...........เมื่อพยาบาลออกนอกกรอบ........
เมื่อปลายปี 2550 ยายมีได้พาตาบุญทัน อายุ 76 ปีเข้ามารักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการมีไข้หนาวสั่น และมีแผลกดทับที่สะโพกขวาระดับ 3 ก่อนมา หนึ่งสัปดาห์ และได้ใส่สายสวนปัสสาวะ ไข้สูงมาก ตาเป็นโรคความจำเสื่อมมา 2 ปีแล้ว ลูกหลานทำงานที่ต่างจังหวัด ยายต้องดูแลมาตลอดคนเดียว ยายมีเล่าว่าบางครั้งตาบุญทันหายไปเพราะจำทางกลับบ้านไม่ได้ต้องระดมชาวบ้านช่วยตามหา หลายครั้งแล้ว ตาได้แต่บอกยายเสมอว่าสงสารยายทั้งที่จำอะไรไม่ได้เลย ยายก็อายุมากแล้วแต่ต้องดูแลตาตลอดไม่ได้ขาด ด้วยอารมณ์ที่ดี ไม่แสดงท่าทีที่ไม่ดีกับตาสักครั้งหนึ่ง ไม่เคยแสดงความเหน็ดเหนื่อยให้เห็น ทั้งที่ต้องดูแลมารดาที่แก่มากๆ อีกคนที่บ้านหลังตื่นนอนเช้าตรู่ต้องกลับไปนึ่งข้าว ทำกับข้าวให้แม่ที่บ้านก่อนจึงกลับมาโรงพยาบาลเพื่อเช็ดตัวและช่วยพลิกตะแคงตัวให้ ตา ทำอย่างนี้ประจำทุกวัน ถ้าหากตานอนหลับยายก็จะนอนบริเวณพื้นข้างเตียง ยายบอกว่าอ้วนขึ้นมากทีเดียวที่ได้มาอยู่โรงพยาบาล หลังจากที่ตามานอนโรงพยาบาลรอบสองมีไข้ขึ้นสูง จนทำให้เกิดการเรียนรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ การทบทวนแนวทางการใส่สายสวน ทบทวน ซีสามเธอ และการประสานงานเชื่อมโยงกับงานไอซี ร่วมมือกับแพทย์ และงานชันสูตร ทบทวนการทำแผล การป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลจากเชื้อ ทริโคโมแนส เราให้ตาบุญทันเป็นครูคนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มากมาย และเกิดเป็นความผูกพันเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวงานผู้ป่วยในคนหนึ่ง ยายมีก็เป็นตัวอย่างที่ดีของญาติผู้ป่วยที่มีความอดทน ตลอดทุกวันที่ตานอน 59 วันไม่มีวันไหนที่จะเห็นยายเหนื่อยเลย
วันหนึ่งตาเหนื่อยและซึมมาก ไม่กินอาหาร ความดันโลหิตต่ำเพราะมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ยายมีตกใจมาก ร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก ได้โทรศัพท์หาบุตรสาวที่เป็นครูอัตราจ้างที่จังหวัดศรีสะเกษ อาการตาเริ่มดีขึ้นหลังจากได้น้ำเกลือ ยายมีดีใจมากบอกว่าคิดว่าตาจะไปเสียแล้ว
แผลตาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แดงดี ไม่มีไข้แล้วดีการเตรียมความพร้อมหลายอย่างให้ยายมี เช่น สอนการทำแผล การช่วยพลิกตะแคงตัว การเคาะปอด การให้อาหาร
ให้อุปกรณ์ไปด้วย แต่ถ้าหากให้ยายทำแผลทั้งเช้าและเย็นเห็นจะไม่ดีแน่ มีการพูดคุยปรึกษากันมีหลายช่องทาง เช่นให้ยายจ้างพยาบาลไปทำแผลให้ แต่หัวหน้าบอกว่ามันใช่หรือเปล่าที่ยายจะมีภาระที่หนักอย่างนั้น หัวหน้าเลยเสนแนวทางที่ดี คือ ขอให้พยาบาลที่ขึ้นเวร BD (เวร16.00-20.00น ) ไปทำแผลให้วันละครั้ง ก็ได้รับ
ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพยาบาลผู้ปฏิบัติ บางวันแผลไม่ดีขึ้นมีเนื้อตายได้พาตามารพ. เพื่อให้แพทย์ไดดูและ และมีการตกแต่งแผลใหม่ และเปลี่ยนสายสวนใหม่ และส่งถึงบ้านเพราะจะให้ยายพาตามาเองคงลำบาก พอไปอยู่บ้าน อีกไม่นานคุณตาก็เสียชีวิตในวันครอบครัว 14 เมษายน 51 วันที่มีบุตรหลานมาอยู่พร้อมหน้ากัน
หลังจากนั้นมายายมีก็มาแวะเยี่ยมที่งานผู้ป่วยในบ่อยๆ เอาต้นไม้มาฝากบ้าง .....
ก็คงเหลือแต่ความทรงจำดีดีที่เราได้หยิบยื่นบริการด้วยหัวใจซึ่งอาจเป็นความทรงจำของญาติ เหมือนกัน
บทเรียนคุณตาบุญทันทำให้มีการทบทวนการดูแลสายสวนปัสสาวะแบบสวนคา
พบว่าผลลัพธ์การดูแลระบบทางเดินปัสสาวะสำหรับผู้ป่วยที่ใส่สายสวนคาลดลงอย่างชัดเจน
มีระบบการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณคุณยายมี ที่เป็นพยาบาลยิ่งกว่า