สัปดาห์ที่แล้วผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อสมัยเรียนคนหนึ่งว่า อาจารย์ชาวต่างชาติท่านหนึ่งเสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็งที่คอ หลังจากที่ท่านเข้ารับการรักษาได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ผมได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์จากน้อง ๆ เพื่อน ๆในเอกภาษาอังกฤษอยู่2-3ครั้งด้วยกัน เกี่ยวกับการไม่สบายของอาจารย์ท่านนี้ สิ่งที่ผมพอจะทำได้ ณ ตอนนั้น คือบอกกับเพื่อน ๆ ไปว่า เดี๋ยวมีเวลาว่างแล้วจะไปเยี่ยมอาจารย์เร็วที่สุด ผ่านมาอีกสัปดาห์เพื่อนโทรมาบอกอีกว่า หมอที่ทำการรักษาบอกกับญาติว่าใครจะมาเยี่ยมให้รีบมาเพราะเวลาของอาจารย์เหลือน้อยเต็มทีแล้ว และอีก 3 วันต่อมาอาจารย์ก็เสียชีวิต
ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ผมเรียนที่สถาบันราชภัฎอุดรธานี อาจารย์ David หรือ เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า Dave เป็นอาจารย์ที่สอนผมมากสุด คืออาจารย์ Dave คนเดียวสอนถึง 5 วิชา (4 ภาคเรียน) พวกเราเอกภาษาอังกฤษจึงให้สนิทกับอาจารย์มาก เรียกได้ว่าถ้ามีปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษคนแรก ๆ ที่พวกเรานึกถึงคือ อาจารย์ Dave นี่แหละ เพราะความเป็นคนทำงานหนัก อารมณ์ดี ขี้เล่น เป็นกันเอง ฯลฯ
อาจารย์ไม่เคยร้องขอให้นักศึกษาคนไหนช่วยถือหรือแบกของหนักๆ พะรุงพะรังที่ท่านเตรียมมาสอน ทั้ง ๆที่อาจารย์มีแขนข้างซ้ายเหลือเพียงข้างเดียว (ประสบอุบัติเหตุตอนมาเมืองไทยใหม่ ๆทำให้แขนขวาขาด) เมื่ออยู่ในห้องเรียนท่านจะใช้น้ำเสียงตะเบ็งอย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเราได้ยินกันหมดทุกคนเพราะสาขาที่เราเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นการฟังและการพูดของอาจารย์จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ผมรู้สึกได้ว่าสิ่งที่สอนนั้นออกจากใจของท่านจริง ๆ ไม่ได้สอนเพียงเพื่อให้หมดภาระหน้าที่ไปวัน ๆ
ผมเขียนบันทึกนี้ด้วยความระลึกถึงพระคุณและความกรุณาของท่าน และเชื่อว่าหากท่านได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ในความเป็นครูของท่าน ที่พวกเรารู้สึก อาจารย์ก็คงจะดีใจ และผมจะพยายามทำหน้าที่ของความเป็นครูให้ได้เหมือนกับอาจารย์ครับ
ไม่มีความเห็น