พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานอันจำเริญ จากพระพจนาถที่ชื่อว่าฮอัลนูร พระบัญญัติที่ 31พระองค์ตรัสไว่ว่า "และจงกล่าวเถิดมูฮัมมัดแก่บรรดามุอมินะฮให้เธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาสิ่งพึงสงวนของพวกเธอ และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศรีษะของเธอลงมาถึงหน้าอกของเธอ และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับของเธอ เว้นแต่แก่สามีของเธอ หรือบิดาของสามีของพวกเธอ หรือลูกชายของพวกเธอหรือลูกชายสามีของพวกเธอ หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอหรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกเธอหรือพวกผู้หญิงของพวกเธอหรือที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง(ทาสและทาสี)หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศหรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิงและอย่าให้เธอกระทืบเท้าของพวกเธอ เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกเธอควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกเธอและพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮเถิด โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ" นี่เป็นพระพจนาถของพระผู้เป็นเจ้าที่สมบูรณ์ในบทชื่อฮอันนูร ซึงชี้ชัดว่าอาภรณ์ที่เรียกว่า ฮิญาบนั้นเป็นอาภรณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้ การเปิดเผยใบหน้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้าตามหลักการอิสลามนั้นถึอว่าสูงสุดในการเปิดเผยแล้ว เว้นสตรีมุสลิมที่มีความรู้ความเข้าใจในอิสลามน้อยและพวกฝ่าฝืน แต่เมื่อเธอได้รับความรู้ความเข้าใจเธอจะสวมชุดฮิญาบทันที นี่เป็นประเด็นแลกเปลี่ยนว่าการเปิดเผยใบหน้าก็เป็นเรื่องอันตรายในยุคนี้ ทั้งนี้เพราะเมื่อพบว่าใบหน้าสวย ในเรือนร่างนั้นคงต้องสวยสดงดงามด้วย ดังนั้นสตรีมุสลิมที่รักนวลสงวนตัวและกลัวการถูกลวนลามทางเพศ การข่มขืน ฯลฯในสังคมที่ไม่ได้ใช้กฎหมายอิสลาม จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวและเขาจึงต้องปกปิดมิดชิดให้มากขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด และไม่ใช่การถูกบังคับเหมือนที่รัฐมนตรีศึกษา นายกรัฐรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวร้ายว่ากดขี่ ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพสตรี ในความจริงแล้วท่านและรัฐมนตรีท่านนั่นแหละกำลังละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิในการนับถือในศาสนาและการปฏิบัติตามคำสั่งห้ามสั่งใช้ของศาสนาซึ่งในอิสลามแล้ว เราเรียกว่าเป็น วิถึแห่งชีวิต มากกว่าศาสนาเสียอีก ประเทศตะวันตกที่มีวัฒนธรรมต่ำทรามทางเพศ เห็นเด็กและผู้หญิงเป็นเครื่องบำเรอทางกามารมณ์มักจะกล่าวอ้างกับสตรีมุสลิมเสมอๆว่าถูกกดขี่ ปิดกั้นสิทธิสตรี ฯลฯ ท่านเชื่อหรือไว้ว่าชนเผ่าอื่นในสมัยที่ท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ.ล)ประกาศวิถึอิสลามในพระนามแห่งเอกองค์อัลลอฮ(ซบ)เมื่อกว่า 1500ปีมาแล้ว นั้นก็มีชนหลายเผ่าพูดและคิดไม่ต่างจากซาโกซี่ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เพราะพวกนี้เห็นสตรีและเด็กหญิงเป็นเครื่องบำเรอทางเพศ เห็นเป็นสินค้าและบริการชนิดหนึ่งนั่นเอง
ไม่มีความเห็น