กรณีศึกษา SMEs “ การเตรียมพร้อมรับมือวิกฤตที่กำลังจะมาถึง”
สภาพแวดล้อมในปัจจุบันทุก ๆ ข้อมูลล้วนบ่งบอกถึงอันตรายหรือวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเข้ามาเยือน ซึ่งหลายสำนักก็เป็นห่วงว่าจะอาการหนักกว่าปี พ.ศ.2540 ที่ผ่านมา เนื่องจากว่าปัญหาที่เข้ามารุมเร้านั้นมากมายเหลือเกิน และน่าจะมากกว่าอดีตที่ผ่านมาเช่น ปัญหาราคาน้ำมันที่แพงมาก ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน , ปัญหาความแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงซึ่งมีผลอย่างมากต่อความเชื่อมั่น, ปัญหา“ข้าวยากหมากแพง” ซึ่งส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้ออาจจะมีตัวเลขสูงถึง 10% , การแก้ปัญหาที่ยังไม่ชัดเจนของภาครัฐ, ทำให้อดเป็นห่วงผู้ประกอบการรายย่อยไม่ได้เลย วันนี้จึงขอเสนอบทความซึ่งเป็นคำแนะนำของผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านวิกฤตมา แล้วหลายครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเป็นข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการได้ใช้เพื่อการเตรียมรับและต่อสู้กับสภาวะวิกฤตที่กำลังจะมาเยือน ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทั้งหลายโดยหวังว่าผู้ประกอบการจะสามารถยืนหยัดอยู่ต่อไปได้โดยได้รับลกระทบให้น้อยที่สุด สิ่งสำคัญที่ต้องคอยเตือนตัวเองตลอดเวลาคือ อย่ารอคอยความหวังจากคนอื่น แต่เราต้องหาทางช่วยตัวเองด้วยตัวเองก่อน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
· อย่าลงทุนสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้ เช่น ไม่มีการลงทุนในการขยายสาขา , ไม่ควรลงทุนในสินค้าใหม่หรือแนะนำสินค้าใหม่, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ไม่จำเป็นหรือถ้าจำเป็นต้องคิดว่าจะเลื่อนได้หรือไม่ หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ อาจจะต้องคิดเป็นการเช่าแทน , ไม่ทุ่มงบประมาณในการทำโฆษณาเพราะไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง เป็นต้น
· ไม่ควรกู้เงินเข้ามาเพิ่มภาระ ควรพยายามบริหารด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดที่มีและใช้นโยบายการต่อรองเจ้าหนี้และลูกหนี้ที่มีให้มากที่สุด ๆ.........................
· ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องลงทุนต้องไม่ควรเกิน 30% ของเงินสดที่มีในมือถ้า เกิน 30% ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าสมควรลงทุนหรือไม่ เพื่อให้มีเงินสดคงเหลือให้มากที่สุดสำหรับการรองรับสภาวะฉุกเฉินและสภาวะเศรษฐกิจวิกฤตได้ยาวนานที่สุด เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะนานแค่ไหน
สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
· ควรให้เวลาอย่างมากและใกล้ชิดกับธุรกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้ เช่น การมาทำงานเช้ามากขึ้นและกลับบ้านช้ามากขึ้น , การพูดคุยกับหัวหน้างานต่าง ๆ ให้ครบทุก ๆ ส่วนงาน, การมองหากลยุทธ์หรือแนวคิดใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นต้น
· การมองหาแนวทางที่จะลดค่าใช้จ่ายขององค์กร เช่น การมองหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาจ่ายเงินกู้ดอกเบี้ยสูง หรือการปิดบัญชี OD ที่ทำกับธนาคารซึ่งมีเงินสดค้ำประกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายอัตราดอกเบี้ยส่วนต่าง , การประชุมทุกส่วนงานและขอให้ทุก ๆ กลุ่มช่วยกันคิดหาแนวทางเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และบอกให้ทุก ๆ คนรับทราบถึงภัยทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดหรือกำลังจะมาหาให้เข้าใจ จะสมารถทำให้ทุก ๆ คนเต็มใจและยินดียอมรับนโยบายการประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะทุก ๆ คนมีประสบการณ์มาแล้ว เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหานี้มาแล้วหลายครั้งในระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้ จึงเป็นการง่ายที่จะให้ทุก ๆ คนมีส่วนร่วมและเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับผลตอบรับอย่างดียิ่ง
· การป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นในองค์กร นี่คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้และจะทำให้เกิดการเพิ่มรายได้หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้องค์กรได้โดยไม่เสียเงิน มีแต่ได้เท่านั้นและวิธีง่าย ๆ ที่จะตรวจสอบคือการเรียกดูเรื่องต่าง ๆ อย่าอนุมัติอะไรง่ายเกินไป หรืออย่าอนุมัติอะไรโดยไม่ดูรายละเอียดให้รอบคอบก่อน หรือควรสอบถามข้อมูลทางเลือกอื่น ๆ มาเปรียบเทียบดู สิ่งเหล่านี้คือวิธีการง่าย ๆ แต่ได้ผลแน่นอน และให้ตระหนักไว้เสมอว่า “การทุจริตในองค์กร คือบ่อเกิดของความหายนะ”
· การมองหากลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ ในสภาวะวิกฤตดูเหมือนจะยากมาก ๆ ในการมองหาโอกาสเพิ่มรายได้ แต่ไม่ยากจนเกินความสามารถของคนที่มีความพยายาม มีความคิดใหม่ ๆ แบบสร้างสรรค์ คนที่มีความอดทนและขยัน กลยุทธ์ง่าย ๆ ที่สามรถนำมาใช้ได้ในยุคนี้ก็คือ การหาพันธมิตรทางธุรกิจ และการหาเครือข่ายการขายเพิ่มมากขึ้น หรือมีพื้นที่การขายเพิ่มมากขึ้น หรือมีอาณาเขตการขายเพิ่มมากขึ้น เช่น การขยายการขายไปสู่ต่างประเทศโดยอาศัยพันธมิตรทางธุรกิจที่เขามีเครือข่ายอยู่แล้วและกำลังต้องการสินค้าเพิ่มพอดี เพราะบนสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุก ๆ หน่วยงานดังนั้นทุก ๆ คนก็กำลังมองหาสิ่งที่จะมาเสริม หรือสิ่งที่จะมาช่วยเพิ่มรายได้ด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นถ้าเราสามารถมองหาคนที่สามารถทำงานร่วมกันแล้วเสริมให้มีจุดแข็งเพิ่มมากขึ้น หรือช่วยให้มีช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น หรือช่วยให้มีสินค้าเพิ่มมากขึ้น และไม่ได้เพิ่มความยุ่งยาก หรือไม่ได้เพิ่มค่าใช้จ่าย แน่นอนถ้ามีความร่วมมือกันได้ลงตัวผลที่จะเกิดคือ สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย หรือรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นทั้งสองฝ่าย หรือลดค่าใช้จ่ายให้ทั้งสองฝ่ายได้ เป็นต้น
ถึงแม้จะมีปัจจัยที่ไม่เกื้อหนุนทางธุรกิจอย่างมากมาย แต่นักต่อสู้ที่ยังคงมีกำลังใจ มีความอดทน มีความขยันทำงานและพยายามมองหาทางออกของทุก ๆ ปัญหา อย่าท้อถอย จะต้องสามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้อย่างแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุก ๆ ท่านและถ้าต้องการคำแนะนำลองมาหาเราได้ที่
“ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” หรือ สสว. พร้อมและยินดีให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือ ติดต่อได้ที่0-2278-8800 ต่อ 400
ธนพล ก่อฐานะ
ที่ปรึกษา SMEs ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ
ฝ่ายประสานและบริการ SMEs