วันนี้ผมเหนื่อยล้าอย่างที่สุด กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมมีวิธีคลายเครียดอีกแบบโดยการเขียนบันทึก นั่งน่าคอมพิวเตอร์ปล่อยความคิดล่องลอยไปแล้วบรรจงถ่ายทอดลงมาเป็นตัวอักษรหลังการไตร่ตรองระดับหนึ่ง.....
เวลาผมล้า เหนื่อยสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้คือการคิดหาแรงบันดาลใจมาเติมไฟฝันให้ชีวิต จิตเรายังไม่นิ่งพอเป็นพระอริยเจ้านี่นา(ถ้าเป็นแนวเจริญสติ พิจารณาจิต วิธีแก้ปัญหานี้ คงให้ดูและพิจารณาว่า จิตของเราคงจะไปจบที่ไหน 555 ) แต่ผมยังใช้วิธีนั้นไม่ได้หรอกก็ตอนนี้ผมมีไอเดียดีๆ อยากแบ่งปันนี่นา ผมเลยตัดสินใจเขียน เรื่องมาเล่าสู่กันฟังครับ
ผมตั้งใจว่าหลังงานใหญ่ต้นเดือนกรกฎาเสร็จลง ผมอยากขับรถไปกราบนมัสการครูบาอาจารย์ที่เคารพ และเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเองก่อนไปเรียนต่อ และถ้ามีเวลาผมอยากกลับไปพบเพื่อนพี่น้องชาวบ้านชมภูอีกครั้ง ลุงแวะ(พ่อผู้ใหญ่บ้าน) พี่เทพ ติง ลุงโม และชาวบ้านชมภูทุกคน คนเหล่านี้เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา มองเฉยๆ ก็ไม่มีอะไร เป็นชาวบ้าน ตาดำๆ เป็นคนธรรมดาๆ แต่เป็นความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะคนเหล่านี้เองที่หาญกล้ารุกขึ้นมาเรียกทวงความเป็นธรรมทั้งจากอิทธิพลมืดและอำนาจรัฐที่เข้าข้างกลุ่มนายทุนที่เข้ามาขโมยและยัดเยียดวิถีชีวิต รุกร้ำทรัพย์สินส่วนรวมของชาวบ้านโดยการเปิดโรงโม่หินและรุกร้ำป่าสงวนไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งใช้วิธีหลอกให้ชาวบ้านลงชื่อไม่เอาโรงโม่หินก่อนที่จะสอดไส้ เปลี่ยนใบปะหน้าเอกสารเป็นชาวบ้านยอมให้ตั้งโรงโม่หิน และท้ายสุดเมื่อชาวบ้านรู้ทันและเริ่มเรียกร้องสิทธิของตน คนกลุ่มนี้ก็ได้คร่าชีวิตคนที่เป็นแกนนำการต่อต้านอย่างพี่โจ พิทักษ์ โตนวุธลงอย่างป่าเถื่อน
ผมเคยถามพ่อผู้ใหญ่ หรือคุณลุงแวะว่า "พ่อไม่กลัวเหรอที่ไปขัดแย้งกับพวกนายทุน นักการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนอย่างนั้น?" พ่อผู้ใหญ่ก็ตอบผมมาตรงๆแหละครับ "ก็กลัวเหมือนกันครับ อาจารย์ แต่ถ้าผมไม่ทำก็ไม่มีใครทำ" (ถ้าไม่งั้นก็ไม่มีใครกล้ารุกขึ้นเรียกร้องสิ่งที่ถูกต้อง) ผมนิ่งกับคำตอบของพ่อ เพราะสิ่งที่พ่อทำไปนั้นมันเป็นการเดิมพันด้วยชีวิต ซึ่งผมไม่คยคิดว่าผมจะทำได้อย่างนั้น ที่จริงผมเป็นคนขี้ขลาด รักตัวเอง แต่ก็อยากจะทำสิ่งดีๆ เท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าต้องเดิมพันด้วยชีวิตแบบพ่อผู้ใหญ่ พี่พิทักษ์ โตนวุธ หรือ พี่เทพ และติง ผมคงไม่แน่ใจว่าคำตอบจากปากผมจะเด็ดขาดและเป็นไปในแบบเดียวกับที่พ่อแวะตอบผมหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้
อืม นี่หรือ คือคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองมีความรู้สูง ตัวเองสมบูรณ์พร้อม ผมนั่งถามตัวเองในวันหนึ่ง ถ้าดูดีๆ ผมยังไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งสักหนึ่งในล้านส่วนของที่ชาวบ้านชมภูมีเลย .....
...................................................................................................................................
บันทึกนี้ผมมอบให้กับลุงแวะ(พ่อผู้ใหญ่บ้าน) พี่โจ พี่เทพ ติง ลุงโม และชาวบ้านชมภูทุกคน คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาสำหรับผม ในเสี้ยวหนึ่งของความคิดเวลาที่ผมเหนื่อย ผมจะคิดถึงฮีโร่ของผมเหล่านี้
ร้อยดาวร้อยเดือนมา
ร้อยดวงมาเรียงเป็นวง
ร้อยใจสายใยยาว
กูเกี่ยวดาวมาไว้ดิน
ชาวนาผู้ขมขื่น
เขาหยัดยืนขึ้นถือธง
คือคนคงคู่คน
เปล่งเสียงสู้เหนือภูพาน
คือผู้ที่อยู่ป่า
เป็นแนวหน้ากลางป่าเขา
คือดาวที่วาวเงา
อันทอดดวงเพื่อปวงชน
ร้อยดาวร้อยเดือนมา
ร้อยเคียวมาเรียงเป็นวง
ร้อยชนที่ชูธรรม
ชนจะนำไปชูไท
แวะมาอ่านและให้กำลังใจนักต่อสู้ทุกคนครับ
ให้กำลังใจด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์พันธุ์ทิพย์ที่แวะมาเยี่ยมเสมอมาครับ สถานที่แห่งนี้ และนักต่อสู้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงคุณค่าของคำว่า "สิทธิมนุษยชน" และทำให้ผมตระหนักถึงความจำเป็นในการให้การศึกษากับสังคมและคุณค่าของรักษาหลักการนี้ไว้ครับ
ขอบคุณคุณbee man ที่แวะมาเยี่ยมครับ
สังคมต้องมีคนแบบนี้บ้าง จะได้สมดุลกัน