1. มีเงินแล้วยัง (3 ขวบ 1 เดือนครึ่ง - 16 ธ.ค. 49)
วันนี้คุณพ่อ-คุณแม่พาธรรศกับธรณ์ไปคาร์ฟู สาขาพระราม 4 ซึ่งคุณย่ากับอาแหม่มตามไปสมทบทีหลัง ช่วงหนึ่งของการสนทนา ธรรศก็ถามว่า
ธรรศ - คุณแม่ครับ คุณแม่มีเงินเยอะแล้วยัง
คุณแม่ - ยังไม่เยอะครับ คุณแม่ต้องทำงานอีกนิดหน่อยนะ
ธรรศ - ถ้าคุณแม่มีเยอะแล้วคุณแม่จะซื้อให้พี่ธรรศใช่มั้ยครับ
คุณแม่ - ใช่ครับ แม่สัญญาแล้วไง แต่พี่ธรรศต้องรอให้คุณแม่เก็บเงินก่อนนะ
ซึ่งคุณย่าก็ถามด้วยความสงสัยว่าแม่-ลูกเค้าคุยเรื่องอะไรกัน ที่มาของเรื่องก็คือ แม่เคยซื้อ CD เรื่องเฮอคิวลิสให้ดู หลังจากดูหลายรอบแล้ว แผ่นก็หัก 1 แผ่น ด้วยฝีมือของนายคนไหนคนหนึ่งนี่แหละ ซึ่งธรรศกับธรณ์ก็ขอให้คุณแม่ซื้อให้ใหม่เพราะชอบเรื่องนี้ แม่ก็สัญญาว่าจะซื้อให้ แต่บอกว่า " ต้องรอให้คุณแม่ทำงาน เก็บเงินก่อนนะ เพราะ CD มันแพงเหมือนกัน " ทั้ง 2 คน ก็ตกลงรอตามที่แม่บอก จนผ่านไป 1 เดือนเศษ แม่ก็ยังไม่ได้เอา CD มาให้ ซึ่งธรรศกับธรณ์ก็จะคอยถามอยู่เรื่อยว่า " ... คุณแม่มีเงินแล้วยัง ... คุณแม่ต้องทำงานเยอะมั้ย .... CD มันแพงเหรอแม่ "
ที่จริงแม่ก็ซื้อไว้ตั้งแต่ลูกบอกแล้วล่ะ แต่ประวิงเวลาไว้ เพราะไม่อยากให้ลูกได้อะไรง่ายเกินไป เร็วทันใจเกินไป และอยากให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ต้องทำงาน ต้องเก็บเงิน ต้องใช้เวลาถึงจะมีเงินซื้อของ ซึ่งคุณย่าฟังแล้วก็เห็นด้วย
ณ ตอนนั้นลูกอาจรู้สึกว่าแม่ไม่ตามใจลูก ไม่ใจดีเลยกับลูกเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวัยที่ลูกคิดอะไรได้เอง ลูกจะรู้ว่าสิ่งที่แม่ไม่ตามใจลูก ไม่ใจดีกับลูกในวันนั้น ก็เพราะแม่รักลูก ไม่อยากทำร้ายลูกทางอ้อมด้วยการตามใจแม้แต่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เมื่อมันพอกพูนไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นความเคยชิน เป็นความปกติของลูก ซึ่งถ้าเป็นเรื่องในด้านบวกก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเรื่องด้านลบ ก็จะกลายเป็นว่า ตัวแม่เองก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำร้ายลูกทางอ้อม ... แม่รักลูกนะ
2. ทำไมต้อง 0 , 1 , 2 , 3 เหรียญ (3 ขวบ 1 เดือนครึ่ง - 16 ธ.ค. 49)
ที่คาร์ฟูจะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กแบบหยอดเงินด้วย วันนี้ธรณ์ถามคุณแม่ว่า
ธรณ์ - คุณแม่ครับ ธรณ์ขอเล่นของเล่นได้มั้ยครับ
คุณแม่ - ได้ครับ แต่คุณแม่ให้ธรณ์ 1 เหรียญนะ
พอแม่พูดจบปุ๊บ เครื่อง ATM หน้าตาเหมือนคุณย่าก็รีบทำงานทันทีโดยไม่ต้องกดรหัส..... ควักเหรียญ 10 บาท ออกมา 1 กำมือ (กำมือจริงๆ) จากกระเป๋ามาให้หลานชายหยิบ
ธรณ์ - ขอบคุณครับ แล้วหยิบเหรียญ 10 จากมือคุณย่า 1 เหรียญ วิ่งปร๋อไปทันที
คุณย่า - เออ! ดีนะรู้จักฟัง ( คุณย่ายิ้มๆ แต่ไม่ได้คะยั้นคะยอให้หยิบเหรียญเพิ่ม )
ปกติถ้าลูกอยากเล่นของเล่นแบบหยอดเหรียญ แม่จะไม่ให้ลูกเล่นตามความต้องการของลูกเอง แต่จะบอกว่าให้เล่นได้กี่เหรียญ บางครั้งให้ 1 เหรียญ.... บางครั้ง 2 ... บางครั้ง 3... หรือบางครั้งแม่ก็จะไม่ให้เลยก็มี ทั้งนี้เพราะ
- ไม่อยากให้ลูกเคยชินว่าถ้าไปที่ๆ มีของเล่น ก็ต้องได้เล่นเสมอ
- การที่ให้เล่นแต่ละครั้งไม่เท่ากันเพราะ เด็กบางคนเคยได้เล่น 3 ครั้ง ก็จะติดว่า ถ้าได้เล่นต้องเล่น 3 ครั้ง แม้ว่าบางครั้งไม่อยากเล่น ก็เล่นแป๊บเดียว แต่ให้หมด 3 เหรียญ ตามที่เคยได้ ดังนั้นแม่จึงให้มากบ้าง น้อยบ้าง ตามความเหมาะสม
- บางครั้งก็ไม่ให้เล่นเลย ก็จะให้เหตุผลที่เป็นรูปธรรม ที่เค้าจะเข้าใจได้ง่าย เช่น มีธุระแม่ / พ่อต้องรีบไป ... มันค่ำแล้ว ต้องกลับบ้านได้แล้วนะ... แม่ซื้อของเยอะแล้ว วันนี้ไม่มีเงินให้เล่นของเล่นนะ
- บางครั้งก็จะให้ลูกเลือกว่า จะเล่นของเล่น หรือจะทานขนม หรือถ้าเล่นของเล่น ก็ไม่มีเงินซื้อนม / ผัก / ผลไม้ ฯลฯ .... ให้เลือกว่าจะเอาแบบไหน
ทั้งหลายเหล่านี้เพื่อให้ลูกรู้จักคิด มีเหตุผล รู้จักประเมินว่าตัวเองอยากได้อะไร จะเลือกอะไร เพราะต่อๆ ไป ลูกจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า " ไม่มีใครได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เราต้องการ และบางครั้งเราต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น " แม่จึงอยากปูทางให้ลูกค่อยๆ รับรู้กับสิ่งเหล่านี้ โดยเริ่มจากเรื่องง่ายๆ เรื่องใกล้ตัว เพื่อที่ลูกจะได้รู้จักปรับตัว หาทางออกให้กับตัวเอง
แม่คิดเสมอว่าถ้าลูกมี " ภูมิคุ้มกันตัวเอง" มากเท่าไหร่ ลูกจะอยู่ในโลกใบนี้อย่างมีความสุข โดยที่บางครั้งลูกอาจไม่ได้มีสิ่งประกอบภายนอกมากกว่าคนอื่น แต่การที่ลูกรู้จักตัวเอง รู้จักประมาณตัวเอง มีวินัยในตัวเอง ก็ทำให้ตัวเองเป็นสุขได้แล้ว
3. คนอื่นเป็นอะไร (3 ขวบ 2 เดือน - 26 ธ.ค. 49)
วันนั้นไปหัวหินทั้งบ้าน ขณะนั่งในรถพี่เลี้ยงก็แกล้งกอดรัดธรรศแรงๆ
ธรรศ - พี่ไร .. ธรรศเป็นคนนะ (ที่จริงอาจอยากพูดว่า เจ็บนะก็ได้)
พี่ไร - (หัวเราะ) อ้าว...แล้วคนอื่นเป็นอะไรล่ะ
ธรรศ - เป็นขี้กลาก ...
คนอื่นๆ - ฮ่าๆๆๆ (ไม่รู้เอามาจากไหน)
4. เมื่อแม่เจ็บ ( 3 ขวบ 2 เดือนครึ่ง )
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. แม่ขาแพลง คุณหมอเลยให้ใช้ไม้เท้า พอลูกๆ เห็นเท่านั้น ต่างถามเป็นเสียงเดียวกันว่า
ธรรศ + ธรณ์ - คุณแม่ครับ คุณแม่เป็น ฒ. ผู้เฒ่า เดินย่องเหรอ.....
...... แทนที่จะถามว่าแม่เป็นอะไร เจ็บมั้ย ... เรียนมากไปรึเปล่าลูกเอ๊ย!
ที่น่าประทับใจมากคือ ลูกทั้ง 2 คน จะมาช่วยบริการสารพัด ช่วยยกเก้าอี้มาให้แม่นั่งชงกาแฟ ช่วยหยิบช้อน หยิบนม ช่วยเป่าแผล เวลาเดินแม่จะถือไม้เท้าด้านซ้าย ธรรศจะมาจูงมือข้างขวา ส่วนธรณ์จะช่วยดันข้างหลัง ... พยายามหาเรื่องช่วยจริงๆ
ช่วงที่เจ็บมีงานศพคุณอา (ก็เป็นคุณย่าของลูก) แม่ก็พาลูกไปด้วย โดยจะพาคนหนึ่งไปตอนฉันเพล อีกคนก็พาไปตอนเผา เพราะสภาพขณะนั้นไม่สามารถวิ่งตามลูกชายซนๆ 2 คนได้ ซึ่งลูกทั้ง 2 คน จะเดินจูงมือแม่ และช่วยถือกระเป๋าของแม่ตลอด คุณพ่อจะมาช่วยก็ไม่ยอม เค้าบอกจะช่วยถือให้คุณแม่เอง
ช่วงที่ขาเจ็บ ธรรศกับธรณ์จะคอยถามตลอดว่า " คุณแม่เจ็บมั้ยครับ " และบ่อยครั้งที่ทั้งคู่จะตั้งตัวเป็นคุณหมอเถื่อน โดยจะช่วยเป่าแผลให้ด้วย (บางทีน้ำลายฟ่อดเลยค่ะ)
ถ้าถึงคิวธรณ์มารักษา เค้าจะทำปากขมุบขมิบแล้วบอกว่า "โอม มะลุกกุ๊กกุ๋ย.... เพี้ยง " แม่เห็นวิธีรักษาของคุณหมอธรณ์ ก็ขำนะคะ แต่ไม่กล้าหัวเราะ เพราะกลัวคุณหมอหาว่า ดูถูกฝีมือ (ฝีปากละมากกว่า) เค้าไปบอกคุณครูทิพย์ (ครูประจำชั้น เตรียม/1) ด้วยค่ะว่า ตอนนี้คุณแม่อุ้มเค้าไม่ได้ เพราะถ้าอุ้มคุณแม่จะเจ็บ
ตอนช่วงหลังที่พอเดินเองได้ ก็ไม่ได้ใช้ไม้เท้าแล้ว ซึ่งพอธรรศเห็นไม้เท้าวางอยู่ เค้าจะหยิบไม้เท้าเอามาให้แม่ เพราะนึกว่าแม่ลืม
เจ็บครั้งนี้แม่ว่าคุ้มนะ .... ปลื้มใจกับความมีน้ำใจของลูกทั้ง 2 คน
5. ช่างทำไฟ ( 3 ขวบ 2 เดือนครึ่ง- 21 ม.ค. 50)
อาทิตย์ที่แล้วตอนพาลูกไปบ้านคุณยาย คุณยายให้คุณพ่อช่วยดูสายไฟให้หน่อย เพราะเมื่อคืนไฟห้องข้างบนดับ 3 ห้อง แต่พอดีที่บ้านไม่มีเครื่องมือ ก็เลยเช็คอะไรไม่ได้ แต่คุณยายก็บอกว่าได้เรียกช่างใกล้ๆ บ้านแล้ว เพียงแต่อยู่ระหว่างรอช่าง
ขากลับบ้าน ขณะนั่งในรถ พอดีรุ่นน้องโทรมาหา (น้องคนนี้จะมาล้างแอร์ที่บ้านทุกเดือน และมาเดินสายไฟให้ด้วย) พอลูกได้ยินแม่เรียกชื่อ " น้าพงษ์ " ทั้ง 2 คนต่างจะขอคุยกับน้าพงษ์ด้วย แม่ก็คิดว่าเพราะลูกรู้จักเลยอยากคุย พอแม่คุยธุระเสร็จเลยส่งโทรศัพท์มือถือให้คุย
ธรณ์ - น้าพงษ์ช่วยซ่อมไฟให้หน่อย มันดับ 3 ห้อง
น้าพงษ์ - ที่ไหนล่ะ ที่บ้านหรือ
ธรณ์ - ที่บ้านคุณยาย
คราวนี้ธรรศคุยมั่ง
ธรรศ - น้าพงษ์.. มันช็อตด้วยนะ ที่ห้องยายพริ้ง (พี่เลี้ยงของแม่) น้าพงษ์ซ่อมให้หน่อย
น้าพงษ์ - ซ่อมที่ไหน
ธรรศ - ข้างบนบ้านคุณตา (ห้องคุณตาอยู่ข้างบน) ข้างล่างบ้านน้าปาน (ห้องน้าปานอยู่ข้างล่าง)
...... คราวนี้นายธรรศแบ่งกรรมสิทธิ์บ้านให้เสร็จ
แม่ฟังแล้วรู้สึก 2 อย่าง
- ลูกมีน้ำใจคิดช่วยเหลือผู้อื่น พอรู้ว่าคุยกับคนที่ทำไฟได้ ก็จะให้ไปซ่อมให้บ้านคุณยาย
- ลูกฟังที่ผู้ใหญ่คุยรู้เรื่อง สามารถมาสื่อสารต่อได้ และรู้ว่าจะพูดเรื่องนี้กับใครที่จะจัดการปัญหานั้นได้
6. สวดมนต์ (อีกแล้ว) ( 3 ปี 3 เดือน)
ก่อนนอนแม่มักจะให้ธรรศสวดมนต์เสมอ บางวันสวดมนต์ที่ห้องนอน วันนี้แม่พาเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระ
แม่ - เอ้า... สวดมนต์ก่อนครับ นะโมตัสสะนะ
ธรรศ - พี่ธรรศไม่สวดหรอก
แม่ - ทำไมล่ะ ที่โรงเรียนก็สวดมนต์ก่อนนอนนี่ ที่บ้านก็สวดมนต์ก่อนนอนเหมือนกัน
ธรรศ - ที่โรงเรียนสวดมนต์ก่อนนอน ที่บ้านไม่ต้องสวดมนต์ก่อนนอนก็ได้
แม่ - งั้นไม่ต้อง " ดูนีโม่ ดิสนี่ ออน ไอซ์ " ก็ได้ใช่มั้ย เพราะที่โรงเรียนก็ไม่ได้ดู
ธรรศ - (ติ๊กต่อก.. ติ๊กต่อก.. ) ต้องดูซิแม่ .... พี่ธรรศสวดมนต์ก่อนนอนที่บ้านก็ได้
*** ข้ออ้างเค้าเยอะค่ะ ...... แต่ยังไงต้องไม่เสียผลประโยชน์ของตัวเอง***
7. ทำไมมีไม่เหมือนกัน ( 3 ปี 4 เดือนครึ่ง - 14 มี.ค. 50)
ขณะที่กำลังนั่งรถพาธรรศกับธรณ์ไปส่งที่โรงเรียนเพื่อเรียนภาคฤดูร้อน ธรณ์ก็ถามด้วยความสงสัยว่า
ธรณ์ - คุณแม่ครับ ทำไมมีแต่ ทีวีโทรทัศน์ ล่ะครับ ทำไมไม่มี ทีวีโทรธรณ์ มั่งล่ะ
แม่ - (แม่สะอึกกับคำถาม กับความช่างคิด) ก็..ก็... บางอย่างไม่ต้องมีเหมือนกันหรอกลูก
*** เค้าคงคิดว่ามีธรรศ มีธรณ์ แต่บางคำทำไมมีแต่ออกเสียง "ทัด" ไม่มีออกเสียง "ทอน" ***
ไม่มีความเห็น