การงานที่ทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย เมื่อย และล้า จนนำพาให้ชีวิตต้องท้อแท้ ท้อถอย จิตใจก็พลอยเศร้าสร้อย เพราะความเหนื่อยล้าของจิตใจ...
ผัสสะทั้งภายนอก ภายใน
ผัสสะจากบุคคลรอบข้าง เมื่อเราต้องยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าศัตรูและมิตรร้าย
ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงจากงานทั้งหลาย ทั้งงานภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “งานภายใน” นี้เปรียบเสมือนยาขม ที่ชีวิตนี้ต้องดอมดมแทนกลิ่นเกสร ที่หมู่มวลผจรเลาะลัดลิ่ว ถวิลหา
ความขมขื่นแห่งชีวิต ที่ต้องต่อสู้กับงานที่หนัก
ความขมขื่นแห่งจิต ที่ต้องอยู่ใน “คุกแห่งศีล” ช่างขื่น ช่างขม แต่ต้องสู้ ทำหน้าชื่น แต่อกตรม ทนขื่นขม ระทมใจ
แต่ทว่าความขมที่เหมือนชีวิตต้องจมอยู่ในกองทุกข์ที่หนักหนาในครานี้ ถ้าหากลองนึกย้อนกลับไปให้ดี ๆ ทุก ๆ ย่างก้าวที่ผ่านมี “พลัง”
“พลังจากยาขม” เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเมื่อครั้นที่เรากล้ายืนหยัดกลืนยาขมลงคอได้
ความศรัทธาใดหรือจะสู้ การศรัทธาต่อตนเอง
ความเคารพนบนอมต่อผู้ใด ฤาจะสู้คนที่สามารถเคารพ นบนอบตนเองได้
คนที่เคยแต่เดินอยู่บนถนนที่มีแต่ผู้คนโปรยไว้ซึ่งกลีบกุหลาบ จักเอาพลังแห่งศรัทธาจากที่ไหน เพื่อมีไว้ “ศรัทธาตน”
ของขม ความขื่นขม สิ่งที่ทำให้จิตใจต้องทุกข์ระทม เป็น “ทุน (Capital Bias)” ที่สั่งสมสู่ “ศรัทธา...”
การกล้าที่จะคว้าของขมเข้าปาก
การกล้าที่จะขยับขากรรไกรแล้วเคี้ยวกลืน สามารถสร้างพลังที่แข็งแกร่งสู่จิตใจ
ของขมคือการต่อสู้กับความทุกข์
ความบากบั่น พากเพียรทางกายหนึ่ง เหงื่อที่เค็มนั้นแสนขม แต่อุดมด้วย “ความรู้”
ความตั้งมั่น ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน น้ำตาที่จืดก็แสนขม แต่อุดมด้วย “ปัญญา”
ความขมทั้งยากาย และยาใจ ล้วนสรรค์สร้าง คุณค่า นอกและใน
อดทนสู้ ความขมขื่น สู้ทนทุกข์ ระทมไป สักวันได้ พบรสแท้ “สงบ” เอย...
ขอบคุณ ข้อคิดดีดี อย่างนี้นะคะ