สรุปความรู้จากการศึกษาดูงาน
"คลิก"
ความรู้จากการร่วมกิจกรรม จากการที่ได้ไปดูงานในวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ที่แรกที่เราไปถึงคือ โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนนทบุรี การจัดการเรียนการสอนแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือมีกระบวนการสอนหลายรูปแบบ ดังนี้
โรงเรียนใช้หลักสูตรขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 อาจารย์ผู้สอนมีพื้นฐานความรู้ทางการศึกษาพิเศษ หากอาจารย์บางท่านยังไม่มีพื้นฐานก็มีการอบรมแล้วให้ทำแผนการสอน ในส่วนของนักเรียนจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ อยู่หอพัก 180 คนและไปกลับ ที่โรงเรียนมีการสนับสนุนความสามารถพิเศษ เช่น นาฏศิลป์ กลองยาว กีฬาลีลาศ กีฬาประเภทต่างๆ การประเมิน จะมีการประเมินโดย สมศ. ทั้งภายในและภายนอก
แห่งที่สอง คือ ศูนย์การศึกษาพิเศษ จังหวัดนนทบุรี มีหน้าที่ คือ เตรียมความพร้อมให้เด็กพิเศษ บริการโรงเรียนเรียนร่วม บริการสื่อตามกฎกระทรวง และบริการเคลื่อนที่ซึ่งที่นี่มีนักเรียนตั้งแต่ 1 ขวบ และมีพ่อแม่ผู้ปกครองเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย กิจกรรมเช่น การเต้น การร้องเพลง
มีห้องฝึกพูด เด็กจะได้เข้าเรียนทุกคน อาจารย์จะสอนเรื่องง่ายๆ เช่น จำนวน ตัวเลข การแยกสี การฝึกพูด (ออกเสียง) ด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมฝึกพูด Speech Viewer 3 มีการฝึกบริหารรูปปาก ฝึกการหายใจ ฝึกเป่าลม ฝึกเปล่งเสียง ในการฝึกฟัง ให้ฝึกฟังโดยใช้เสียงเครื่องดนตรี เช่น กลอง ฉิ่ง กรับ
แห่งที่ 3 คือ ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 5 จังหวัดสุพรรณบุรี มีการให้บริการดังนี้ที่นี่จะรับเด็กตั้งแต่แรกเกิด เด็กต้องมาพร้อมกับผู้ปกครอง การเรียนการสอนจะสอนเป็นทักษะ เช่น ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก ทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ทักษะทางสังคม ทักษะการดำรงชีวิต ทักษะทางการสื่อสาร
ตัวอย่างของกิจกรรม เช่น กิจกรรมดนตรีเพื่อการพัฒนา มีกลอง ขลุ่ย คีย์บอร์ด
กิจกรรมศิลปะเพื่อการพัฒนา เช่น สีสื่ออารมณ์ การระบายสี พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การเคลื่อนไหว พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ที่ศูนย์แห่งนี้มีการจัดทำแผนการศึกษา การประเมินเด็กจะประเมินจากความสามารถและพัฒนาการของเด็ก
และแห่งสุดท้าย คือ โรงเรียนสุพรรณบุรีปัญญานุกูล จังหวัดสุพรรณบุรี
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 26 ไร่ 2 งาน 27 ตารางวา
บุคลากร ผู้ชาย 21 คน ผู้หญิง 60 คน รวม 81 คน
จำนวนนักเรียน 444 คน แบ่งเป็นนักเรียนประจำ 435 คน ไปกลับ 9 คน
การจัดการเรียนการสอน (อนุบาล-ม.3)
มีกิจกรรมต่างๆให้เด็กเข้าร่วม เช่น พิธีไหว้ครู การแห่เทียนพรรษา เป็นต้น
จากการร่วมกิจกรรมศึกษาดูงานในครั้งนี้ ทำให้ได้รับสาระ ประโยชน์และข้อคิด ดังนี้
ในการเรียนนั้นไม่ควรแยกเด็กพิเศษกับเด็กปกติออกจากกัน เพราะเราเชื่อว่าหากได้ส่งเสริม พัฒนาความสามารถเด็กพิการก็ย่อมจะมีศักยภาพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ดังนั้นสิ่งที่เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาศักยภาพของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ก็คือ การให้เด็กได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกับเด็กปกติ ทั้งนี้การเรียนรู้และพัฒนาความสามารถของเด็กที่มีความต้องการพิเศษจำเป็นต้องได้รับความร่วมร่วมมือจากครอบครัว โรงเรียน และบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจ เข้ามามีส่วนร่วมในการ สนับสนุน ส่งเสริม เป็นกำลังใจ และช่วยกันพัฒนาเด็กให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
จากการที่ได้ไปศึกษาดูงานมาที่จังหวัดนนทบุรีและสุพรรณบุรีมานั้น ทำให้รู้ว่า เด็กพิการก็เหมือนกับเด็กปกติ เพียงแต่อาจมีความพิการเฉพาะส่วนเท่านั้น แต่ในเรื่องของความสามารถพวกเขาก็มีไม่แพ้กัน เช่น ที่โรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี เด็กที่นี่มีความสามารถพิเศษในด้านนาฏศิลป์ กลองยาว กีฬาลีลาศ กีฬาประเภทต่างๆ และที่โรงเรียนสุพรรณบุรีปัญญานุกูล จังหวัดสุพรรณบุรี เด็กที่นี่มีการฝึกงานอาชีพ (ประดิษฐ์จากกล่องนม) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็กพิการก็มีความสามารถเช่นเดียวกับเด็กปกติ เพียงแต่เราต้องให้โอกาส และมองพวกเขาในด้านดี อย่าไปมองว่าเด็กพิการคือภาระของสังคม เพราะเด็กพิการสามารถทำอะไรดีๆให้สังคมได้เช่นกัน
นางสาวเรืองสิริ เรืองหิรัญ
รหัสนักศึกษา 4711101012
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย
ดี เป็นการใช้เทคโนโลยีที่เกิดประโยชน์สูงสุด ทางที่ดีควรฝึกหัดการนำข้อมูลมาลงเองจะดีมากนะ เพื่ออนาคต.......
น่าสนใจดีมาก ทำให้ทราบถึงผู้มีความบกพร่องว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกัน ขอบคุณจริงๆที่ทำให้ผมมีความรู้มากขึ้น ซึ้งจัง
เด็กพิการก็มีความสามารถเช่นเดียวกับเด็กปกติ เพียงแต่เราต้องให้โอกาส และมองพวกเขาในด้านดี อย่าไปมองว่าเด็กพิการคือภาระของสังคม เพราะเด็กพิการสามารถทำอะไรดีๆให้สังคมได้เช่นกัน
เป็นข้อคิดที่ดีครับ