สุขกับงานและการอยู่อย่างพอเพียง


มโน มฤทธิ มโน เศรษฐา มโน มยา

 สุขกับงานและการอยู่อย่างพอเพียง

นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา

 

เมื่อวัยเยาว์ได้เล่นแสนสนุก                                                      

วัยหนุ่มสาวคึกคนึงเสน่หา

วัยทำงานใฝ่ลาภ ยศ และเงินตรา

วัยชราทบทวนจิต คิดก่อนวาย

 

คำถาม ของคนทำงานตลอดจนคนที่คิดว่า เมื่อเกิดมาแล้วคือ

   มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?     

  ที่ผ่านมามักเกิดปัญหาเพราะการมีชีวิตอยู่เพื่อใคร หรืออะไรนั้นมักคิดตามคนอื่น

โดยเป็นค่านิยมของสังคม จนเกิดความ ทุกข์ ซึ่งจะต้อง   ใช้ใจ สู้กับทุกข์  

(มโน มฤทธิ   มโน เศรษฐา   มโน มยา :ใจมีพลังมาก ใจเป็นใหญ่ ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ) 

    เมื่อมีทุกข์แล้ว ต้องทำอย่างไรดี กับทุกข์

เพราะ หนีไม่พ้นแน่  ผมขออัญเชิญพระราชดำรัสและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของ พ่อหลวงของพวกเรา มาประยุกต์ใช้ในการแก้ทุกข์ สร้างสุข ดังนี้ครับ

1.เข้าใจ  :ในปัญหาที่แท้จริงของความทุกข์  ทำให้เป็นคน  มีเหตุผล    รู้จักตนเอง   และตกลงใจที่จะสู้หรือไม่?      

เพราะอุปนิสัยคือชะตากรรม(Character is destiny)  อย่าให้ประวัติศาสตร์ซำรอย

2.เข้าถึง  : ความจริง

ในที่นี้คือโลกธรรม 8   (ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข)    

เพราะ ลาภ ทำให้เกิดโลภ  ยศ สรรเสริญ ทำให้เกิด โกรธเมื่อไม่ได้ดั่งใจ   สุข ทำให้เกิด หลง

โดยมีหลักกรรม หลักทฤษฎีChaos    หลักโหราศาสตร์ที่พบว่าเป็นรอบ จังหวะ เป็น หลักในการเรียนรู้ที่จะเข้าใจและเข้าถึงความจริง เกิด การพอประมาณ

3.พัฒนา :  ปัญญาเพื่อแก้ความหลง อวิชชา     ทำให้เกิดภูมิคุ้มกัน ในชีวิต

:ราคะ แก้โดย การเพ่งดูอสุภะ ว่าทุกสิ่งเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง และดับไป ไม่เที่ยง

:โทสะ แก้โดย การเจริญเมตตา

:โมหะ แก้โดย การสร้างปัญญา (ความรอบรู้ ตามความเป็นจริง)

เพราะมนุษย์สามารถสร้างกรรมใหม่ที่ดี ถูกต้องเพื่อเบนทางชีวิตให้ดีงามได้(FreeWill) :พระไตรปิฎก เล่มที่20 ทุติยปัณณาสก์

 

โดยทำความเพียรสะสม จนเกิดความดี ความงามสะสม เมื่อพร้อมทั้ง พลังกาย พลังสมอง พลังอารมณ์ (Biorhythm)จะสามารถแก้ปัญหาคือทุกข์ และเกิดภูมิคุ้มกันได้อย่างยั่งยืน

 ในการทำงานนั้น บางท่านยังไม่สามารถตอบเหตุผลที่ดีในการทำงานได้ เพราะมักจะคิดตามคนอื่น แต่สำหรับผมแล้วมี

เหตุผลการทำงาน  ดังนี้

1.เพื่อใช้หนี้โลก   ทำความดีสะสมด้วยความเพียร(อิทธิบาท 4  ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)

2.มีวาสนาต่อกัน (พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)

3.ใช้เป็นเครื่องมือเจริญภาวนา   (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปํญญา)

        ในการทำงานที่มีความสุข แต่อาจเกิดทุกข์ในงานได้ จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการแก้ปัญหาพบว่า สำคัญที่ใจครับ                 

       ใช้ใจ สู้กับทุกข์   (มโน มฤทธิ   มโน เศรษฐา   มโน มยา :ใจมีพลังมาก ใจเป็นใหญ่ ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ) ใจที่มีการรู้เท่าทันและเป็นกลาง จะไม่ทุกข์กับสิ่งที่เกิด และในการดำเนินชีวิต นั้นในหลัก  มัชฌิมาปฏิปทา

ต้องไม่มีความทะยานอยากอย่างบ้าๆ แต่พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีในขอบเขตของศีลธรรม   :สมเด็จย่า  

     การที่จะสุขกับงาน และการอยู่อย่างพอเพียงนั้น นอกจากจะใช้ พ่อหลวงเป็นต้นแบบในการมีสุขกับงานที่แท้จริงนั้นต้อง  เข้าใจชีวิต ทำให้มีเหตุผล   เข้าถึงความจริง ทำให้มีความพอประมาณในการใช้ชีวิตที่เหมาะสม  และพัฒนา ความดี ความงามในตัวเองโดยใช้ความเพียรสะสมแล้ว จะทำให้มีภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืนในการใช้ชีวิตที่มีค่าในตนเอง  โดยสรุป

        KSF(keys success factor)ปัจจัยความสำเร็จ: สุขอย่างไรกับงาน สำหรับผม คือ

1.มีกรอบความสำเร็จ    สำคัญที่ อย่าหลงในโลกธรรม 8   (ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข)

2.มีจินตนาการ  ที่ฝันเห็นภาพความสำเร็จอยู่เสมอตลอดไป

3.SWOT  รู้ตัวเอง  บริบท สิ่งแวดล้อม จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส จังหวะ

4.ลงมือทำ   สู่การทำให้ฝันเป็นจริง

5.หาเทวดา (ในร่างมนุษย์)มาช่วยมากๆ ซึ่งก็คือ ทีมงาน พี่น้องผองเพื่อนครับ

 จากเริ่มที่ เข้าใจชีวิต   เข้าถึงความจริง และใช้โอกาสในการเป็นมนุษย์ในการพัฒนาตนเอง สู่ การมีเหตุผลในการเลือกที่จะใช้ชีวิต ด้วยความพอประมาณ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ชีวิต อย่างยั่งยืน 

โชคดี มั่นยืน ครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 279224เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2009 23:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2012 18:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ชอบ keys success factor ของคุณหมอจังครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท