ความหอม หวล ชวนลิ้ม ชิมรส ในอารมณ์ที่จิตปรุงแต่งขึ้นมานั้นมันช่างหวาน ช่างหอมเสียนี่กะไร
ถ้าติดความเอร็ดอร่อยอยู่ในอารมณ์ปัจจุบัน เราจะไม่มีวันข้ามไปมันไม่ได้
อย่ามองเห็นว่า “นิดหน่อยน่า...” ไม่ได้ทำขอให้ได้คิดก็ยังดี
อย่าไปประมาทในอารมณ์แม้นนิดเดียว อารมณ์มันสะสม อารมณ์มัน “รวมพลัง...”
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละเป็นเรื่องสำคัญ
หากเรามัวแต่ลุ่ม มัวแต่หลง มัวแต่เพลินในอารมณ์ที่ปรุงแต่งขึ้นมา เพื่อให้ได้ลิ้ม ชิมรส แห่ง “ความฝัน” ชีวิตนี้นั้นจักไม่มีวันได้ลิ้มรส “สุข” ที่แท้จริง
ดำรงจิตให้ลิ้มรสอารมณ์ “สงบ” แห่งความหยุดนิ่ง
ความหยุดนิ่งคือ อารมณ์ที่สุขแท้แห่ง “ปัจจุบัน...”
จิตที่เพ้อฝัน แล้วนั่งยิ้มแบบฝันกลางวัน ชีวิตนั้น “ละเมอทุกข์ ละเมอสุข...”
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นพบกับความเป็นจริง ย่อมต้องจมอยู่กับความทุกข์มากเท่า ทวีคูณ
เวลาที่มีน้อยนิด เอาไปทิ้ง ไปขว้าง กับความเอร็ด ความอร่อยที่อ้างว่าง เดียวดาย และเงียบเหงา
ความเอร็ด อร่อยที่ไม่มีแม้นเพียงเงา เราจะเฝ้า ทอดทิ้งจิต ตามทำไม...?
ตั้งสติ ระลึกจิตอยู่กับลมหายใจ “ปัจจุบัน”
ลมหายใจเข้าที่ “สบาย” ลมหายใจออกที่ “สบาย”
ลมหายใจเข้าและออกที่ “สบาย” คือความเอร็ด ความอร่อยแท้แห่ง “ชีวิต...”
ปล่อยวางความเอร็ด ความเอร็ดจากอารมณ์ ดึงชีวิตออกจากจิตที่จมอยู่กับอารมณ์ที่หมักหมมไปด้วยกิเลสและตัณหานั้น
ใช้ชีวิตที่ได้อัตภาพอันประเสริฐนี้ ลิ้มรสความเอร็ดอร่อยจาก “ลมหายใจ”
แล้วท่านจะพบสัจธรรมแห่งความสุขใดที่จะเทียบเท่าความสงบนั้นไม่มี...
ไม่มีความเห็น