กระผมในฐานะศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบโครงการโรงเรียนวิถีพุทธและโรงเรียนคุณธรรมชั้นนำ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต๓ มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาสรุปผลการดำเนินงานโครงการประเมิน เสนอแนะ และพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมชั้นนำ เมื่อวันที่ ๑๕-๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในฐานะตัวแทนศึกษานิเทศก์ ภาคอีสานตอนล่าง(มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี) จังหวัดละ ๑ คน ผู้สัมมนาประกอบด้วยศึกษานิเทศก์ พระสงฆ์ และตัวแทนของ สพฐ. โครงการนี้เป็นความร่วมมือของ สพฐ. กับ มจร. การสัมมนาในครั้งนี้ มจร.เป็นเจ้าภาพ
กระผมได้รับแจกเอกสารจากคณะวิทยากร เป็นเอกสารซึ่งคัดมาจากการถอดคำบรรยายของท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ อ่านแล้วได้ข้อคิด และประทับใจในข้อความหลายตอน คิดว่าหากเก็บไว้คนเดียวน่าจะไม่ค้มค่า จึงถ่ายทอดมายังท่านผู้อ่านด้วย ข้อความมีว่า "ปัจจุบันนี้ปัญหารสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งซึ่งปรากฎชัดในสังคม คือ การที่คนมากมายเป็นชาวพุทธกันแต่เพียงในนาม โดยไม่มีทั้งความรู้และการปฏิบัติของชาวพุทธ"
อ่านและไตร่ตรองดูแล้ว เป็นความจริงเหมือนท่านเจ้าคุณว่า มันเป็นภัยร้ายแรงที่ชาวพุทธเราต้องตื่นตัวและลุกขึ้นมาแก้ไข
เพราะชาวพุทธที่แท้จริง ต้องมีหลักการ มีคุณสมบัติประจำตัวและมีมาตรฐานความประพฤติที่เป็นชาวพุทธ ซึ่งท่านเจ้าคุณได้เสนอหลักเพื่อการปฏิบัติสำคัญ ๆ ดังนี้
๑.หลักการ
๑. ข้าฯ มั่นในว่า มนุษย์จะประเสริฐได้ เพราะฝึกตนด้วยสิกขา คือการศึกษา
๒. ข้าฯ จะฝึกตนให้มีปัญหา มีความบริสุทธิ์ และมีเมตตากรุณาตามอย่างพระพุทธเจ้า
๓.ข้าฯ ถือธรรมะ คือ ความจริง ความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่
๔. ข้าฯจะสร้างสังคมดีตั้งแต่ในบ้าน ให้มีความสามัคคีเป็นกัลยาณมิตรเกื้อกูลกันอย่างสร้างสรรค์
๕.ข้าฯจะสร้างความสำเร็จด้วยการกระทำที่ดีงามของตนโดยพากเพียรอย่างไม่ประมาท
๒. ปฏิบัติการ
ข้าฯจะนำชีวิต และร่วมนำสังคมประเทศชาติไปสู่ความดีงามและความสุขความเจริญด้วยการปฏิบัติ ดัง
ก)มีศีลวัตรประจำตน
1.มีปกติกราบไหว้ แสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย บิดามารดาครูอาจารย์และบุคคลที่ควรเคารพ
๒. สมาทานศีล ให้เป็นนิจศีล คือ หลักความประพฤติประจำตัว ไม่มืดมัวต่ออบายมุข
๓. สวดสาธยายพุทธวจนะหรือบทสวดมนต์โดยเข้าใจความหมาย อย่างน้อยก่อนนอนทุกวัน
๔.ทำจิตใจให้สงบ เจริญสมาธิ และอธิษฐานจิตเพื่อจุดหมายที่เป็นกุศล วันละ ๕-๑๐ นาที
ข) เจริญกุศลเนืองนิตย์
๕.บำเพ็ญกิจวัตรวันพระด้วยการตักบาตร หรือแผ่เมตตา ฟังธรรมหรืออ่านหนังสือธรรม โดยบุคคลที่บ้าน ที่วัดหรือที่โรงเรียนร่วมกัน ประมาณ ๑๕ นาที
๖.เก็บออมเงิน และแบ่งมาบำเพ็ญทานเพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อบูชาคุณ เพื่อสนับสนุนกรรมดี อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
๗. เพิ่มพูนบุญกรรม บำเพ็ญประโยชน์อุทิศแด่พระรัตนตรัย บิดามารดา ครูอาจารย์และท่านผู้เป็นบุพการีของสังคมในอดีต อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
๘. ไปวัดชมอารามที่รื่นรมย์และไปร่วมกิจกรรมทุกวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและวันสำคัญทางครอบครัว
ค) ทำชีวิตให้งามประณีต
๙.ฝึกความรู้จักประมาณในการบริโภคด้วยปัญญา ให้กินอยู่พอดี
๑๐. ปฏิบัติกิจส่วนตัว ดูแลของใช้ของตนเอง และทำงานในชีวิตด้วยตนเอง
๑๑. ชมรายการบันเทิงวันละไม่เกินกำหนดที่ตกลงกันในบ้าน และมีวันปลอดการบันเทิง อย่างน้อยเดือนละ ๑ วัน
๑๒. มีสิ่งที่บูชาไว้สักการะประจำตัว เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลกถึงพระคุณของพระรัตนตรัยและตั้งมั่นอยู่ในหลักชาวพุทธ
ท่านเจ้าคุณยังได้สรุปไว้ว่า บุคคลที่ถือปฏิบัติตาม หลักชาวพุทธ ดังกล่าวมาข้างต้น จะเป็นผู้มีภูมิธรรมพื้นฐานของชาวพุทธ เป็นชาวพุทธที่แท้จริง สมกับที่ได้รับการเรียกขาน
ไม่มีความเห็น