ขึ้นชื่อว่าความต้องการ แต่ละคนจะมีความต้องการไม่เหมือนกัน ทั้งนี้คงจะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย จิตใจ สภาพแวดล้อม พฤติกรรม และนิสัยของแต่ละคนที่สั่งสมมา จนกลายเป็นความเคยชิน(สันดาน) ซึ่งยากที่จะแก้ไข หรือแก้ไขได้แต่ต้องใช้เวลานานหน่อย
วันนี้เป็นวันพระ จึงได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญที่วัด ตักบาตร ทำบุญอุทิศให้กับผู้วายชนม์ เจ้ากรรมและนายเวร นอกจากนี้ยังได้รักษาศีล ฟังเทศน์และบำเพ็ญจิตภาวนา ตามประเพณีของไทย ซึ่งแต่ละวัดคงจะทำคล้าย ๆ กัน ตามหลักการทำบุญ คือ ทาน ศีล และภาวนา
ในวันนี้พระคุณเจ้าได้เทศนา เรื่อง ความต้องการของคน โดยได้เทศนามาหลายเรื่อง แต่กล่าวสรุปได้ว่า คนเรามีความต้องการเหมือนกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนจน หรือคนรวย ไม่ว่าชาวไทย หรือชาวต่างประเทศ สิ่งที่ทุกคนต้องการมีอยู่ ๔ ประการ คือ
(๑) ต้องการความสุข คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่ต้องการความสุข ทุกคนต่างขนขวายทำทุกสิ่งทุกอย่าง บางครั้งยังเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนต้องการ และเมื่อได้มาแล้วจะได้มีความสุข และความสุข ก็นังแบ่งออกได้เป็น ๒ อย่าง คือสุขทางกาย กับ สุขทางใจ
(๒) ต้องการลาภ หรือความโชคดี ต้องการสิ่งที่ได้มาโดยง่าย ๆ ไม่ต้องการลงทุนลงแรง หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่า ลาภลอย หรือประเภทลงทุนน้อยแต่ได้มาก โดยเฉพาะบุคคลที่ชอบเสี่ยงโชคทั้งหลาย
(๓) ต้องการยศ ตำแหน่ง หรือฐานันดรศักดิ์ต่าง ๆ เพราะคิดว่าเมื่อมียศ ตำแหน่ง หน้าที่การงานใหญ่โตแล้ว ยศ ตำแหน่งดังกล่าวสามารถสนองความต้องการของตนเองได้ ทุกคนจึงดิ้นรน เพื่อให้ได้มาเพื่อตำแหน่ง หน้าที่การงาน ที่ใหญ่โต แม้จะต้องไปสร้างเวรสร้างกรรมหนักหนาแค่ไหน ก็ยอม เพื่อยศและตำแหน่งที่ที่เขาต้องการ และ
(๔) ต้องการให้คนมาสรรเสริญเยินยอ ไปไหนมาไหนมีแต่คนยกย่องนับหน้าถือตา มีคนสรรเสริญในทางที่ดี มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป บางคนถึงกับต้องมีการประกาศ โฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปรู้จัก
ส่วนสิ่งที่คนทั้งหลายไม่ต้องการก็มีอยู่ ๔ ประการเช่นกัน คือ ความทุกข์ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ และการถูกนินทา ซึ่งข้อธรรมดังกล่าว ก็คือโลกธรรม ๘ ประการนั่นเอง อันเป็นหลักสัจธรรมของชีวิต ซึ่งทุกชีวิตจะต้องประสบกันทุกคน
นอกจากนี้พระคุณเจ้ายังได้แนะนำว่า หากเราพบกับสิ่งที่เราไม่ต้องการทั้ง ๔ ประการ แล้ว จะต้องแก้ไขอย่างไร โดยเราทุกคนจะต้องยอมรับกับความจริงของชีวิต และจะต้องพบกับสิ่งดังกล่าวกันทุกคน หากเรายอมรับกับความจริงและทำใจยอมรับแล้ว ก็จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น การเข้าใจหลักสัจธรรมของชีวิต และยอมรับกับความจริง ก็จะกลายเป็นคน..มีความสุขง่ายและทุกข์ยากขึ้น
ขอบคุณสาระดีมากนะครับ
อ่านดูแล้ว เหมือนได้ฟังพระเทศน์เลยค่ะ ดิฉันเองก็ชอบเรื่องธรรมอยู่แล้ว หากทุกคนยึดมั่นในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ชีวิตก็เป็นสุขค่ะ
..จริงค่ะ..ถ้าเรายอมรับความจริง..ท่านพุทธทาสว่าไว้ว่า.มนุษย์เป็นสัตว์ที่สอนไม่ได้..ตรงที่ว่า..ไม่ยอมรับความจริง.....
มันคือความจริงของชีวิต
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณธรรมะดีดีมีประโยชน์มากค่ะ
ที่แสดงมานั้นคือความต้องการในแง่คิดทางศาสนาพุทธนะคะ
ถูกต้องที่สุดคะในฐานะเป็นพุทธศาสนิกชน เพื่อให้มีสติ และ เกิดปัญญา
แต่ถ้ามองความต้องการทางจิตวิทยาแล้ว เป็นการศึกษาในแง่พฤติกรรมศาสตร์
ก็เกิดประโยชน์อีกแบบนะคะ เพื่อการเข้าใจในมนุษย์คะ
ใช้วิธีลำดับความต้องการของมนุษย์ด้วย หลักคิด Needs ของ Abraham Maslow คะ
Maslow's Hierarchy of Needs
1 Self Actualization Needs
(full potential)
2 Esteem Needs
(self respect, personal worth, autonomy)
3 Love and Belongingness Needs
(love, friendship, comradeship)
4 Safety Needs
(security; protection from harm)
5 Physiological Needs
(food, sleep, stimulation, activity