นับว่าโชคดีมากที่คุณจเร หลิมวัฒนา ชวนไปอบรมการทำเกษตรธรรมชาติ ที่บ้านของอาจารย์พงษ์พันธ์ นันทขว้าง บ้านเวียงยอง จังหวัดลำพูน พร้อมกับกลุ่มเกษตรกรปศุสัตว์อินทรีย์บ้านเกี๋ยงหนองข่วง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อนำความรู้มาใช้ในงานด้านปศุสัตว์ที่ทำอยู่โดยเฉพาะเรื่องการทำอาหารเลี้ยงสัตว์แบบธรรมชาติ ไปถึงบ้านอาจารย์ช้าสายมากทำให้ได้เรียนแบบเร่งรีบอย่างไรก็ตามได้แนวคิดหลักการหลายอย่าง เช่น ความหมายของเกษตรธรรมชาติ ที่หมายถึงการนำเอาจุลินทรีย์มาใช้ในการเกษตรทั้งทางพืช ปศุสัตว์ ประมง โดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี เน้นการลดต้นทุน ประยุกตืการทำปุ๋ย อาหารสัตว์เองพึ่งตนเอง ใช้ปัจจัยการผลิตเองให้มากที่สุด พัฒนาสิ่งแดล้อม การดำเนินงานเน้นปรัชญาเครษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาวางแผนดำรงชีวิตเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้อย่างมั่นคงยั่งยืน โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
สรุปองค์ประกอบการอบรมการทำการเกษตรแบบธรรมชาติคือคือ
๑.การผลิตเชื้อจุลินทรีย์ ๓ ประเภท ๗ ชนิด
ประเภทที่ ๑ การทำน้ำหมักจากพืชมี ๓ ชนิด -จากพืชสีเขียวและสด
-จากผลไม้สุก
-จากพืชสมุนไพร
ประเภทที่ ๒ การทำน้ำหมักจากน้ำซาวข้าว มี ๓ ชนิด -แลกโตบาซิลลัสจากนมสด
-แคลเซี่ยมจากเปลือกไข่
-ฟอสฟอรัสจากถ่านกระดูกสัตว์
ประเภทที่ ๓ การทำน้ำหมักจากสัตว์ ได้แก่กุ้ง หอย ปู ปลา ไส้เดือน รกหมู ฯลฯ อย่างใดอย่างหนึ่ง รวมกันไม่ได้
๒.การผลิตเชื้อราขาว/จุลินทรีย์ท้องถิ่น
๒.๑. การเก็บเชื้อราขาว
๒.๒.การต่อหัวเชื้อราขาว
๒.๓.การขยายหัวเชื้อราขาว
๓.การทำปุ๋ยหมักจากเชื้อราขาว
๓.๑.โดยคนทำ
๓.๒.โดนสัตว์ทำ
๔.การเลี้ยงสัตว์
๔.๑.การวางแผนการเลี้ยงสัตว์
๔.๒.การผลิตอาหารสัตว์
๔.๓.การผสมอาหารสัตว์
๔.๔.การให้อาหารและน้ำสัตว์
๕.การทำคอก
๕.๑.การสร้างคอกหมูและคอกสัตว์อื่นๆ
๕.๒.การทำพื้นคอก
๖.การปลูกพืช
๖.๑.การวางแผนการปลูกพืช
๖.๒.การบำรุงรักษา
๗.การผลิตจุลินทรีย์ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและสัตว์
๘.การพัฒนาสิ่งแวดล้อม
๘.๑.การกำจัดขยะ
๘.๒.การบำบัดน้ำเสีย
๘.๓.การกำจัดกลิ่นเหม็น
สนุกสนานได้รับความรู้วิชาการก่อนปูพื้นที่ไม่เคยสัมผ้สมาก่อน แล้วค่อยเล่าต่อตอนต่อไปครับ
เนื้อหาดูไม่ใช่เรื่องใหม่นะ
แต่การเล่าของคุณหมอดูจะเจือด้วยความรู้สึกตื่นเต้นลึกๆ
คงมีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษเป็นแน่
น่าสนใจดีน้อ ธรรมชาตอบำบัดเอง
เกษตรแบบนี้ ยั่งยืนดีน้อ
จาวหลวงล้านนา
ของเก่านะแต่ว่าการนำไปปฏิบัติจริงยังไม่มีครับ
ผมว่าจะลองดูครับ