ความสุข ... อยู่ใกล้ๆ แค่นี้


อริยะสัจ 4 สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและบอกไว้ ว่าด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แท้จริงแล้วก็คือ ทางเดินไปหาคำว่า " ความสุข " เพราะถ้าเมื่อไรเรากำจัด " ความทุกข์ " ได้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้นทันที

นิตยสาร time บอกเอาไว้ว่า  ที่อเมริกาได้มีงานวิจัยพบว่า คนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก ก็คือ พระในทางพุทธศาสนา โดยทดสอบด้วยการสแกนสมองของพระที่ทำสมาธิ และได้ผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นจริง..

หลักความเชื่อของศาสนาพุทธ ก็คือ เหตุที่ทำให้เกิดความสุข นั้นจะอยู่กับปัจจุบันขณะปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุด ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และใช้หลัก "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ให้อภัย ตัวเอง และผู้อื่น มีจิตใจเมตตากรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น"




อริยะสัจ 4 สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและบอกไว้ ว่าด้วย ทุกข์ สมุทัย  นิโรธ มรรค แท้จริงแล้วก็คือ ทางเดินไปหาคำว่า " ความสุข " เพราะถ้าเมื่อไรเรากำจัด " ความทุกข์ " ได้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้นทันที


อุปสรรคของความสุข ก็คือ แรงปรารถนา และตัณหา พระอาจารย์บอกว่า คนเราจะมีความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า " มีเท่าไร " แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเรา " พอเมื่อไร " ความสุขไม่ได้ขึ้นกับจำนวนสิ่งของที่เรามีหรือเราได้...


ท่านสังเกตเอาจากชาวนาที่ จ อุบล ถ้าบ้านไหนมีควายไว้ช่วยทำนา 1 ตัว บ้านนั้นจะมีความสุข แต่เมื่อไร ที่ชาวนาคนไหนอยากจะได้ ควายตัวที่ 2 ปั๊ป ชาวนาคนนั้นจะไม่มีความสุขเลย ... เพราะต้องเริ่มคิดว่าจะทำไงดีถึงจะได้ควายอีกสักตัว

เราก็เหมือนกัน เมื่อไรที่เราอยากได้รถคันใหม่ อยากได้บ้านใหม่ อยากไปเที่ยว อยากจะมัดใจไอ้หมอนั้น ให้ได้ (อิอิ) ฯลฯ เราจะเริ่มเป็นทุกข์ เพราะเราต้องคิดหาทางที่จะเอามันมาให้ได้ มาเป็นของเรา..



ดังนั้นวิธีจะมีความสุข อันดับแรก ต้อง " หยุดให้เป็น และพอใจให้ได้ " ถ้าเราไม่หยุดความอยาก(ที่มากเกินไป) ของเราแล้วละก็ เราก็จะต้องวิ่งไล่ตาม หลายสิ่งที่เรา " อยากได้ " แล้วนั่นมัน เหนื่อย!!!และความทุกข์ ก็จะตามมา...


ข้อต่อมาที่ทำให้เราเป็นสุข คือ การมองทุกอย่างใน แง่บวก เมื่อเสร็จงานแล้วกลับถึงบ้าน คนที่บ้านถามว่า วันนี้เป็นไงบ้าง ? ส่วนใหญ่เราจะตอบว่า " โดนบอสด่ามา วุ่นวาย ลูกค้า งี่เง่า ฯลฯ " ทำไมเราถึงชอบคิดถึงแต่เรืองไม่ดี


ในชีวิตแต่ละวัน แน่นอน เราต้องเจอทั้งเรื่องดี และไม่ดี แต่ถ้าเราอยากจะมีความสุขเราต้องเริ่ม ด้วยการมองแต่สิ่งดีๆ มองให้เป็นบวก เพื่อที่ใจเราจะได้เป็นบวก คิดถึงสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้วในวันนี้ สิ่งดีๆที่เราได้ทำ....


ข้อต่อมาคือ การให้ หมายรวมถึงการให้ในรูปแบบสิ่งของหรือ เงิน เรียกว่าบริจาค และการให้ ความเมตตา กรุณาต่อกัน ให้อภัย ทั้งตัวเอง และคนอื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ เป็นปัจจัย ทำให้เรามีความสุข....



การปล่อยวางให้ได้ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงและเศร้าโศกเพียงใด จำไว้ว่า มันจะโดน เวลา พัดพามันไปจากเราไม่ช้าก็เร็ว เราจะผ่านพ้นไปได้....

และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต
ไม่ว่า จะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบเพียงใด ไม่ว่า ผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วยล้วนแล้วแต่ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราทุกคนต้องได้ผ่าน บททดสอบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร...  


ขอให้เรารักษาใจเราให้เป็นสุข อยู่เสมอ เพราะความสุข มันอยู่ใกล้แค่นี้เอง แค่ที่ ใจของเรา นี่เองแหละ...

ขอบคุณ กัลยาณมิตรที่ส่งเมลนี้มาให้อ่านค่ะ

ที่มาภาพ: Time Magazine และ http://www.msi-healing.com/images/meditation.jpg

หมายเลขบันทึก: 270557เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2009 09:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:30 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมี

คิดบวก..

ขอบคุณนะคะ

       

 

P

สวัสดีค่ะน้องเพ้ยมาเรียนรู้ด้วยคนนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณแดง

ดอกไม้สวยจังเลย ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนนะคะ

สวัสดีจ้า น้องเพ้ย

ยินดีมากค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ น้องเพ้ย

อย่าลืมเข้ามาอ่านบ่อยๆ นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท