Liver cancer
โรคมะเร็งตับเป็นโรคที่เกิดจากเซลล์ของตับกลายเป็นเซลล์มะเร็งมีการแบ่งตัว
และแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การดื่มสุรา การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
มะเร็งตับคืออะไร
ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีน้ำหนักโดยประมาณ 2 %ของน้ำหนักตัว ตำแหน่งของตับอยู่ชายโครงขวา แบ่งเป็น 2 กลีบคือกลีบขวา และซ้ายโดยมีเส้นเลือดมาเลี้ยง 2 เส้นคือ hepatic artery และ portal vein ตับมีหน้าที่สะสมสารอาหาร เช่น น้ำตาล โปรตีน ไขมัน และวิตามินไว้ให้ร่างกายใช้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ทำลายของเสีย ตับยังทำหน้าที่สร้างไข่ขาว Albumin ซึ่งทำทำหน้าที่รักษาความสมดุลของน้ำในเซลล์และเนื้อเยื่อ และยังนำฮอร์โมนไปเนื้อเยื่อ
ชนิดของเนื้องอกตับ
มีทั้งที่เป็นเนื้องอกธรรมดา และเป็นเนื้องอกร้ายท่านผู้อ่านคงต้องจำชื่อโรคไว้เพราะการรักษาต่างกัน
1. Hemangioma เป็นเนื้องอกที่เกิดจากหลอดเลือด ไม่มีอาการ บางรายมีเลือดออก การรักษาใช้ผ่าตัด
2. Hepatic adenomas เกิดจากเซลล์ตับรวมกันเป็นก้อน ผู้ป่วยมาด้วยแน่นท้อง หรือคลำได้ก้อนที่ท้อง มักพบในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน การรักษาใช้ผ่าตัดเอาออก
3. Focal nodular hyperplasia (FNH) เกิดจากการรวมตัวกันของเซลล์ตับหลายชนิด เช่น เซลล์ของเนื้อตับ เซลล์ของท่อน้ำดี การรักษาผ่าตัดเอาเนื้องอกออก
สำหรับเนื้องอกที่เป็นมะเร็งมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิดคือ
1. Angiosarcomas or hemangiosarcomas เกิดจากเซลล์หลอดเลือดในตับพบมากในผู้ป่วยที่สัมผัส vinyl chloride or to thorium dioxide (Thorotrast) สารvinyl chloride เป็นสารเคมีที่ใช้ในงานพลาสติก มะเร็งชนิดนี้พบน้อย แพร่กระจายเร็วส่วนมากผ่าตัดไม่ได้ การรักษาให้เคมีบำบัด
2. Cholangiocarcinoma เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ของท่อน้ำดี พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ภาคอิสาน ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อมะเร็งชนิดนี้ได้แก่ ผู้ที่มีพยาธิใบไม้ในตับ นิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งนี้พบได้ 13%ของมะเร็งตับ ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับโต และปวดท้อง เนื่องจากก้อนมีขนาดใหญ่ทำให้ผ่าตัดได้ไม่หมดมักต้องให้เคมีบำบัด และฉายแสงมักจะมีอายุ 6 เดือนหลังการวินิจฉัย
3. Hepatoblastoma เป็นมะเร็งพบในเด็ก ถ้าพบในระยะเริ่มต้นการผ่าตัดจะได้ผลดี
4. Hepatocellular carcinoma เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากเซลล์ของตับ ในบทความนี้จะกล่าวเฉพาะมะเร็งชนิดนี้
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับมีอะไรบ้าง
1. ไวรัสตับอักเสบ
ส่วนใหญ่ร้อยละ 75-80 ของผู้ป่วยมะเร็งตับเกิดในผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีร้อยละ 50-55 และติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ร้อยละ 25-30 โดยผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบีมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับสูงมากกว่าคนที่ไม่เป็นพาหะ ถึง 100-400 เท่า
2. การได้รับสาร Aflatoxin
ซึ่งเกิดจากเชื้อราบางชนิด พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นต้น ผู้ที่ตรวจพบว่ามีสารอัลฟลาท็อกซิน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ 5.0-9.1 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ตรวจไม่พบสารดังกล่าวในร่างกาย
3. ตับแข็งจากจาก สุรา
ตับอักเสบ เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ มีการศึกษาพบว่าถ้าดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 41-80 กรัมต่อวัน จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ 1.5 เท่า และถ้าดื่มมากกว่า 80 กรัมต่อวัน จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นเป็น 7.3 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้อยกว่า 40 กรัมต่อวัน และความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับจะไม่ลดลง แม้ว่าจะหยุดดื่มแล้วก็ตาม
4. การได้รับสาร vinyl chloride
5. ยาคุมกำเนิดดังได้กล่าวข้างต้น
6. ยาฮอร์โมนเพศชาย ที่ใช้รักษาโรคโลหิตจาง หรือการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ พบว่ามีการเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
7. สารหนู หากได้รับติดต่อกันก็เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
8. สูบบุหรี่ บางรายงานกล่าวว่าการสูบบุหรี่ทำให้มะเร็งตับเพิ่ม
มะเร็งตับป้องกันได้หรือไม่
มะเร็งตับสามารถป้องกันได้โดยการสาธารณะสุข
1. แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี แก่เด็กทุกราย รวมทั้งให้ความรู้แก่ประชาชนถึงวิธีการติดต่อของไวรัสตับอักเสบ บี และซี
2. ลดสาร aflatoxin โดยการเน้นการเก็บอาหารให้แห้งเพื่อลดปริมาณ aflatoxin
3. โรคตับแข็ง โดยการลดการดื่มสุรา
4. พยาธิใบไม้ในตับ ให้ประชาชนลดการบริโภคอาหารดิบๆ
5. สารเคมีต่าง ควรมีมาตรการป้องกันทั้งผู้บริโภค และคนงานมิให้ได้รับสารเคมีเหล่านี้
เราสามารถให้การวินิจฉัยโรคมะเร็งตับเมื่อเริ่มเป็นได้หรือไม่
เป็นที่ทราบกันดีว่ามะเร็งในระยะเริ่มต้นหากวินิจฉัยได้ย่อมทำให้โอกาสในการรักษาให้หายขาดมีความเป็นไปได้สูง โรคมะเร็งตับเป็นโรคที่ให้การวินิจฉัยระยะเริ่มแรกได้ช้าเนื่องจากไม่ค่อยมีอาการ เมื่อมีอาการโรคก็เป็นมากแล้ว
การเจาะเลือดหาสาร alfa-fetoprotein ซึ่งถ้าเป็นมะเร็งค่านี้ก็จะสูง ได้มีการเจาะหาค่านี้เพื่อตรวจหามะเร็งแรกเริ่ม ซึ่งหากนำมาหาในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยที่มีตับอักเสบเรื้อรัง ก็สามารถให้การวินิจฉัยมะเร็งในระยะแรกเริ่มได้ แต่ก็มีมะเร็งตับบางชนิดไม่สร้าง alfa-fetoprotein
อาการของโรคมะเร็งตับ
ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับที่มีอาการโดยมากจะเป็นมาก อาการของโรคมะเร็งตับมีอาการเหทือนกับมะเร็งที่ระบบอื่น อาการต่างๆที่พบได้คือ
การวินิจฉัย
แพทย์จะซักประวัติ และตรวจร่างกายแล้วส่งตรวจ
การรักษา
การรักษาขึ้นกับชนิดของมะเร็งตับ ขึ้นกับว่าโรคเป็นมากหรือยังโดยทั่วไปมีการรักษาดังต่อไปนี้คือ
จะทำได้ก็ต่อเมื่อมะเร็งนั้นอยู่เฉพาะที่ตับ และขนาดไม่ใหญ่มาก และที่สำคัญตับต้องไม่มีโรคอื่น เช่นตับแข็ง
ที่มา : http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/cancer/liver_cancer.htm http://medinfo2.psu.ac.th/cancer/db/news_ca.php?newsID=5&typeID=18
ขออนุญาต นำภาพ มะเเร็งตับ ชาวอีสานมาเสริมครับ
ขอบพระคุณมากๆๆเลยค่ะอาจารย์จิตเจริญ
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต
ขอบคุณค่า ^__^
ไม่ต้อง งงค่ะ อิอิ
ที่อาจารย์ขจิตมาโรงพยาบาลอุดรแล้วไม่เจอหนึ่ง
ก้อเพราะหนึ่งไม่ได้อยู่โรงพยาบาลอุดรน่ะสิคะ
หนึ่งอยู่ศูนย์มะเร็งอุดรธานีค่ะ Udonthani Regional Cancer Center
(URCC)
ปล.ส่งตุ๊กตาหมีแพนด้ากะปากกาไฮไลท์ ไปร่วมกิจกรรมเพื่อน้อง แล้วนะคะ ^__^
มาแจ้งว่า ครูตุ๊กแกบอกว่า น้องตุ๊กตาครูตุ๊กแก ได้รับแล้ว คุณครูตุ๊กแกจะเอารูปขึ้นให้ดูนะครับ ขอบคุณมากๆๆครับ
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ขจิต ^__^
เรื่องท้อ เรื่องเบื่อนั้นมีบ้างค่ะ
ช่วงนี้แย่หน่อยค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะคนไข้หรือญาติคนไข้นะคะ
มันท้อ เบื่อ และเซ็งจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารมากกว่าอ่ะค่า
ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆๆจากอาจารย์ขจิตมากๆๆค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่หนึ่ง
คือหนูกำลังทำรายงานเรื่องมะเร็งตับอยู่ค่ะเลยอยากได้ข้อมูลเรื่องมะเร็งตับให้ละเอียดกว่าค่ะ พี่จะกรุณาช่วยส่งข้อการรักษาโดยเฉพาะว่าถ้าเป็นระยะเริ่มต้นควรใช้แบบไหนแบบไหนทีนิยม ระยพลุกลามควรใช้แบบไหน
และการวินิจฉัย
หนูขอขอบคุณพี่ล่วงหน้านะค่ะ
สวัสดีค่ะน้องบล
ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการวินิจฉัยและการรักษาเหรอคะ แล้วจะส่งให้ทางไหนดีคะ