นานมาแล้วได้ฟังเทปที่อัดจากการพูดคุยของพี่ศุ บุญเลี้ยงกับแฟนๆ ในงานสัมมนางานหนึ่ง
เป็นมุมมองและความคิดของชายหนุ่มที่ไฟความฝันไม่เคยมอดคนนี้
โดยรู้ว่ากิจกรรมอย่างหนึ่งในชีวิตที่ศุบุ-เลี้ยงชอบมากและเต็มใจที่จะทำอยู่เสมอ
นั่นก็คือการทำค่าย..ไม่ว่าจะเป็นค่ายเด็กหรือค่ายคนพิการ (หรือค่ายเด็กพิการ)
ในเทปมีคำพูดของเขาอยู่ตอนหนึ่งที่ฟังแล้วชอบมาก เขาเล่าว่าครั้งหนึ่งเขาพาเด็ก
ไปเข้าค่าย แล้วเขาให้เด็กวิ่งแข่งกัน แต่กติกาคือใครเข้าเส้นชัยเป็นที่สอง-ชนะ
ชายหนุ่มเล่าว่า…ผลที่เกิดขึ้นก็คือแทนที่จะเอาชนะกัน ด้วยการเป็นคนที่เร็วที่สุด
ที่เข้าเส้นชัย…เด็กๆ กลับวิ่งแข่งกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้น
อย่างร่าเริงในหมู่ผู้แข่งขันที่ไม่ต้องการเป็นที่หนึ่ง.........
................
ในชีวิตที่ผ่านมาบ่อยครั้ง เรามักถูกปลูกฝังให้เอาชนะเพื่อขึ้นสู่การเป็นเลิศ
กันมาตลอด เราอยากเรียนให้ได้คะแนนดีที่สุด เราอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด
เราอยากเป็นคนทำงานที่เก่งที่สุด เพื่อให้เจ้านายเห็นว่า เราเยี่ยมที่สุดในบริษัท
เราอยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ฯลฯ
และเมื่อตั้งเป้าอย่างนี้แล้ว เราจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุจุดหมาย
โดยบ่อยครั้งที่เราหลงลืม หรือจงใจมองข้ามมันไปว่า เราได้ทำร้ายใครบ้างหรือเปล่า ?
ไม่ได้หมายความว่า การแข่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายไปซะหมด
มันมีความดีอยู่บ้างในตัวของมัน อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่เป็นคนเอื่อยเฉื่อย
เดินหายใจไปวันๆ เพียงอยากให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคน ได้หยุดคิดสักนิดว่า
เราสามารถที่จะแข่งขันกันโดยไม่ต้องขัดขา ว่าร้าย ผลักหลัง
หรือแอบเหยียบเท้าฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้
คิดว่าได้อยู่แล้ว ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใคร
ผลลัพธ์ได้แค่ไหนก็แค่นั้น มีไมตรีจิตรที่ดี
สร้างพันธมิตรย่อมดีกว่าก่อศัตรูเป็นแน่
แล้วคุณล่ะคิดอย่างไร one for all or two for everything?
นมัสการค่ะ ท่านธรรมฐิต
สาธุ สาธุ สาธุ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณเรื่องเล่าถึงคุศุ บุญเลี้ยง
ดิฉันชื่นชอบ และคุณศุ บันดาลใจให้ดิฉัน
เป็นผู้เต็มใจให้
เหมือนเพลงของพี่เขา
เพราะนั่นเป็นการสร้างความรู้สึกดีให้แก่กัน
โดยไม่ได้คิดหวังว่าจะได้อะไรตอบแทน
สุขใจที่ได้ทำ
ขอบคุณคุณ ศุ และเจ้าของบันทึกค่ะ
สาธุ..ธรรมจงคุ้มครอง