beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

beeman กับ คะแนนทศพักตร์ (๒ : มิ.ย.๕๒)


     หลังจากวิเคราะห์ตัวเองในบันทึกที่แล้วผ่านมา ๒ ปี บัดนี้ถึงเวลาอันควรที่จะลองสอบใหม่ เพื่อให้คะแนนตัวเองที่มากกว่าเดิม  

     ต่อไปนี้ ผมจะได้วิเคราะห์ตัวผมเอง (beeman) ว่าปัจจุบัน สถานะของคุณอำนวยที่เป็น "นักจัดการความรู้" นั้น สถานะปัจจุบัน (มิถุนายน ๒๕๕๒)  ใน 10 Competency ของมูลนิธิ สคส. ผมควรมีคะแนนประมาณเท่าใด (จากคะแนนเต็ม ๑๐๐) :

       1. เป็นผู้ที่สามารถสร้างความเข้าใจและสร้างแรงจูงใจให้กับ "คุณเอื้อ" และ "คุณกิจ" ได้ พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องเป็น "นักขาย" ที่สามารถอธิบายและ "ขายฝัน" ในเรื่อง KM ให้กับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานได้ ข้อนี้ คุณอำนวยต้องทำหน้าที่ เหมือนเป็น "เซลล์แมน" ที่จะต้องอธิบายเรื่อง KM ให้ผู้บริหารหรือคุณเอื้อ กับผู้ปฏิบัติงานหรือคุณกิจ ให้เข้าใจในระดับปฏิบัติ ส่วนนี้ก็คือทำหน้าทีเป็นนักประสานงานที่ดี สำหรับข้อนี้ ในปัจจุบันผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของคณะวิทยาศาสตร์ ด้านการจัดการความรู้ ข้อนี้ผมทำได้ดีขึ้น เพราะมีหลายท่านในคณะฯ ได้มาปรึกษาในเรื่องนี้ และเข้าใจ KM มากขึ้น ข้อนี้ผมน่าจะได้คะแนนมากว่า ๒ ปีก่อน คือ จาก ๕๕ คะแนนเดิม ปีนี้น่าจะอยู่ที่ ๗๐ คะแนน

       2. เป็นผู้ที่ออกแบบกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.)ในหน่วยงานได้ คือทำหน้าที่เป็นนักออกแบบ หรือเป็น "วิศวกร" กระบวนการ(เรียนรู้) ได้ ในข้อนี้ คุณอำนวยต้องทำหน้าที่ เป็นวิศวกร ที่สามารถออกแบบกระบวนการ ลปรร. (วิทยากรกระบวนการ) ได้ และเพิ่มเติมว่า สามารถดัดแปลงกระบวนการลปรร. ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมหรือสถานที่ลปรร.ได้ด้วย (ต้องรู้จัก "ปรับใช้")  สำหรับข้อนี้ในปัจจุบัน ผมผ่านสนามทดสอบปฏิบัติมาหลายสนาม (ทั้งประเภทเดี่ยวและทีม) แต่ละสนามก็มีโจทย์ใหม่ๆ ให้ได้ลองออกแบบดู ผมก็ปรับใช้วิทยายุทธของปรมาจารย์หลายสำนัก ข้อนี้ผมคงทำคะแนนได้ดีถึงดีมาก คะแนนเดิม จาก ๖๐ คะแนน ปีนี้น่าจะเพิ่มเป็น ๘๐ คะแนน

        3. เป็นผู้ที่สามารถสร้างบรรยากาศที่ดี มีความเป็นกันเอง และมีการ ลปรร. ที่ลื่นไหลเป็นไปตามธรรมชาติ เปรียบได้กับบทบาทของ "สถาปนิก" ที่ออกแบบบ้านได้อย่างดี มีการถ่ายเทอากาศ โล่งโปรงสบาย อยู่แล้วไม่อึดอัด ในข้อนี้ คุณอำนวยต้องทำหน้าที่เป็น "สถาปนิก" และสถาปนึก โดยการสร้างบรรยากาศที่ดี มีความเป็นกันเอง เพื่อให้บรรยากาศของการ ลปรร. ไหลลื่นเป็นธรรมชาติ เช่น การพูดคุยอย่างเป็นกันเอง การเปิดเพลงเบาๆ  หรือจัดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันของผู้ที่เข้ามา ลปรร.  ข้อนี้ ผมผ่านสนามการสร้างบรรยากาศ มาหลายสนาม คิดว่าข้อนี้ยากที่สุด เพราะนอกจากตัวเราแล้ว ยังมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นบททดสอบด้วย ถ้ามีเวลาน้อยไปก็มักไม่ค่อยได้ผล หรือหากไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่องมากพอ ก็มักจะไม่ค่อยได้ผล ผมจึงมีทั้งสอบผ่านและสอบตก โดยรวมแล้ว ผมน่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดี มีคะแนนเพิ่มจาก ๖๗ คะแนน เป็น ๗๙ คะแนนครับ

       4. มีทักษะในการตั้งคำถาม จับและสรุปประเด็นได้ พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องมีทักษะของการเป็น "นักจัดเวที" หรือผู้ดำเนินรายการอยู่ในตัว ขยายความว่า คุณอำนวยต้องทำหน้าที่ เป็น "พิธีกร" รายการโทรทัศน์หรือวิทยุ ที่สามารถยิงคำถาม จับประเด็น รวมทั้งสรุปประเด็นที่มีการ ลปรร. ได้เป็นอย่างดี (เป็นอะไรที่มากกว่า "คุณลิขิต") ครับ ข้อนี้ ผมคิดว่า เรื่องทักษะการยิงคำถามหรือ AI ผมทำได้ค่อนข้างดีส่วนความสามารถในการ Capture ผมทำได้ในระดับค่อนข้างดี แต่ถ้าเป็น Mind Mapping ยังต้องฝึกฝนอีกมาก หรือ ช่วง Reflection ก็ยังต้องฝึกฝนอีกพอสมควร แต่ความสามารถต้องเพิ่มขึ้นจากเดิมแน่นอน จาก ๕๕ คะแนนเดิม ผมคิดว่าข้อนี้ควรได้ ๗๕ คะแนน

       5. รู้จักเครื่องมือช่วยพัฒนาการเรียนรู้ที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้เครื่องมือได้เหมาะสมกับบริบท และกลุ่มเป้าหมาย เรียกได้ว่าต้องมีความสามารถในลักษณะของ "ที่ปรึกษา" หรือ "Consultant" ที่สามารถให้คำแนะนำ และเลือกใช้เครื่องมือได้อย่างเหมาะสม ขยายความว่า คุณอำนวยต้องทำหน้าที่ เป็น ที่ปรึกษา ที่สามารถให้คำแนะนำ (กับคุณอำนวยมือรองลงไป) รวมทั้งเลือกใช้เครื่องมือหรือ Tool ได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างของ Tool เช่น กำหนดการ, Card Techniques, Mind Mapping, Flip Chart, Computor, Monitor, กล้องถ่ายภาพถ่าย VDO เป็นต้น ครับ ข้อนี้ผมไม่ค่อยเก่งเรื่อง "สื่อ" เท่าไร แต่ก็พยายามฝึกฝน ผมคิดว่า ผมสามารถเลือกใช้สื่อได้ดีขึ้น ตัวช่วยคือเราฝึกฝนคนอื่นๆ ให้เพิ่มศักยภาพของการถ่ายทอดโดยฝึกให้เขียนบัน็ทึกและช่วย comment ให้ นอกจากนั้นผมก็มองหาคนที่เก่งในเรื่องนั้นๆ มาช่วยทำแทน โดยอธิบายบทบาทให้เขาได้เข้าใจ มีวิธีการพูดเพื่อให้เขาทำงานให้กับทีมได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ คิดว่าคะแนนในข้อนี้ น่าจะเพิ่มจาก ๕๕ คะแนน เป็น ๗๕ คะแนน

       6. สามารถนำ IT มาประยุกต์ใช้ในการ ลปรร. และใช้เผยแพร่ความรู้ได้อย่างเป็นระบบและทรงพลัง  เรียกว่าต้องมีความเป็น "นัก IT" อยู่บ้างจะได้ประยุกต์ใช้ IT ได้ หรือพูดกับฝ่าย IT รู้เรื่อง ขยายความว่า คุณอำนวยต้องมความเป็น นัก IT อยู่ในตัวด้วย ครับ ข้อนี้ถ้าตีความว่า IT Man คือ นัก IT อย่างที่เราเข้าใจ ผมอาจจะทำได้แค่ผ่านในข้อนี้ แต่ถ้าตีความว่า IT Man คือ ใครก็ได้ที่มีความรู้คอมพิวเตอร์ขั้นใช้งานได้ ข้อนี้ผมคงทำได้ดีทีเดียว จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมใช้ IT แค่ GotoKnow (กับเครือญาติ) สร้าง blog และเขียนบันทึก จำนวนมาก (เกินกว่าจะคาดคิด) ทำให้ความรู้ฝังลึกในตัวถูกถ่ายทอดออกมา รู้จัก "ตัวตน" ตัวเองมากขึ้น และทำให้คนอื่นรู้จักเรามากขึ้น จนกระทั่งได้รับรางวัลและการยกย่องหลายเวที มีการประยุกต์ใช้งาน (ในฐานะ User) อย่างเป็นระบบ ซึ่งถ้าเป็นไปอย่างที่ผมตีความ ตรงนี้ผมน่าจะได้คะแนนเพิ่มจาก ๗๐ คะแนน เป็น ๘๕ คะแนนเป็นอย่างน้อย

       7. สามารถวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ ทั้งในเชิงวัฒนธรรมองค์กร ทั้งก่อนและหลังการใช้ KM ซึ่งหมายถึงต้องมีคุณสมบัติของการเป็น "นักวิเคราะห์" อยู่ด้วย ขยายความว่า คุณอำนวยต้องมีคุณสมบัติ เป็นนักวิเคราะห์แบบธรรมชาติอยู่ในตัวด้วย สามารถวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการใช้ KM (ทั้งในระดับปัจเจก ทีม เครือข่าย และวัฒนธรรมองค์กร) ซึ่งผมคิดว่าถ้าคุณอำนวยมีทักษะและชอบการจดบันทึก ตลอดจนรู้จักการสังเกตแล้ว คุณสมบัติข้อนี้คงผ่านได้ไม่ยาก ข้อนี้ผมตีความเข้าข้างตัวเองว่า ผมมีธรรมชาติเป็นนักคิดนักวิเคราะห์อยู่แล้ว จากเดิมที่ผมไม่ให้คะแนนในข้อนี้ ซึ่งก็หมายถึงมีเกิน ๕๐ คะแนน ข้อนี้ให้คะแนนใหม่ ผมควรได้ ๘๐ คะแนน

       8. สามารถติดตาม ประเมินผลการใช้ KM ได้ เป็นบทบาทในฐานะ "นักประเมินผล" ที่จะต้องคอยติดตามประเมินการทำงานเป็นระยะๆ และสามารถนำข้อมูลย้อนกลับมาใช้ปรับการทำงานได้ ขยายความว่า คุณอำนวยต้องทำหน้าที่เป็น นักติดตามประเมินผล แบบกัดไม่ปล่อย ต้องนำ คำติมาเพื่อแก้ไข นำคำชมมาเป็นกำลังใจและทำให้ดียิ่งขึ้น ข้อนี้ความจริงผมไม่ค่อยชอบเป็นนักประเมินผลเท่าไรนัก แต่เท่าที่สังเกตการทำงานของตัวเอง พบว่าผมจะมีการประเมินตัวเองตลอดเวลา และนำสิ่งที่บกพร่องมาแก้ไขและปรับระบบการทำงานให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป และพบว่าการบันทึก Process ทุกขั้นตอนการทำงานนั้น ช่วยได้มากทีเดียว จากคะแนนเดิมที่ให้ตัวเอง ๕๔ คะแนน น่าจะเพิ่มเป็น ๘๕ คะแนน

         9. สามารถผลักดันให้เกิดเครือข่ายในลักษณะของ "ชุมชนนักปฏิบัติ (CoPs)" ซึ่งก็คือคุณสมบัติในลักษณะที่เป็น "นักพัฒนา" หรือ "นักสังคม" นั่นเอง ขยายความว่า คุณอำนวยต้องทำหน้าที่เป็น นักพัฒนาต่อยอด เพื่อให้เกิดการทำงานในลักษณะเครือข่ายแบบที่เรียกว่า CoPs ข้อนี้รู้สึกว่า CoPs ของตัวเองมีแค่ KFCop เท่านั้น ซึ่งแม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลงานอะไรออกมามาก แต่ก็ทำอยู่ตลอดเวลา นอกนั้นก็มี CoPs ในเวทีเสมือน NUKM CoPs ใน GotoKnow ส่วน CoPs ผึ้งก็ยังทำไม่สำเร็จเหมือนเดิม (ความจริงคือไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม)  ข้อนี้จากคะแนนที่เคยให้ตก ๔๙ คะแนน น่าจะเพิ่มเป็นในระดับพอใช้ เป็น ๖๐ คะแนน

        10. รู้จักใช้หลักการให้รางวัล การชมเชยยกย่อง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการ ลปรร. ที่ต่อเนื่อง และยั่งยืน ซึ่งก็คือ บทบาทในฐานะ "นัก HR" หรือนักพัฒนาองค์กร ขยายความว่า คุณอำนวยต้องมีศิลปะ ในการสนับสนุนให้เกิดการ ยกย่องชมเชย ผู้กระทำความดีทั้งหลาย ให้เกิดกำลังใจในการทำความดีต่อไปอย่างต่อเนื่อง ครับ ข้อนี้รู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีครับ ในเชิงยกย่องให้กำลังใจ ทั้งจากการพูดคุย เขียนบันทึก มอบของที่ระลึก ซึ่งคงทำได้ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และความเข้าใจตนเองในฐานะ HRD ก็เพิ่มขึ้นด้วย จากคะแนนที่ให้ตัวเองผ่าน ๕๑ คะแนน ในรอบที่แล้ว น่าจะเพิ่มเป็น ๗๑ คะแนนครับ

จบการบันทึก

beeman เสาร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เวลาตีสี่

      

หมายเลขบันทึก: 267777เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2009 04:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ทีแรกตั้งใจจอง แต่เมื่ออ่านจบต้องอ่านซ้ำ
  • บทบาทและหน้าที่ของคุณอำนวย
  • ที่ไม่ธรรมดา นับถือๆ จริงๆ
  • มันเป็นงานที่ไม่รู้จบ
  • แต่ท่านอ.สามารถปรับ ประยุกต์
  • และวางแผนทำงานอย่างเป็นระบบ
  • เป็นแผนงานที่แปรรูปการทำงาน
  • ได้ตามสภาพความเป็นจริง
  • อย่างเป็นรูปธรรม
  • ครูต้อยขอเรียนรู้และถือเป็นแบบอย่างค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

- นอนดึกจังเลยค่ะ หรือตื่นนอนใหม่ค่ะเนี่ยะ

- สงสัยหากวิเคราะห์ เพชรน้อย คงไม่ผ่านหลายประเด็นค่ะ

- ตามมาชื่นชมยินดีกับอาจารย์ค่ะ

เรียน ครูต้อย

  • แต่ก่อน เริ่มทำงานจากการเป็นนักเรียน "คุณอำนวย"
  • แล้วก็ได้ออกแบบกระบวนการเป็น "คุณอำนวย"
  • ตอนนี้ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึก "วิทยากรกระบวนการ" หรือ "คุณอำนวย" หรือ Facilitator
  • ทำหน้าที่เป็น "โค้ช" หรือ "Coaching" คุณอำนวยครับ
  • ฝึกปรือวิทยายุทธ จาก "มีกระบวนท่า" เป็น "ไร้กระบวนท่า" อิอิ

เรียน ท่านเพชรน้อย

  • ทักษะการเป็นคุณอำนวย ไม่สามารถเรียนจากตำราได้
  • ต้องได้ลงสนามฝึกภาคปฏิบัติครับ
  • ความจริงไม่ว่าทำงานอะไร เราสามารถฝึกฝนทักษะการเป็น คุณอำนวยได้ทั้งนั้นครับ
  • การทำงาน เป็นการ ปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง และช่วยให้เราได้ฝึกทักษะการเป็นคุณอำนวยด้วย ทำงานไป เรียนรู้ไปครับ
  • ลืมบอกไปว่า นอนหลับไปตอน ๓ ทุ่ม
  • ตื่นมาตีสองครึ่ง นอนไม่หลับก็เลยมาเขียนบันทึกนี้ (ร้อนวิชา..อิอิ)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท