มีใครรู้สึกทุกข์เพราะรู้สึกว่าเป็นอะไรไปสังคมไทย(การเมืองไทย) บ้าง


โค-ตร เหนื่อยเลย ทั้ง เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ บางทีเหนื่อยไปถึงจิตวิญญาณและถึงกับอุดมการณ์ป่วยเลย

      วันนี้ก็เป็นวันที่โชคดีฉันเข้าฟังบรรยายเรื่อง"งานได้ผลคนเป็นสุข" โดย พล.อ.ต บุญเลิศ จุลเกียรติ บรรยาย 3 ชั่วโมงโดยที่ดิฉันไม่หลับเลย รู้สึกปิติที่ได้ฟัง จุดใหญ่ใจความคือเราเป็นปุถุชนคนธรรมดาจะให้ตัดกิเลส ตัณหา ให้หมดก็ดูจะเป็นการคุยโว แต่เราต้องเป็นปุถุชนที่ถึงพร้อมด้วยปัญญา ถึงแม้ว่าปัญญายังไม่เกิดวันนี้แต่ถ้าเรามีวิถีการคิดให้เข้าถึงปัญญาก็ไม่อยากเกินไป  บางคำถามไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะถ้ามัวหาคำตอบก็เท่ากับเราวนไปวนมาเป็นวงกลม สู้เราคิดเสียว่าการเป็นไปของโลกเกิดจากนิยาม 5 คือ
อุตุนิยาม คือ กฏทางเคมี ฟิสิกส์ (H 2 อะตอม+Oกลายเป็นน้ำ )
พีชนิยาม คือ กฎทางชีววิทยา (ต้นไม้จะงอก ดอกไม้จะบาน)
จิตนิยาม คือ กฎแห่งการทำงานของจิต (คนจะคิด จะตัดสินใจ จะรู้สึก)
กรรมนิยาม คือ กฎแห่งกรรม (คนทำกรรมดี ย่อมเกิดผลดีถึงแม้จะนาน คนทำกรรมชั่วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดผลชั่ว)
ธรรมนิยาม คือ กฎความสัมพันธ์ของทุกๆ กฏ
มนุษย์ถูกสร้างมาให้มีปัญญาแห่งการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ พระสัมมาพระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้กว่า 2549 ปีว่า คำถามบางคำถามเป็นอจินไตย นั่นสิ บางทีการไม่รู้สักเรื่องอาจเป็นเรื่องดี
         สิ่งที่เราทำจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และจะวกกลับมาถึงเรา ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม (นิยาม ๕)   ถ้าเราช่วยกันทำแต่ สิ่งดีๆ โลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ
         ท่านผู้ใดเคยรู้สึกบ้างไหมครับว่า เราโชคดีขนาดไหนที่
เมื่อเช้าเรายังลุกจากเตียงเองได้โดยไม่ต้องมีคนพยุง

เมื่อมื้อที่แล้วเรายังกินอาหารเองได้โดยไม่ต้องบดใส่สาย

เมื่อสักครู่ยังปัสสาวะเองได้โดยไม่ต้องสวน
        วันนี้เราเกิดมาเพื่ออะไร
๑.เพื่อการรู้จักตนเอง
๒.เพื่อการพัฒนาตนเอง
๓.เพื่อการแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี
๔.เพื่อการเสพความสุขอย่างรู้เท่าทัน
๕.เพื่อโอกาสที่จะได้แบ่งปันความโชคดีให้แก่ผู้อื่นที่ด้อยโอกาสกว่า
        และที่สุดของที่สุดเราทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้วท่านรู้สึกว่าท่านคลายทุกข์หรือยัง แต่สำหรับตัวดิฉันเองก็ยังตะหงิดๆ อยู่อีกเล็กน้อยคือไม่ขุ่นมัวแต่ยังไม่เบิกบานแจ่มใจ
         ช่วงบ่ายฉันเข้าฟังบรรยายต่อส่วนหนึ่งของการบรรยายเป็นเรื่องเล่าเร้าอารมณ์ ไอ้ตัวฉันช่างจินตนาการก็มีอารมณ์ร่วมไปกลับเรื่องเล่า ผู้บรรยายตบท้ายด้วยคำถามว่างานที่พวกเราทำนี่เหนื่อยไหม (โค-ตร เหนื่อยเลยทั้ง เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ บางทีเหนื่อยไปถึงจิตวิญญาณและถึงกับอุดมการณ์ป่วยเลย) แล้วท่านก็บอกว่าถ้าเราเหนื่อยให้นึกถึงคนนี้ เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีพระเสโทหยดจากปลายพระนาสิก(เชื่อว่าทุกคนรู้ว่าเป็นภาพไหน) แล้วก็มีเพลงที่ธงไชย แมคอินไตยร้องชื่อ  "ของขวัญจากก้อนดิน"
เรา ทุกคน ก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง
เปราะบาง ไร้ค่า ไร้ความหมาย
อ่อนแอ เหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป
เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง
มี พลัง เพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา
เหนี่ยวรั้ง เราไว้ ให้กล้าแข็ง
รวมผู้คน มากมาย ให้ทรงพลังแข็งแรง
รวมเม็ดดินทุกเม็ด ให้เป็นแผ่นดิน
เรา ก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน
ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น
เพราะพ่อรู้ พ่อคือ พลัง แห่งแผ่นดิน
ให้เรา พออยู่พอกิน กันต่อไป
หากจะหา ของ ขวัญ ให้พ่อ สักกล่อง
เราทั้งผอง จะพร้อม กันได้ไหม
บวกกันเป็น ดินเดียว ให้พ่อ ได้สุขใจ
ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา
เรา ก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน
ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น
เพราะพ่อรู้ พ่อคือ พลัง แห่งแผ่นดิน
ให้เรา พออยู่พอกิน กันต่อไป
หากจะหา ของ ขวัญ ให้พ่อ สักกล่อง
เราทั้งผอง จะพร้อม กันได้ไหม
บวกกันเป็น ดินเดียว ให้พ่อ ได้สุขใจ
ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา
ช่วยกันทำ ความดี ให้พ่อได้สุขใจ
ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่แล้วมา

         ฉันเห็นหลายคนยิ้ม หลายคนร้องเพลงนี้ตาม และหลายคยแอบเช็ดน้ำตาแบบฉัน
          วันนี้ฉันโชคดีที่ไม่ต้องทุกข์อยู่นาน อาจเป็นเพราะโอกาสได้ฟังจนรู้สึกเบิกบาน วันนี้ฉันรู้ว่าบางทีการไม่รู้สักเรื่องก็เป็นเรื่องดี และที่สำคัญวันนี้ดิฉันรู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี คุณหล่ะรู้หรือยังว่าจะทำอะไรต่อไป

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 27789เขียนเมื่อ 10 พฤษภาคม 2006 03:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ขอร่วมแสดงความเห็นด้วยคนนะคะ

 

เคยได้รับฟังธรรมมาบ้าง เรื่องที่ว่าทุกๆสิ่งเกิดมาเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งมันจะดับไปเองตามธรรมชาติ เป็นธรรมดาของธรรมชาติ บางครั้งเวลามีความทุกข์หรือขาดกำลังใจแล้วนึกแบบนี้ก็ปลงและมีสติทำเรื่องอื่นๆต่อได้บ้าง ตอนแรกรู้สึกลุ้นๆเรื่องการเมืองเหมือนกันนะคะ ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาที่มีประเด็นการเมืองอะไรต่างๆ บางทีก็รู้สึกศรัทธาบุคคลบางคน พอผ่านมาอะไรๆ เปิดเผยชัดเจนขึ้นก็เกิดความรู้สึกตรงกันข้ามอีกแล้ว คิดมากวิจารณ์เยอะก็ปวดหัวเองทั้งนั้นไม่ได้มีใครทุกข์กับเราเล้ย 

ก็เลยทำตามหน้าที่ของเราให้ดี พยายามตั้งสติทำงานของตัวเองให้ดีๆ และมุ่งมั่นในเป้าหมายการทำงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  เหลือคิดอยู่เรื่องเดียวคือ ในที่สุดแล้วความดีของทุกๆคนรวมๆกัน ... ทุกสิ่งจะค่อยๆกลับเข้าที่เข้าทางของมันเอง  ที่สำคัญคือสังคมเราอย่าหันไปพึ่งอบายมุขหรือเรื่องงมงายให้แย่ลงไปกว่าเดิม ถือเป็นการซ้ำเติมตัวเองทั้งที่ระบมอยู่แล้ว 

และที่สุดของที่สุด คือ ทำดีถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ค่ะ นี่เป็นความรู้สึกและทัศนคติที่เกิดจากการคิดถึงเรื่องการเมืองมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา   นอกจากนี้การได้รับฟังพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่าน เกี่ยวกับการดำรงชีพว่าด้วยการริเริ่มด้วยตนเอง ไม่ต้องรอใครมาช่วย โครงการในพระราชดำริมีมากมายสำหรับคนไทยให้เลือกทำ และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง นี่หละค่ะที่สลายความมัวซัวมึนงงในหัวไปได้เกือบหมดเลยทีเดียว

ที่เหลือคือหน้าที่และความอึดของเราเองล้วนๆ เลยค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท