แย่แล้ว!!!! ทำไมฉันถึงได้ปล่อยตัวเองให้พุงพลุ้ย เอวหนา ก้นใหญ่ คางสองชั้น
ยังนึกเข้าข้างตัวเองว่ากระจกหลอกเราหรือป่าวเนียะ ..... เฮอะ
ยอมรับความจริงดีกว่านะ ว่าเรามัน ตุ้ยนุ้ย จริงๆ เพราะตาชั่ง มากกว่า 3 เครื่องบอกตรงกันเดี๊ยะ
ตัวเลขมันชี้ไปที่ 64 กิโล โอ้โห...ถ้าเป็นหมู ก็ได้ราคาดี เพราะอุตส่าห์สะสมของดีๆเอาไว้ตั้งมาก
มาย วัดบีเอ็มไอ แปลผลแล้วก็คือ ...เธอน๋ะ มัน..หมู ชัดๆ
วัดรอบเอว ก็เกินไป 2 เซน เขาให้ไม่เกิน 80 เซน สำหรับผู้หญิง แต่เราวัดยังไง ก็ 82 เซน เขาให้
วัดผ่านสะดือน ห้ามแขม่วท้องเป็นอันขาดนะ
กดดัน กดดัน และกดดัน มากๆๆ เพราะถูกล้อเป็นประจำ สวมชุดไหน ชุดไหน ก็ยังปูดโน่น ปูดนี่ เฮ้อ เบื่อหน่ายตัวเองจริงๆๆ
ไม่ได้และ ปล่อยตัวแบบนี้ไม่ได้ เพราะที่ทำงานเขาก็รณรงค์ปาวๆ ให้ลดพุง ลดพุง ถ้าไม่ห่วงหน้าตาตัวเอง ก็ห่วงเพื่อนฝูงบ้าง เดี๋ยวแข่งขัน แพ้ศูนย์ฯอื่น เขาจะมาโทษเราได้ว่าไม่ร่วมมือ
เอาก็เอาล่ะวะ เป็นไงเป็นกัน คนอื่นเขายังทำน้ำหนักลดลงได้ สู้ สู้ สู้ ถึงเวลาต้องสู้แล้ว ปี๊ดดดด...
แล้วจะเริ่มยังไงดี ทำใจก่อนดีกว่า ทำใจดีไว้นะเรา เราต้องทำได้ หลับตานึกภาพตัวเองหุ่นดี
เอวคอด ใส่เสื่อผ้าเบอร์M เดินไปทางไหนใครๆก็ทักว่า เธอไปทำอะไรมาผอมลงเยอะเลย ปลื้มสุดๆ และท่องคาถาที่พี่เคยบอกว่า "ถ้าไม่เอา เข้าก็เท่ากับเอาออก" พี่จินที่แม่ฮ่องสอนเธอผอมลง8 กก. เธอบอกว่าเพียงแค่เธอต้องการผอม เธอก็กินอะไรไม่ลง กินได้น้อยลงมาก เราจะจำคำที่เธอบอก แล้วจะทำตามคือกินน้อยลง
วันนี้เลยเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารที่ทำเอง (นานมากแล้ว ไม่ได้ทำอาหารเอง) เมนู คือ แกงจืดเต้าหู้ผักกาดเขียว ปลาตัวเล็กอบ จากสามร้อยยอด ผักผักบุ้ง ที่ซื้อผักมาจากตลาดผักปลอดสารพิษของม.ช. เมื่อวันเสาร์ ข้าวต้มถ้วยเล็กครึ่งถ้วย ...อิ่มสบายท้องจริงๆ