ความหวังครั้งใหม่


ที่นี่พร้อมที่จะหยิบยื่นโอกาสให้กับทุกคน เพียงแค่คุณยอมที่จะเดินข้ามผ่านอุปสรรคไปพร้อมกับเรา

                   ครอบครัวของนายมนตรี  วงษ์สวัสดิ์  ชื่อเล่น  น้องบู้  อายุ 17  ปี ครอบครัวน้องบู้อาศัยอยู่ร่วมกัน 3 คน มีพ่อแม่และน้องบู้  พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป  ส่วนแม่ของน้องบู้ประกอบอาชีพเป็นแม่บ้านทำความสะอาดให้กับสถานีอนามัยใกล้บ้าน น้องบู้มีความพิการทางด้านร่างกายและสติปัญญา  เนื่องจากได้รับอุบัติเหตุ  ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุน้องบู้กลายเป็นคนพิการ  ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  ไม่สามารถขยับร่างกายไปไหนได้  มีแม่และพ่อช่วยกันทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว  แต่ก็ยังไม่พอกับรายจ่าย  เพราะงานรับจ้างของผู้เป็นพ่อมีบ้างไม่มีบ้างแล้วแต่ใครจะจ้างให้ทำอะไร  ภาระหนักเลยตกอยู่กับแม่  เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปทำความสะอาดที่สถานีอนามัยและต้องรีบขับรถกลับมาเพื่อมาป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับน้องบู้  แล้วรีบกลับไปทำงานของตัวเองต่อให้เสร็จ  ทำอยู่อย่างนี้เป็นประจำทุกวัน  ถ้าวันไหนพ่อของน้องบู้ไม่ได้ออกไปรับจ้างที่ไหนก็จะได้ช่วยดูแลน้องบู้แทนแม่

                น้องบู้ไม่เคยได้รับการทำกายภาพจากที่ไหน  เพราะฐานะทางบ้านยากจนจึงเข้าไม่ถึงการรักษา  แต่เมื่อทางทีมแพทย์ได้ลงพื้นที่สำรวจเยี่ยมบ้าน  ได้พบกับครอบครัวของน้องบู้  และได้รับน้องเข้ามาอยู่ในโครงการฟื้นฟูเด็กพิการ  ทำให้น้องบู้ได้เข้ามารับกิจกรรมการฝึกกายบำบัด  ครั้งแรกที่เจอกัน  คำที่ได้ยินบ่อยและรู้สึกหดหู่ใจมากคือน้องพูดแต่คำว่าอยากตาย อยากตาย เมื่อใครถามถึงเหตุผลก็ไม่ตอบเพราะน้องยังไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ น้องบู้จะชอบกัดเสื้อผ้าจนขาดหลุดลุ่ย  และตีหัวตัวเองเมื่อไม่พอใจ  ช่วงแรกๆ  เมื่อทำกายภาพบำบัดก็มีอุปสรรคบ้าง  เนื่องจากน้องตัวใหญ่มากและน้ำหนักตัวของน้องก็มากด้วยเช่นกัน  และน้องไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  เวลาจะเคลื่อนย้ายน้องต้องช่วยกันหาม  แต่ทุกคนก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครองเองก็ตาม  เหตุผลเดียวที่มีก็คือต้องการให้น้องได้ทำกายภาพบำบัดและมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานคุณแม่ของน้องได้โทรมาบอกกับเจ้าหน้าที่ของเราท่านหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและดีใจว่าน้องบู้กลิ้งตกเตียง นั่นก็หมายถึงว่าน้องบู้เริ่มขยับร่างกายได้แล้วบ้างเป็นบางส่วน  หลังจากที่นอนนิ่งอยู่กับที่มาเป็นเวลานาน และสังเกตได้ว่าเวลาไปรับน้องเพื่อมาทำกายภาพ  ระหว่างทางที่นั่งบนรถน้องบู้จะคอยซักถามตลอด เช่น นั่นต้นอะไร เราจะไปไหนกันและเหมือนจะสนใจกับบรรยากาศข้างทางตลอด  ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าสมองของน้องเริ่มรับรู้เรื่องราวต่างๆ  และมีการพัฒนาการที่ดีขึ้นจากเดิม 

                จนถึงปัจจุบันนี้สิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ปลาบปลื้มและดีใจกับครอบครัวของน้องบู้คือน้องไม่พูดคำว่าอยากตายแล้ว แต่น้องบู้มีความกระตือรือร้นที่จะมาฝึกที่ศูนย์ฯ  ของเรา วันไหนที่น้องรู้ว่าจะได้มาที่ศูนย์ฯ  น้องจะมีอาการดีใจ  ส่วนหนึ่งก็คือชอบที่จะได้นั่งรถเที่ยวและมองเห็นบรรยากาศข้างนอกที่ไม่ใช่แค่บ้านของตัวเอง แม่ของน้องบู้ได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่ารู้สึกดีใจที่ได้พบกับทีมแพทย์และได้มอบโอกาสให้กับครอบครัวของน้องบู้  และสิ่งที่สำคัญคือทางศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ได้สร้างความหวังครั้งใหม่ให้กับครอบครัวของเธอ จากเดิมที่ไม่เคยเหลือความหวังอะไรเลย  มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตฯ อยากจะบอกกับทุกคนว่าที่นี่พร้อมที่จะหยิบยื่นโอกาสให้กับทุกคน  เพียงแค่คุณยอมที่จะเดินข้ามผ่านอุปสรรคไปพร้อมกับเรา  เราจะอยู่ข้าง ๆ คุณ

หมายเลขบันทึก: 273185เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2009 14:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท