอันดับ 2 รองจาก สมบัติ เมทะนี ติดตามมาด้วย ไพโรจน์,กรุง,นาท,สรพงษ์


สรพงษ์ ชาตรี 

มจ.ชาตรี เฉลิมยุคลเป็นผู้ปลุกปั้นให้แจ้งเกิดในวงการ ประเดิมด้วยการเล่นละครทีวีเรื่อง "ป่าสังคม" ก่อนที่ท่านมุ้ยจะปั้นให้เป็นพระเอกหนัง ด้วยเรื่อง "มันมากับความมืด" ในปี 2514 คู่กับ นัยนา ชีวานันท์ ที่ค่ายละโว้ภาพยนตร์หวังปั้นให้เป็นพระ-นางคู่ขวัญอีกคู่ของวงการ ที่มีผลงานคู่กันอีกในเรื่อง "เขาชื่อกานต์" ที่ทำให้ สรพงษ์ แจ้งเกิดโด่งดังในวงการ เขาเล่นคู่กับนางเอกรุ่นพี่อย่าง อรัญญา นามวงษ์, ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์, ภาวนา ชนะจิต, เปียทิพย์ คุ้มวงศ์, มาจนถึงนางเอกร่วมรุ่นอย่าง นัยนา ชีวานันท์, เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์, จารุณี สุขสวัสดิ์, ปิยะมาศ โมนยะกุล, ทัศวรรณ เสนีย์วงศ์ เขาจับคู่ฮิตกับ 2 นางเอก ฮอทในยุคนั้นทั้ง เนาวรัตน์ - จารุณีซึ่งในช่วงนั้นมีพระเอกอีกคนที่ฮิตตามมา คือ ทูน หิรัญทรัพย์ ที่กลายเป็น 2 คู่ฮิต สรพงษ์-จารุณี, ทูน-เนาวรัตน์ ที่ฮิตสนั่นไม่แพ้กัน  สรพงษ์ ชาตรี เป็นพระเอกที่อยู่ยงคงกระพัน มีผลงานมากมายหลากหลายบทบาท เป็นหนึ่งในนักแสดงชายที่ดีที่สุด ในแง่คุณภาพการแสดงที่เขาพิสูจน์ให้เห็นจากผลงานหลายเรื่องที่กวาดรางวัลมาเป็นว่าเล่น และถึงปัจจุบันเขาก็ยังมีผลงานดีๆ ออกมาอยู่ตลอดทั้ง หนังและละคร ผลงานเด่นๆเช่น แผลเก่า, เพื่อนแพง, มือปืน, คนเลี้ยงช้าง, ชีวิตบัดซบ, สัตว์มนุษย์, เขาชื่อกานต์, อิสรภาพของ ทองพูน โคกโพ, เสียดาย, สุริโยไท

 

นิรุตติ์  ศิริจรรยา

นิรุตติ์ เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการชักชวนของเทิ่ง สติเฟื่อง สู่วงการแสดงละครทีวี โดยละครเรื่องแรก คือ แสงสูรย์ รับบทพระรอง โดยมีภิญโญ ทองเจือ เป็นพระเอก คู่กับ อภันตรี ประยุทธเสนี อดีตนางสาวไทย ออกฉายทางทีวีช่อง 7 ขาว – ดำ    เริ่มรับบทพระเอกละครเรื่องแรกคือ แค่ขอบฟ้า ของศรีไทยการละคร แสดงคู่กับผาณิต กันตามระ เรื่องนี้ออกอากาศทางช่อง 3 ผลงานเรื่องต่อมาก็คือ กุลปราโมทย์ ออกอากาศทางช่อง 7 สี เรื่อง เพลงชีวิต แสดงคู่กับชัชฎาภรณ์ รักษนาเวศ เรื่อง ทองประกายแสด แสดงคู่กับรัชนี จันทรังษี และผลงานละครที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่ติดตราตรึงใจมากที่สุด คือ บทของจะเด็ด จากเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ทางช่อง 4 บางขุนพรหม     จากนั้นได้มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ดาร์บี้ นับแต่นั้นนิรุตติ์ก็มีผลงานการแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง ผลงานภาพยนตร์ส่วนใหญ่มักจะเป็นบทพระรอง อย่างเรื่อง ผยอง, เสาร์ห้า, คู่กรรม, ผู้กองยอดรัก และยอดรักผู้กอง, น้ำผึ้งขม, ขุนแผน ฯลฯ

ทางด้านชีวิตส่วนตัวเคยครองคู่อยู่กับ โขมพัฒน์ อรรถยา ก่อนเลิกรากัน และต่อมาได้สมรสกับ อรวรรณ ศิริจรรยา อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทั่งภรรยาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2540 จึงเดินทางไปอยู่ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา นาน 5 ปีก่อนจะกลับสู่ประเทศไทยและกลับมาแสดงทีวีอีกครั้งด้วยละครเรื่องแรก สุภาพบุรุษ..ลูกผู้ชาย จากการชักชวนของ ศรัณยู-หัทยา วงษ์กระจ่าง และภาพยนตร์คือ ทวิภพ ส่วนงานละครและภาพยนตร์มีตามมาอีกหลายเรื่อง มหาอุตม์, โอปปาติก, ซุ้มมือปืน, ทับตะวัน, สี่แผ่นดิน, ตามรอยพ่อ, สุดรัก สุดดวงใจ เป็นต้น

 

ทูน หิรัญทรัพย์ 

เริ่มเข้าสู่วงการเมื่อ พ.ศ. 2523 หลังจากกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก ในบทสมทบจากเรื่อง อารมณ์ และเรื่องที่สอง แก้ว ของเปี๊ยก โปสเตอร์ รับบทชายตาบอด คู่กับลินดา ค้าธัญเจริญ โดยชื่อในการแสดง เปี๊ยก โปสเตอร์ เป็นผู้ตั้งให้  ทูนเริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่องที่สาม แก้วตาพี่ เล่นเป็นชายตาบอดเช่นเดียวกับเรื่อง แก้ว คู่กับ เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์ และมีผลงานมากขึ้น มีผลงานแสดงคู่กับจารุณี สุขสวัสดิ์ เป็นจำนวนมาก จนนับเป็นดาราคู่ขวัญ  ในปี พ.ศ. 2527 ทูนมีผลงานร้องเพลงเป็นครั้งแรก อัลบั้ม "ผู้ชายเฉิ่มเฉิ่ม" กับค่ายโรต้า อำนวยการผลิตโดย เรวัต พุทธินันทน์, ปรัชญ์ สุวรรณศร และนิติพงษ์ ห่อนาค และมีอัลบั้มที่สอง ปี พ.ศ. 2535 "ทูน 100%" กับค่าย เอส.พี.ศุภมิตร

 ปัจจุบัน ทูน หิรัญทรัพย์ รับงานแสดงน้อยลง หันมาเป็นผู้ผลิตรายการเด็กป้อนสถานีโทรทัศน์ ก่อตั้งบริษัทผลิตงานบันเทิง และฝึกสอนการแสดง ชื่อ สถาบันศิลปะภาพยนตร์และบันเทิง (Film and Broadcasting Institute ชื่อย่อ FBI) และทำงานด้านสังคมร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ และรณรงค์การปลูกป่า ผลงานแสดงเรื่องล่าสุด คือเรื่อง พันธุ์ร็อกหน้าย่น (2546) และ คำพิพากษาของมหาสมุทร (2549) กำกับโดยเป็นเอก รัตนเรือง

 

เกรียงไกร อุณหนันท์ 

เข้าสู่วงการประมาณกลางปี 2524 โดย รุจน์ รณภพ นำมาเล่นบทคุณชายพจน์ ในหนังเรื่อง"ปริศนา" คู่นางเอกอันดับ 1 จารุณี สุขสวัสดิ์ หนังออกฉายต้นปี 2525 ทำเงินมากมายเหมือนกับผลงานหลายเรื่องหลังที่ผ่านมาของรุจน์ที่ผูกขาดนางเอกกับจารุณีมาตั้งแต่เรื่อง บ้านทรายทอง ปี 2522 เกรียงไกร กลายเป็นดาราคู่ขวัญกลายๆอีกคู่ของจารุณี นอกจาก สรพงษ์-ทูน แล้ว(ช่วงปี 25-27) แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังในค่ายไฟว์สตาร์ โด่งดังคู่กันตลอด 2 - 3 ปี พอปี 2528 เกรียงไกรเริ่มอิ่มตัวในสังกัด เพราะค่ายไฟว์สตาร์ มีดาวรุ่งมาแรงอย่าง อำพล ลำพูน มาแทน ซึ่งกำลังท็อปฮิตทั้งหนังทั้งเพลง(วงไมโคร) ไฟว์สตาร์เขาจะมีพระเอกประจำค่ายไม่ต้องง้อคิวพระเอกใหญ่ๆคิวทอง เริ่มตั้งแต่ จตุพล มาเกรียงไกร มาอำพล มาสันติสุข,ชัยรัตน์ จิตธรรม ฯลฯ เกรียงไกร เริ่มรับบทรองในหนังเรื่อง"เมียแต่ง" โดยบทพระเอกไปอยู่กับแซม ยุรนันท์ พระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงอีกคน(มีเกือบสิบคน) นางเอกคือ จินตหรา ปี 2529 -2530 เป็นต้นไป

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :fanclubทุกท่านจากเวป thaiflim.com และ th.wikipedia.org

คำสำคัญ (Tags): #หนังไทย
หมายเลขบันทึก: 286726เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2009 10:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท