วารสาร โคออปนิวส์ ฉบับประจำวันที่ 16-30 มิ.ย. 2552 หน้า 18
วิธีการกระตุ้นให้บุคคลกรหันมาตั้งใจและเอาใจใส่ในการทำงานให้มากขึ้น ที่เราเรียกว่าการทำงานเชิงรุก(Proactive) ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงวิธีการสร้างแรงจูงใจ จึงถูกนำมาใช้เป็นปัจจัย
สำคัญในการพัฒนาคนให้เกิดการพัฒนาตนเอง สร้างสรรค์ผลงานที่ดีมีคุณภาพให้แก่องค์กร
การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ
1. สิ่งจูงใจที่เป็นตัวเงิน(Finacial Incentive) หมายถึงสิ่งจูงใจที่เป็นได้ทั้งทางตรงและทาง
อ้อม ได้แก่ เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง เบี้ยขยัน โบนัส ส่วนแรงจูงใจทางอ้อมได้แก่
บำเหน็จ บำนาญ และสวัสดิการต่าง ๆ
2. สิ่งจูงใจที่ไม่ใช่ตัวเงิน(Non- Fiancial Incentive) หมายถึงการสร้างแรงจูงใจที่ตอบ
สนองความต้องการส่วนบุคคลให้ทุ่มเทกับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ ได้แก่
การยอมรับจากผู้บังคับบัญชา ลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงาน ความมั่นคงปลอดภัยในการ
ทำงาน และอื่น ๆ
เมื่อบุคลากรได้รับแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เงินเดือน สวัสดิการ ความก้าวหน้าทุกอย่างพร้อมแล้ว ผู้บริหารจึงควรจะต้องมาดูที่ผลงานที่ทุกคนต่างทำมาแข่งขันเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
( Productivity) ให้แก่ตนเองและองค์กร ว่ามีความคุ้มค่าแก่การลงทุนหรือไม่ การปรับเปลี่ยนรูป
แบบในการทำงานเพื่อสร้างมูลค่าให้แก่งานและองค์กรสิ่งที่สำคัญก็คือต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง
เพื่อให้เกิดการยอมรับ นวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาซึ่งจะต้องเกิดการปรับเปลี่ยนวิธีการคิด การทำงาน
ให้บรรลุผลสำเร็จและสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างผลงานและความสำเร็จให้แก่ตนเองเป็น
อันดับแรก คือ
ด้านความคิด คิดใหม่ทำใหม่
1. ความคิดต้องคิดแบบภาพรวมมีความคิดมองให้ลึกและกว้างไกลมองในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นอย่ามัวแต่คอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
2. รู้จักปรับตัว คือสามารถปรับตัวได้ทันกันกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติด หรือหลงใน
อำนาจ เปิดใจให้กว้างยอมรับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่นบ้างก็จำทำให้บรรยากาศในการ
ทำงานดีขึ้น
3. คิดทำงานเชิงรุก อย่ารอโอกาสต้องรู้จักแสวงหาโอกาสหรือช่วงชิงโอกาสในการสร้าง
สรรค์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ หมั่นพัฒนาตนเองให้มีองค์ความรู้ในการปฏิบัติงาน
4. มีการวางแผนที่ดี การทำงานที่จะให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ ตามเป้าประสงค์จึงต้องมีการวาง
แผน
ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์
1. ความคุ้มค่าในการลงทุน จะต้องมีการวางแผนจัดการบุคลากรให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ตำแหน่งงาน ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานเพื่อผลงานที่ออกมาเป็นไปตามเป้าหมายและมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน
2. รู้จักประมาณตน ต้องรู้จัดใช้จ่ายอย่างมีสติ
3. การสร้างนิสัยรักองค์กร อย่าเห็นว่าองค์กรเราเป็นแค่ทางผ่านมิใช่อยู่เพื่อความจงรัก
ภักดีแต่รอวันจากหรือเป็นแหล่งสร้างประสบการณ์ของเขาเหล่านั้นเพื่อก้าวไปสู่ที่ใหม่
ที่ใหญ่กว่าและมั่นคงกว่า
4. หมั่นตรวจสอบ ดูแล ทรัพย์สินขององค์กร จะต้องปลูกฝังจิตสำนึกของบุคลากรในการ
ช่วยเหลือ ดูแลทรัพย์สินขององค์กรให้เสมือนดูแลทรัพย์สินของตนเอง ระมัดระวัง
มิให้ชำรุดเสียหายก่อนเวลาอันควร หากทำกิจกรรม 5 ส.ได้จะเป็นการดี
จากบทความเรื่องการพัฒนาตนเองเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในการทำงาน ช่วยให้เกิดแนวความคิดในแง่ที่ว่าการที่จะเติบโตในหน้าที่การงานต้องมีการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
มีทัศนวิสัยที่กว้างไกลมีโลกทัศน์ที่กว้างและต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงทำให้
เราเจ็บปวด ทำให้เราเหนื่อย แต่ถ้าเราต้องการที่จะเป็นคนที่มีศักยภาพต้องยอมรับกับสิ่งนี้ให้ได้.
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
แวะมาชมแล้วพอใช้
มาเยี่ยมชมผลงานค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมายนนะคะ
ข้อมูลข้างต้นเป็นสิ่งที่ดีค่ะเพราะว่าสามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิตทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ข้อมูลนั้นบางส่วนก็ดีแต่บางส่วนก็ไม่ดี ก็ขอให้ไปปรับปรุงเอาเองนะ ^_^
น้อมรับและยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ