มอดินแดงแห่งความหลัง
ในบรรดาเพลงสถาบันที่พี่ๆกลุ่มสอนให้เราร้องนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัย, Boom KKU ,ขวัญมอดินแดง, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มอดินแดง, ร่วมใจมอขอ, และ มอดินแดงแห่งความหลัง สำหรับข้าพเจ้าแล้วชอบเพลงมอดินแดงแหงความหลัง และ มอดินแดงที่สุด มีเรื่องเล่าถึงเพลงมอดินแดงแห่งความหลังเอาไว้ว่า ค่ำคืนของเดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๐ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหน็บหนาวที่สุดของมอดินแดง รุ่นพี่ของเรา ๓ คน ซึ่งเป็นนักศึกษารุ่นแรก กำลังอ่านหนังสือสอบที่เฉลียงหน้าหอสอง ภายหลังการสอบแล้วทุกคนก็จะต้องแยกย้ายจากกันไปตามวิถีทางของตน ตลอด ๔ ปี ผ่านทั้งสุขและเศร้า ด้วยความผูกพัน อาลัย ความเหงา ความมืด และความหนาวเย็นในคืนนั้นจึงถูกกลั่นกรองมาเป็นเพลง ที่มีชื่อว่า มอดินแดงแห่งความหลัง
“...........มอดินแดงยามนี้ คืนนี้เดี๋ยวนี้คงเศร้า ทุกค่ำเช้าแสนปวดร้าวเมื่อเราจากกัน
ครั้งก่อนเคยภักดิ์ ร่วมใจรัก ร่วมใจกัน เคยร่วมใจฝันเพื่อสร้างสรรค์สวรรค์แดนดิน......... ”
“พวกคุณทำได้แค่นี้เหรอ....” เสียงนั้นฉุดข้าพเจ้าออกมาจากภวังค์
“เพลงมหาลัยนะครับ ตั้งใจหน่อย .....ทีFour Please ทำไมร้องดังจัง” เสียงเฮรับจากพี่ๆ ฝั่งโน้นก็ดังประสานขึ้นทันที่ที่ประธานเชียร์พูดจบ
“ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อย ถ้างั้นผมให้เวลาพักรับประทานอาหารสำหรับวันนี้ .....”
เมื่อ พี่ลีดด์ ขึ้นจากสนาม พี่ๆกลุ่มก็กุลีกุจอขนข้าวกล่อง น้ำ ขนม มาให้น้องกลุ่มเหมือนเคย หลายๆกลุ่มคลายเครียดโดยการแปรแถวเป็นตัวอักษรประจำกลุ่ม บางกลุ่มก็ร้องเพลงโดยมีพี่ๆมาเต้นเป็นModel วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่น้องใหม่ปีนี้จะทำการทดสอบเพลงมหาวิทยาลัย สองวันก่อน เราทดสอบเพลงผ่านแค่ ๓ เพลง คือ ร่วมใจมอขอ, Boom KKU, มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนวันนี้ช่วงแรกเราผ่านเพลง มอดินแดง ส่วนเพลงมาร์ช, ขวัญมอดินแดง, และมอดินแดงแห่งความหลัง ยังไม่ผ่านซักเพลง
ถึง แม้จะเหนื่อยแต่ข้าพเจ้าก็ทานข้าวได้ไม่มากนัก ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยเพียงแต่รู้สึกกังวลเท่านั้นว่าถ้าเองเพลงไม่ผ่านจะเป็น อย่างไร ฝนก็ตั้งเค้าว่าจะตกเสียให้ได้ ถ้าเกิดตกมาจริงๆก็ไม่รู้ว่าจะหลบยังไงไหว
“น้องคะเรามีเวลาไม่มากพอนะคะ ขอให้พี่สตาฟช่วยจัดน้องเข้าระเบียบเชียร์ด้วย อีกสักครู่ประธานเชียระทำการทดสอบเพลงมหาวิทยาลัยค่ะ” เลขานุการเชียร์ประกาศผ่านไมค์ออกมา
เมื่อทุกอย่างพร้อม การทดสอบเพลงก็เริ่มขึ้น เพลงขวัญมอดินแดง ซึ่งเป็นเพลงที่ต้องปรบมือพร้อมๆกัน
“ขวัญเมืองขอนแก่น ไม่มีใดแม้นเหมือนมอดินแดง รื่นรมย์งามสมเป็นแหล่ง ชาวมอดินแดง พร้อมเพรียงแรงภูมิใจ.....
......ดั่งไม้ยืนต้นทนแห้งแล้งขวัญชาวมอดินแดงล้นอุรา สามัคคีกันใฝ่ฝันศรัทธาทั่วแดนฟ้าแห่งเรา” เหมือนนัดกันไว้เป็นอย่างดี เพลงนี้เราร้องจบ ไม่โดนเก็บกลางครัน เสียงเฮดีใจจากพี่ๆที่มาดูก็ดังขึ้นทันที
“ผมว่ามันคงเป็นเหตุบังเอิญ” ประธานเชียร์ขัด
“คุณต้องแสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องฟลุค ผมขอทดสอบเพลงนี้อีกครั้งครับ” เสียงบ่นอุบจากเพื่อนๆก็ตามมา ว่าประธานเชียร์ไม่มีเหตุผล บ้าอำนาจ
“ขวัญชาวมอดินแดง ไม่เคยแห้งแรงเพราะแรงใจมั่น กาลพฤกษ์งามนั่น หยัดยืนเป็นขวัญน้อมชีวันบูชา.....”
“พอๆ เถอะผมอายเค้า.....พวกคุณอย่าดันทุรังเลย ผมรู้แล้วว่าเมื่อกี้มันเป็นเรื่องบังเอิญ” ประธานเชียร์ให้กำลังใจสุดขีด
“เพลงนี้ผมขอพักเอาไว้ก่อน.....ขอทดสอบเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัยครับ”
เม เจอร์ลีดด์ ให้สัญญาณสั่งลุกขึ้น เราก็ลุกอย่างพร้อมเพรียงเป็นเวฟสวยงาม สามสี่ครั้งจนเพื่อนผู้หญิงบางคนเป็นลมจนต้องหามไปพยาบาลที่หลังแสตนด์ เมื่อลุกพร้อมกันแล้ว แต่ก็ยังร้องไม่พร้อมกัน หรือร้องพร้อมกันแต่เสียงไม่ดัง ก็จะโดนประธานเชียร์ที่ตอนนี้บรรดาพวกเราเรียกขานกันในนามฮิตเลอร์สั่งเก็บ ทุกคราวไป
“ผมอยากรู้จริงๆว่าคุณเข้า มหาวิทยาลัยได้ยังไง เอาไก่แลกมารึเปล่า ร้องเพลงแค่นี้ยังไม่เป็นเลย แล้วจะไปทำอะไรได้ กี่รุ่นมาแล้วที่เค้าผ่านการเชียร์กลาง ผมก็เพิ่งเคยเห็นรุ่นนี้แหละ ที่ไม่ได้เรื่องที่สุด”
ฝนเริ่มโปรยลงมาเบาๆ หลายคนทำท่าจะลุกขึ้นหลบฝน
“เชิญ ครับ...ถ้าคุณรักสบายก็เชิญ..กลับไปนอนที่หอสบายกว่าใช่มั้ยครับ ผมจะได้บอกรุ่นพี่ๆว่าปีนี้เราไม่มีน้องใหม่ ปีนี้ไม่มีกาลพฤกษ์ช่อที่ ๓๖....”
ประธานเชียร์พูดดัก จนไม่มีใครกล้าลุก
“เด็ก วิทยาเขตหนองคายครับ เชิญได้แล้วครับ รถมารับท่านกลับไปอาบน้ำนอนแล้วครับ....จะนั่งอยู่ทำไมครับ ผมอนุญาต ไม่มีใครว่าคุณกินแรงหรอกครับ เพราะทุกคนก็กินเหมือนกันหมด” เสียงพี่ๆหัวเราะรับมุขประธานเชียร์ดังมาสำทับ
จนอาจารย์ฝ่ายกิจการนักศึกษากับพี่ๆจากวิทยาเขตหนองคาย เข้ามาตามน้องถึงแสตนด์ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะลุกขึ้นกลับ
“พวกคุณจะนั่งอยู่ทำไม แล้วคืนนี้จะนอนไหน....”
ใครคนหนึ่งวิ่งไปที่ไมค์หน้าแสตนด์
“หนู เป็นตัวแทนวิทยาเขตหนองคายค่ะ พวกหนูจะยังไม่กลับจนกว่าจะปิดเชียร์ เราทิ้งเพื่อน ไม่ได้หรอกค่ะ ขออนุญาตอาจารย์และพี่ๆนะคะ ขอพวกหนูอยู่ต่อ เรื่องที่นอนไม่ต้องห่วง เราพักกับเพื่อนที่ขอนแก่นได้ ขอให้เราได้อยู่ช่วยเพื่อนนะคะ เราก็เลือดสีอิฐเหมือนกันเรา จะไม่ยอมทิ้งกันค่ะ” เสียง ปรบมือดังกึกก้อง เพราะซาบซึ้งกับน้ำใจที่เด็ดเดี่ยวของเพื่อนวิทยาเขตหนองคาย ที่แม้จะอยู่ไกลแต่ก็เข้ากลุ่มสัมพันธ์และเชียร์ไม่เคยขาด
“ได้...แต่ผมไม่รับประกันนะครับว่าพวกคุณอยู่แล้วเพื่อนจะร้องเพลงผ่าน ผมขอทดสอบเพลงมอดินแดงแห่งความหลัง....”
ฝนยังรินมาไม่ขาดสาย...แต่ทุกคนก็ยังอยู่ครบ ตั้งแต่น้องใหม่, พี่ สตาฟที่คอยลุ้นอยู่ด้านหลัง พี่ลีดด์ที่เต้นกลางสายฝนและสนามหญ้าเฉอะแฉะ จนหน้าและผมที่อุตสาห์แต่งมาสวยๆเมื่อตอนเย็น มาตอนนี้หาเค้าไม่ได้ พี่ๆที่มารอดูน้องใหม่ที่ทั้งโห่และโอ๋ก็ยังไม่ไปไหน รวมถึงประธานเชียร์ฮิตเลอร์ที่ยืนโดดเด่นอยู่ฝั่งโน้น ก็ยังคอยถากถางไม่ขาดปาก
“ยามนี้จำไกลดวงใจ ของฉันหมองไหม้ แสนเศร้าฤทัยสุดหักใจหลงรักไม่คลาย แต่ก่อนนั้นความสัมพันธ์เคยแนบแอบกาย หักใจไม่วายอยากเยี่ยมกรายหายเศร้าระทม....... ”
“เสียงมดเดินบนโพเดียม ยังดังกว่าเสียงคุณอีก” ประโยคเด็ดหลุดมาจากปากประธานเชียร์ อีกครั้ง
เรา ร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่จบเพลงเสียที ความอ่อนล้า อิดโรยทั้งกำลังกายและกำลังใจ คืบคลานเข้ามาแทนที่ เพื่อนผู้หญิงหลายคนก็เป็นลม และเป็น”ไฮเปอร์” เพื่อนผู้ชายหลายคน กัดฟันกรอด บ่นอยากจะชกหน้าประธานเชียร์ให้หายเจ็บใจ
“จะ สามทุ่มครึ่งแล้ว แต่พวกคุณยังไม่ผ่านสักเพลงใครรู้เค้าคงภูมิใจแย่ ผมว่าโอกาสที่พวกผมให้คุณ มันคงไม่มีค่าอะไรสินะ พวกคุณถึงไม่ใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่งลงเถอะครับ ไม่ต้องระเบียบเชียร์หรอก จะทำอะไรก็ตามสบาย พวกคุณไม่ผิดหรอก” พวกเราก็นั่งลงตากฝนฟังเขาพูดต่อ
“ความผิดทั้งหมดมันเกิดจากคนที่สอนต่างหากที่ได้เรื่อง ไม่มีระเบียบ ไม่เป็นตัวอย่างที่ดี สตาฟ....สตาฟ” เสียงเขาดุดันขึ้นเรื่อยๆ พี่ๆสตาฟวิ่งตื๋อออกมาจากหลังแสตนด์โกลาหล
“นี่ยังไงล่ะ ขนาดพี่ยังไม่พร้อมกันเลย จัดแถวสิ ยืนยังกะมาดูหมอลำ จัดแถว..”
“เฮ้”
“ช้าๆ....ยังช้าอีก ก็เพราะมีพี่แบบนี้ไง น้องถึงได้ไม่ผ่าน อ้าวยังมีอีกคน ไปไหนมาครับจีบน้องอยู่เหรอ วิ่งเร็วๆสิเพื่อนรออยู่” พี่ๆกว่าร้อยคนออกมายืนเรียงหน้ากระดานคอตกต่อหน้าน้องๆกลุ่มตัวเอง ไม่เหลือเค้าความสนุกสนานขี้เล่นเหมือนก่อน
“หัวหน้าสตาฟ ประธานเทคนิคเชียร์ครับ จะว่ายังไง” ประธานเชียร์เสียงเข้ม
ใครคนหนึ่งในนั้นวิ่งออกมาที่หน้าไมค์
“กระผม ในฐานะหัวหน้าสตาฟ ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับ ผมปล่อยให้พี่สตาฟเล่นกับน้องมากไป จนลืมการสอนเพลง ผมขอลงโทษลุกนั่งสิบเท่ารุ่นครับ ” แล้วเขาก็ลุกนั่งต่อหน้า พี่สตาฟ ไม่ทันอึดใจก็มีอีกคนวิ่งมาที่หน้าไมค์
“กระผม ในฐานะประธานเทคนิคเชียร์ ผมไม่วางแผนการซ้อม และอบรมที่ดีให้กับสตาฟ และน้องใหม่ ผมขอรับผิดในสิ่งที่ทำทั้งหมด ผมขอลงโทษตัวเองลุกนั่งสิบเท่ารุ่นครับ” ว่าแล้วก็ วิ่งไปสมทบกับหัวหน้าสตาฟกอดคอกันลุกนั่ง ไปได้ไม่ถึงสองเท่ารุ่นก็พากันล้มแต่ก็ประคองกันนับใหม่ พี่สตาฟหลายคนเริ่มขออนุญาตช่วยเพื่อนลุกนั่งด้วย จาก หนึ่ง เป็น สอง เป็น สาม และในที่สุดพี่ๆก็กอดคอกันลุกนั่งด้วยกันทั้งสนาม
“พวก คุณอย่าทำเลย มันทุเรศสายตา ลุกนั่งก็ยังไม่พร้อมกัน ผมขอสั่งให้หยุด....ได้ยินมั้ยครับ หน้าที่ของพวกคุณจบแล้ว คุณไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะเป็นพี่สตาฟได้ ผมขอป้ายสตาฟคืนครับ ผู้นำเชียร์ครับเชิญทดสอบเพลงต่อ”
เพลงมอดินแดง แห่งความหลังดังขึ้นอีกครั้ง น้องใหม่ทุกคนแหกปากร้องแทบสุดเสียง ขณะที่พี่ๆด้านหน้าเป็นลมร่วงราวใบไม้ ฝ่ายพยาบาลต้องลากกันโกลาหล บางคนหมดแรงเกลือกกับโคลนดินแดงของสนามกีฬา บ้างก็ตะโกนบอกให้น้องร้องดังๆด้วยน้ำตา บ้างก็กอดกันร้องไห้ แต่ปากยังร้องเพลงมอดินแดงแห่งความหลังกับน้อง
หลายคนเห็นภาพสะเทือนใจนี้ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความสงสารพี่ๆ
“ครั้งหนึ่ง เคยตรึงเคยคะนึงซาบซึ้งวิญญา ร่มกาลพฤกษ์เฝ้าแต่นึกไม่หวนคืนมา แสนเศร้าอุราสุดปรารถนาใฝ่หามาชม......” แม้จะร้องจบแต่เราก็ต้องร้องซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง
“อก เอ๋ยเคยชมเคยชิดเคยเชยเคยใกล้ ครั้งก่อนแต่ไรฝากหัวใจเฝ้ารักรำพัน ถิ่นสุขสันต์ดังวิมานเหนือคำจำนรรจ์ ร่มสวรรค์ดังฟ้านั้นเสกสรรประทาน”
“อดีต สตาฟครับ กลับไปได้แล้วครับ อย่าอยู่ให้รกหูรกตา....พวกคุณ...นักศึกษาใหม่ก็พอแล้วครับผมทนฟังต่อไปไม ได้อีกแล้ว คุณอย่าเอาเพลงมหาลัยของผมมาร้องเล่นอีกเลย ผมขอร้องล่ะ กลับไปอาบน้ำนอน รอเปิดเทอมแต่งชุดนักศึกษาไปเรียนเถอะครับ แต่ขอร้องว่าอย่าไปบอกใครล่ะว่าเป็นนักศึกษารุ่นนี้ ผมอายแทน”
พี่ๆสตาฟที่เหลือจากเป็นลมพากันหิ้วปีกออกจากสนาม หลายคนหันมามองกลุ่มตัวเองแล้วปาดน้ำตาที่ไหลจนตาแดงก่ำ
“ยาม นี้จำไกล ดวงใจของฉันหมองไหม้ แสนเศร้าฤทัยสุดหักใจหลงรักไม่คลาย แต่ก่อนนั้นความสัมพันธ์เคยแนบแอบกาย หักใจไม่วายอยากเยี่ยมกรายหายเศร้าระทม.....” เรา ยังร้องเพลงต่อด้วยเสียงทั้งหมดที่มี เพื่อนผู้หญิงหลายคนร้องไห้จนไม่อาจร้องเพลงต่อได้ แต่ก็ไม่ยอมไปไหน แม้ประธานเชียร์จะไล่ให้กลับ แต่เราก็ยังแหกปากร้องเพลงต่อไป จนกว่าจะจบเพลง
“พอแล้วครับ จะห้าทุ่มแล้วครับ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกคุณจะร้องต่อ เวลาของคุณหมดแล้วครับ เวลาได้พิพากษาทุกคนแล้ว หน้าที่ของสตาฟ,ลีดด์,เทคนิค เชียร์ และหน้าที่ของผมก็จบลงตรงนี้แล้วอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครจะบอกได้ว่าพวกคุณจะเป็นกาลพฤกษ์ช่อใหม่ได้อย่างเต็มภาคภูมิหรือไม่ นอกจากตัวของพวกคุณเองที่จะมีสำนึกว่าเลือดสีอิฐนั้นเข้มข้นแค่ไหน
ผมขอปิดการเชียร์กลางเพียงเท่านี้.....”
ไฟ ทั้งสนามดับลง เสียงประธานเชียร์เงียบลง เหลือเพียงเสียงร้องเพลงมอดินแดงแห่งความหลังอีกครั้งจนจบเพลง ความมืดเข้าครอบคลุมทุกอย่าง ไม่มีใครสักคนที่จะลุกขึ้นกลับหอพัก ข้าพเจ้าสับสนว่านี่มันอะไรกัน มันจบลงแล้วเหรอ ความทุ่มเทพยายามทั้งหมดของเราตั้งแต่กลุ่มสัมพันธ์จนถึงเชียร์กลางกว่า ๖ วัน มันส่งผลอย่างนี้เหรอ
......................
พลัน! แสงจากเทียนเล่มเล็กๆ กับเสียงเพลงมอดินแดงแห่งความหลังจากพี่สตาฟของเรา ที่เดินออกมาจากด้านหลังแสตนด์มายืนอยู่ข้างๆพวกเรา ก็ส่องสว่างไล่ความมืดมนและหนาวเย็น แปรเป็นความอบอุ่น เพลงมอดินแดงแห่งความหลังค่อยๆกระหึ่มขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงของน้องพี่มอดิน แดง
เหมือนมีก้อนอะไรมาติดที่คอข้าพเจ้า กับน้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหน ข้าพเจ้าร้องไห้อย่างไม่อายเหมือนกับเพื่อนอีกหลายๆคน น้องบางคนโผเข้ากอดพี่ร้องไห้ราวกับจะปลดปล่อยทุกอย่าง
พบ จบเพลงเสียงปรบมือโห่ร้องก็ดังขึ้นแทนที่ และเสียงเพลงคึกคักก็ถูกเปิดขึ้น ทุกคนก็วิ่งกรูไปรวมกันที่สนาม สไลด์ภาพกิจกรรมตั้งแต่วันที่เราเข้ามอ จนถึงวันเชียร์ก็ถูกฉายขึ้นบนจอหนังขนาดใหญ่ เสียงเฮมีขึ้นเป็นระยะๆที่มีรูปกลุ่มตัวเองหรือรูปพี่ๆบนจอ หลายๆกลุ่มพากันเต้นตามเพลงเพลงแดนซ์อย่างสนุกสนาน
มันจบลงแล้ว...ตอนนี้ข้าพเจ้าเป็นกาลพฤกษ์ช่อใหม่อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว......
ข้าพเจ้า เพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้อยู่ที่การร้องเพลงผ่าน หรือร้องเพลงเสียงดัง แต่มันอยู่ที่ใจของเราได้หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว และร้องเพลงออกมาจากใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและภาคภูมิใจในมอดินแดงแห่ง นี้ ที่ที่จะเป็นบ้านหลังที่สอง ที่เราต้องใช้ชีวิตอีก ๔ ปี ข้าพเจ้าเช็ดคราบน้ำตาสุดท้ายแล้ววิ่งไปสมทบกับเพื่อนที่ด้านล่าง
.............................
ฟ้า ยังไม่สาง แต่ข้าพเจ้าสวมเสื้อสตาฟ ห้อยป้าย สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะรีบบึ่งออกไปกับเพื่อนลีดด์และสตาฟใหม่ที่สถานีรถไฟ เพราะวันนี้เป็นวันที่น้องจะเข้ามอ
กาลพฤกษ์ช่อใหม่กำลังจะบานประดับใจชน อีกครั้ง..
หลังจากอ่าน เมล์ฉบับนี้จบ น้ำตาแห่งความหลัง ความปราบปลื้ม ความดีใจ ความซาบซึ้งใจ หากเมื่อย้อนนึกหวนไปยังอดีต เมื่อคราวเป็นน้องใหม่ เมื่อปี 2545 ได้ย้อนกลับมาในห้วงคำนึงอีกครั้ง อันเป็นน้ำใสๆที่ไหลจากดวงตา น้ำแห่งความสุขใจ...
ใช่แล้ว บรรยากาศแบบนี้ที่พวกเราชาว มอดินแดง ล้วนได้สัมผัสกันทุกรุ่น
นั่นเหมือนเป็นสัญญากับตนให้เตือนตนว่า
"นักศึกษา ภายใต้ร่มกัลปพฤกษ์"
จะต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา วิทยา และจริยา
ดำรงตนด้วยวิถีชีวิตที่ดีงามต่อไป
แต่ ณ เวลา นี้
มอดินแดงยามนี้ คืนนี้เดี๋ยวนี้คงไม่เศร้าแล้ว
เพราะสองวันนี้ที่ผ่านมานี้ ได้มีโอกาสกลับไปยัง ดินแดนแห่งความหลังอีกครั้ง
เสียงพี่สตาฟของแต่ละคณะ กำลังรับน้องใหม่อย่างขยันขันแข็ง
ปีนี้ก็จะมีกัลปพฤกษ์ช่อใหม่เตรียมออกดอกและเบ่งบานต่อไป
อ่านแล้วชวนให้นึกถึงความหลัง พี่ก็คนหนึ่งที่มาจากรั้วมอดินแดง รหัส 28 คงจะห่างกันมากแต่ความรู้สึกไม่ต่างกันเลยนะ เกือบ 20 ปีแล้วที่ไม่ได้ไปเยียมเยือน หากอยู่ในความคนึงและความทรงจำอยู่ตลอด
สวัสดีค่ะพี่โบ ค่ะชวนให้หวนนึกถึงความหลัง ทั้งความทุกข์ ความสุข ความเศร้า หลายๆอย่างที่ได้บ่มเพาะเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้า...
ขอบคุณค่ะแวะมาทักทาย ^_^
สถาบันการศึกษามหาวิทยาลัย ความยิ่งใหญ่จึงใช้นำว่า"มหา"
มหาอมตะนิรันดร์ตระการตา เพียงเศษเสี้ยวดอกหนามหัศจรรย์
สวัสดีค่ะ
อ่านๆไปลืมตัวนึกว่ายังกำลังเรียนอยู่ มันย้อนเวลาไม่ได้จริงๆ แต่จะให้หลานม่อนไปกิจกรรมแบบนี้ได้แน่ๆ ขอบพระคุณ
สวัสดีค่ะพี่ อิงจันทร์
555 กว่าเทียนน้อยจะคลอดได้แต่ละบันทึก ยากจังเลย พี่อิงจันทร์สบายดีนะคะ คิดถึงค่ะ ขอบคุณค่ะ ^_^
ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ นายวิโรจน์ พูลสุข
เทียนน้อยยังจำบทกลอนนี้ได้ค่ะ เอาไปฝากศิษย์รัก
มหาลัยใช่สวรรค์การศึกษา เด็กๆจ๋าอย่าเข้าใจสุดท้ายฝัน
การเรียนรู้ใช่ชื่อสถาบัน ที่สำคัญนั้นสร้างเธอเลิศเลอดี
อาชีวะมหาลัยหรือในบ้าน อัศจรรย์การเรียนรู้คู่ศักดิ์ศรี
รู้จักตัวเข้าใจตนเป็นคนดี...มีหน้าที่มีเงินใช้สุขใจเอย...
ขอบคุณค่ะคุณครูคิม
แม้ย้อนหวนคืนความหลังยังยาวนาน
แต่ทว่าทุกความทรงจำยังคงมีคุณค่าและความหมายในใจตนเสมอค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะท่าน นายประจักษ์~natadee
เป็นกำลัง.0ให้หลานชายตัวน้อยๆด้วยคนค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะครูเทียนน้อย
มารายงานตัวค่ะ รหัส 30....ค่ะ
ชอบมากเลยค่ะเพลงมอดินแดงแห่งความหลัง
ขอบคุณนะคะที่นำภาพประทับใจมาให้ดู ขนลุกค่ะ
ตอนที่เรียนคณะพยาบาล ได้รางวัลประกวดเชียร์
แต่หลังๆมักเป็นศึกษาศาสตร์....
ขอบคุณนะคะบ้านมีดอกไม้ พอได้ชมค่ะ....
สวัสดีค่ะพี่แดง
เทียนน้อยก็ชอบคะ
เดียวการแข่งขันเชียร์กลางเข้มข้นเรื่อยๆนะคะ
หลากหลายคณะต่างร่วมแรงส่งใจกัน....
หากเราคิดว่ามันเป็นกิจกรรมที่น้องใหม่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้น
ให้เป็ฯอันหนึ่งอันเดียวกัน รักสามัคคี...นะคะ ขอบคุณค่ะ ^_^
กาลพฤษ์กช่อที่ 33 คะ รหัส 39 คิดถึงมอดินแดงเสมอมีโอกาสจะไปเยี่ยมเยือนคะ ตอนนี้กาลพฤษ์กชอนี้กำลังบานเพื่อสร้างอนาคตของชาติ ed28 เอกประถมคะ
ขอบคุณค่ะกัปตัน
รำฃึกมอดินแดงแห่งความหลังกันนะคะ
อ่านที่พี่เขียนแล้วรู้สึกรัก มข.มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้หนุเรียนปีสี่ ที่ มข.นี่แร่ะค่ะ
ถ้าจบไป คงคิดถึง มข.มากๆเลย
อ่านแล้วคิดถึงความหลังเช่นกันค่ะน้องเมย์
ทุกๆ สถาบันล้วนหล่อหลอมอย่างสร้างสรรค์
ยามย้อนหวนนึกไปแล้วมีความทรงจำดีๆ ก็ซึ้งพอ
ไว้หล่อเลี้ยงเป็นพลังแรงใจไต่ฝันเพื่อรังสรรค์สังคมต่อไป
....
เป็นกำลังใจให้น้องครูเมย์ กับทุกเส้นทางเดินของชีวิตค่ะ
มาทักทาย หลังจากห่างหายกันไปนานค่ะ คุณครูเทียนน้อย
สวัสดีคะน้องเดียร์
ความหลังเมื่อครั้งเยาว์วัย...คงไม่มีกัลปพฤกษ์ช่อไหนที่จะลืมได้คะ
สถานที่บ่มเพาะความรู้ วิทยา จริยา ปัญญา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคน
จะรับไปได้มากน้อยเพียงใด...ใกล้จบแล้วสินะคะ
ยินดีกับว่าที่บัณฑิตล่วงหน้าจ้า...ขอบคุณที่แวะมาทักทายชาวเลือดสอิฐนะคะ
มาเยี่ยมเหมือนกันค่ะ หลังจากที่น้องคุณครูเทียนน้อยห่างหายไปพักใหญ่
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สวัสดีคะพี่ปู
อ่านแล้วคิดถึงความหลังนะคะ
อิอิอิ....เรายังไม่...นะคะ
เป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พี่ปูเช่นกันค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะพี่NU 11
เทียนน้อยมาหอบเอากำลังใจไปกระบุงโกยค่ะ...
คิดถึงค่ะ...สบายดีนะคะ....
ส่งกำลังใจให้พี่เช่นกันค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะเที่ยนน้อยกาลปพฤกษ์ช่อที่ 33 Ed28 ได้อ่านแล้วคิดถึงมอดินแดงจังเลย
*ยินดีกับน้องร่วมสถาบันอีกคนแต่ชีวิตของคนปั้นฝันอย่างพวกเราศึกษาศาสตร์ไม่หยุดอยู่แค่นี้นะคะ
*ฝันต่อไป พี่ บริหารการศึกษามข.รุ่น 25 จ้า
สวัสดีค่ะed28 secondary
ขอบคุณจากใจ ed34secondary
สวัสดีค่ะพี่
ขอบคุณนะคะที่ทำให้พี่นึกถึงความหลัง ร้องเพลงเชียร์ไม่เคยผ่านเลยสักครั้ง โหดมาก ถูกพี่ด่าจนโกรธแล้วโกรธอีกแต่แสดงออกไม่ พอจบเชียร์ค่อยรู้ว่านี้คือการฝึกให้อดทนอีกแบบ
ขอบคุณเจ้าของบทความมากครับ ผมก็กัลปพฤกษ์ช่อนี้ครับ กัลปพฤกษ์ช่อที่ 46
ที่เบ่งบานเหมือนรุ่นพี่ช่ออื่นๆ ความรักในสถาบันถ้าไม่มีเชียร์กลางก็ยากเหมือนกันที่จะเเสดงออก
เเละยากที่จะเข้าถึงความเป็นมหาวิทยาลัยขอนเเก่นโดยถ่องเเท้
ตอนนี้กัลปพฤกษ์ช่อใหม่ก็ได้เบ่งบานมาอีกช่อเเล้ว เราได้เเต่ฝากความหวังถึงช่อต่อๆไปที่เราจะฝากชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย
ขอนเเก่นเอาไว้ให้ช่วยเชิดชู สถาบันที่เรารักเเละเคารพต่อไป ครั้นเมื่อเราจบการศึกษา
โทษนะครับ
รูปภาพประกอบ เป็นกัลปพฤกษ์ช่อที่ 46
เเต่บทความไม่ใช่ (รึป่าว) เพราะปีผมไม่มีฝน เเต่ประธานเชียร์เเรงสูสี 555+
คิดถึงช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตและศึกษาอยู่ที่ มข. รักที่นั่นจริงๆค่ะ