ยอมรับสิ่งที่เราเป็นนี่แหละ ดีที่สุด ดีว่าการ “สร้างภาพ”...ว่าตัวเป็น คนดี มีจิตสำนึก คุณธรรมสูงส่ง สารพัดจะจิตใจดี ของคนบางคนที่ยังชูคอ เชิดหน้าอยู่ในสังคมได้ อาศัยตำแหน่งหน้าที่ การงานอันสูงส่งมีเกียรติ แต่เบื้องหลังนั้น ...
“จิตใจที่เที่ยงธรรม กระบี่ย่อมกล้าแข็ง
คนจิตใจชั่วร้าย ไหนเลยซ่อนกระบี่ในใจได้”
โกวเล้ง.
เมื่อวานได้เจอเพื่อนซึ่งมีอาชีพเป็น ผู้พิทักษ์กฎหมาย ตำแหน่งหน้าที่ระดับผู้อำนวยการกอง... และกำลังเรียนปริญญาเอก สาขาเดียวกันกับคนไม่มีราก
หน้าตาที่ไม่สู้จะแจ่มใสนัก ทำให้อดจะถามไถ่ไม่ได้ เนื่องจากเพิ่งผ่านการนำเสนอ หัวข้อวิทยานิพนธ์มาหมาด ๆ แต่ไม่ผ่าน ต้องปรับแก้ไขอีกครั้ง...(คนไม่มีรากก็ได้เข้าร่วมรับฟังด้วย อูย...บรรยากาศน่ากลัว)
เพื่อนเล่าว่า...รู้สึกงง ๆ และน้อยใจนิดหน่อยที่อาจารย์มองว่าตัวเองยังขาดคุณสมบัติของ การมี “สำนึกสาธารณะ” ...
เลยต้อง...นั่งคุย ช่วยกันวิเคราะห์ต่อว่า...เพราะอะไรอาจารย์จึงมองและคิดว่าเป็นเช่นนั้น
สรุปกันเองว่า...เพราะ “ภาพลักษณ์” (น. ลักษณะโดยรวมของบุคคลหรือองค์กรที่ปรากฏแก่สาธารณะหรือทางสาธารณะเห็นเป็นเช่นนั้น) ของการเป็นผู้พิทักษ์กฎหมาย ต้องใช้อำนาจต่าง ๆ ของเพื่อนหรือเปล่าที่ทำให้ถูกมองว่าเป็นคนที่ยังมี “สำนึกจิตสาธารณะน้อย”
ภาพลักษณ์/ภาพพจน์ ของเรามักถูกสร้างขึ้น โดยอาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ด้วยบุคลิกภาพส่วนตัว เพื่อนที่เราคบหา สังคม สิ่งแวดล้อม สิ่งที่เราคิด เราพูด เราทำ และค่านิยม วัฒนธรรมของสังคมที่เราอาศัยอยู่...
บางทีเรายังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นอะไร ก็มีคนตัดสินเรา พิพากษาเรา....เรียบร้อยไปแล้ว...
ปลอบเพื่อนว่า... อย่าเพิ่งท้อใจ ลูกผู้ชายอกสามศอก ต้องอดทนและพิสูจน์ตัว เพื่อนพยักหน้าแล้วพูดเสียงดังคล้ายปฏิญาณตน ตามภาษิตกำลังภายในจีนว่า... “จิตใจที่เที่ยงธรรม กระบี่ย่อมกล้าแข็ง คนจิตใจชั่วร้าย ไหนเลยซ่อนกระบี่ในใจได้”
วิเคราะห์แล้วก็ช่วยกันสรุปต่อไปว่า ... ยอมรับสิ่งที่เราเป็นนี่แหละ ดีที่สุด ดีกว่าการ “สร้างภาพ”...ว่าตัวเป็น คนดี มีจิตสำนึก คุณธรรมสูงส่ง สารพัดจะจิตใจดี เหมือนคนบางคนที่ยังชูคอ เชิดหน้าอยู่ในสังคมได้ อาศัยตำแหน่งหน้าที่ การงานอันสูงส่งมีเกียรติ แต่เบื้องหลังนั้น หากใครได้รู้ได้เห็น...ร้องได้คำเดียว...จริงหรือนี่ !!!
สรุปกันเสร็จสรรพ (แบบเข้าข้างตัวเองเล็กน้อย) สบายใจดีแล้ว ก็พากันไปกินขนมอร่อย ๆ ข้างคณะ ยิ้ม หัวเราะกันเสียเหนื่อย (ไม่รู้ขำ อารมณ์ดีอะไรนักหนา) สบายใจดีแล้ว ก็กลับบ้าน...ไปก้มหน้าก้มตาอ่านและเขียน...ต่อไป...
แค่ได้เล่า ได้บ่น แล้วเพื่อนทำทีเป็นเข้าอกเข้าใจ เข้าข้าง ไม่พูดไม่ทำท่าทางให้เรารู้สึกแย่ลงไปอีก ... ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันตาเห็นแล้ว...จริงไหมคะ?
(^___^)