การเกิดทัศนคติ เจตคติ ฯลฯ ของแต่ละคนเกิดขึ้นจากการหล่อหลอม การเลี้ยงดู สังคมรอบข้างที่เขาประสบพบเห็นมาตั้งแต่เกิด หากคนเราพบว่า เราสามารถนั่งคุย ตอบคำถามเอาใจผู้อื่นดังที่เขาอยากให้เราตอบ แล้วเราสามารถดำรงตนอยู่ได้ในสังคม มีัความก้าวหน้าตามลำดับโดยไม่มีอุปสรรคมากนัก หากพลาดพลังก็มีมาตรการแก้ตัว ซึ่งก็มีผลทำให้ผ่านการทดลองต่างๆ ทุก ๆ ครั้ง เราก็จะเรียนรู้ว่าเราสามารถกระทำเช่นนั้นได้โดยไม่ต้องลำบากลำบนใช้ความพยายามในการกระทำอย่างที่ผู้อื่นอยากให้เรากระทำจริงๆ แค่เสแสร้างแกล้งทำว่าเรากระทำก็เพียงพอแล้ว
คนทุกคนมีความปราถนาอยู่ลึกๆ ที่จะใช้ชีวิตอย่างสบาย ไปอบรม สัมมนา โดยไม่ต้องทำงาน แค่นั่งฟังคนอื่น พูดๆๆๆ หรือ ไปร่วมกิจกรรมนอกสถานที่โดยไม่ต้องทำงาน หรือ เรียนในห้องเรียน หากเราหล่อหลอม สร้างประสบการณ์ดังกล่าวข้างต้นมา 9 ปี 12 ปี 15 ปี 19 ปี เมื่อคนผู้นั้นเข้าสู่สังคมที่โหดร้าย ปราศจากการอลุ้มอล่วย ประนีประนอม มีแต่การเอารัดเอาเปรียบ แก่งแย่งชิงดีกัน คนผู้นั้นจะสามารถต่อสู้ อยู่ในสังคมได้อย่างดีหรือไม่? สังคมได้หล่อหลอมเขาดีแล้วหรือ? ในการที่ให้เขามีประสบการณ์ที่ "สบายจนเคยตัว" ไม่มีใครทำโทษหากทำผิด หากเขาทำผิดกฏหมายในอนาคตเมื่อเขาโตขึ้น่ในสังคมการทำงาน สังคมปัจจุบัน ทำำไมไม่ทำโทษเพียงการว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ทำหนังสือแจ้งผู้ปกครองเขาเล่า ทำไมถึงมีโทษปรับ โทษจำคุก โทษประหารชีวิต
ทำอย่างไรให้เด็กๆอยู่ในระเบียบวินัยโดยไม่ต้องกระทบให้เกิดพฤติกรรมไม่เหมาะสมดีคะ